Thursday, January 05, 2006

THE PRESIDENT'S LAST BANG (A+)

--พรินท์อันดับหนังของน้อง MERVEILLESXX เก็บไว้ในทันทีที่ได้เห็น รู้สึกว่าอ่านแล้วมีความสุขมาก

--ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอันดับของตัวเอง แต่รู้ว่าอันดับหนึ่งหนังยาวของตัวเองประจำปี 2005 คือเรื่อง AFTERNOON TIME ของทศพล บุญสินสุข ที่จะฉายที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.นี้ เวลาราว 15 หรือ 16.00 น.จ้ะ

ส่วนอันดับหนึ่งหนังสั้น เป็นของ PAMELA, POUR TOUJOURS (2003, ALAIN BOURGES)

ช่วงนี้ป่วยเป็นหวัดค่ะ ก็เลยได้แต่ตามอ่านที่ทุกๆคนเขียน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะเขียนตอบแต่อย่างใด รู้สึกหัวสมองตื้อๆมึนๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก อย่างไรก็ดี รู้สึกดีใจมากที่ตัวเองป่วยเป็นหวัดในช่วงสัปดาห์ปีใหม่ แทนที่จะป่วยเป็นหวัดในช่วงเทศกาลหนังทดลอง เพราะถ้าป่วยเป็นหวัดในช่วงเทศกาลหนังทดลอง คงอกแตกตายไปแล้ว

หนังและวิดีโอที่ได้ดูในช่วงนี้

1. THE PRESIDENT’S LAST BANG (2005, IM SANG-SOO, A+++++)

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะมีออกขายเป็นดีวีดีนานแล้ว แต่เพิ่งได้ดูที่โรงอีจีวี เมโทรโพลิสวันนี้ รอบ 17.30 น. ปรากฏว่ามีดิฉันดูอยู่คนเดียวในโรง เข้าใจว่าสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครสนใจดูหนังเรื่องนี้, ที่หน้าโรงไม่มีบอกแม้แต่นิดเดียวว่ามีการฉายหนังเรื่องนี้ และพอถามพนักงานขายตั๋ว พนักงานขายตั๋วก็บอกว่าไม่มีหนังเรื่องนี้ฉาย แต่ดิฉันเห็นที่หน้าจอของพนักงานขายตั๋วมีขึ้นชื่อหนังว่า PRESIDENT อยู่ ก็เลยชี้ให้เขาดู ก็เลยได้ซื้อตั๋ว สรุปว่าคนที่จะไปดูหนังที่อีจีวี เมโทรโพลิส อย่าได้เชื่อใจชื่อหนังหน้าโรงและเชื่อใจพนักงานขายตั๋ว เพราะอาจจะมีหนังบางเรื่องเปิดฉายในโรงนี้ โดยที่แม้แต่เจ้าหน้าที่โรงหนังหลายๆคนเองก็ยังไม่ทราบ

ชอบอารมณ์ตลกในหนังเรื่องนี้มาก หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ซีเรียสมาก แต่ผู้กำกับกลับสามารถใส่อารมณ์ขันแทรกเข้ามาได้ตลอดเวลา บางอารมณ์ในหนังดูแล้วนึกถึงหนังยุคหลังๆของ RAINER WERNER FASSBINDER อย่างเช่นเรื่อง THE THIRD GENERATION (A+++++) เพราะว่าหนังมีการใส่ใจกับเรื่องมุมกล้องค่อนข้างมาก, มีการถ่ายภาพตัวละครผ่านกระจกและพื้นผิวสะท้อน และมีอารมณ์ขมขื่นปนขบขันเหมือนหนังของฟาสบินเดอร์


2.BEFORE SUNSET (RICHARD LINKLATER, A+)

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้ความรู้สึกชอบหนังเรื่อง A WINTER’S TALE (1992, ERIC ROHMER) พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ A+ ในทันที หลังจากที่เคยชอบ A WINTER’S TALE แค่ในระดับราว A- เท่านั้น สาเหตุเป็นเพราะว่าตอนที่ดู A WINTER’S TALE เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นยังไม่รู้สึกอินกับนางเอก (CHARLOTTE VERY) ของเรื่องเท่าไหร่ ไม่ค่อยอินกับนางเอกของเรื่องว่าทำไมถึงรู้สึกผูกพัน ทำไมถึงรู้สึกรัก “ผู้ชายที่หายสาบสูญ” ไปมากขนาดนั้น มีผู้ชายดีๆเข้ามาให้เธอเลือก เธอก็ไม่เลือก เธอยังคงตัดสินใจที่จะอยู่เป็นโสดต่อไป ราวกับว่าเธอแอบหวังอยู่ลึกๆว่าสักวันหนึ่ง “ปาฏิหาริย์” อาจจะเกิดขึ้น สักวันหนึ่ง “ปาฏิหาริย์” อาจจะดลบันดาลให้ผู้ชายที่หายสาบสูญไปนานหลายปีเดินมาเจอเธอโดยบังเอิญอีกครั้ง

แต่พอได้ดู BEFORE SUNSET ได้เห็นอาการของเซลีน (จูลี่ เดลปี้)ในเรื่องนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าเซลีน เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมไปยังตัวละครนางเอกของ A WINTER’S TALE และทำให้ดิฉันเข้าใจเฟลิซี ซึ่งเป็นนางเอกของ A WINTER’S TALE มากยิ่งขึ้น เซลีนก็พลัดพรากจากชายหนุ่มที่เธอชอบเช่นกัน เธอยังคงใช้ชีวิตตามธรรมดาปกติต่อไป และคงจะคิดว่าสักวันเธอก็คงจะลืมเขาได้เอง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เซลีนก็ตกอยู่ในสถานะคล้ายๆกับเฟลิซี และถึงแม้ BEFORE SUNSET จะไม่ได้แสดงให้เห็น “ภาพ"”เลยว่าเซลีนใช้ชีวิตอย่างไรในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา แต่ดิฉันกลับรู้สึกราวกับว่าดิฉันเห็นภาพชีวิตของ “เฟลิซี” ผุดขึ้นมาในหัวแทน

3.SOFIE (1992, LIV ULLMAN, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0105436/

4.BREAKING THE CYCLE (2002, DOMINICK BRASCIA, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0363485/

ไม่แน่ใจว่าจะเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังโป๊แนว SOFT CORE ได้หรือไม่ ตอนที่ได้วิดีโอหนังเรื่องนี้มาก็ไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นหนังโป๊ แต่ดูจากคุณภาพการถ่ายทำแล้วก็รู้สึกว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับหนังโป๊อย่างมากๆ อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้ก็มีฉากโป๊น้อยมากเมื่อเทียบกับหนังโป๊โดยทั่วๆไป เรียกว่าเป็นหนังครึ่งๆกลางๆระหว่างหนังโป๊กับหนังไม่โป๊ก็แล้วกัน

บทหนังเรื่องนี้นึกว่าเขียนโดยเด็กชั้นประถม ทุกอย่างในเรื่องเดาง่ายที่สุด (แต่หนังโป๊ก็มักจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ) แต่ความ “ห่วย” ในหลายๆอย่างของหนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นความ “ฮา” ได้เหมือนกัน และความ “เดาง่าย” ของหนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นความ “ฮา” ได้ด้วย

สิ่งที่ชอบมากก็คือ “พระเอก” (เอ หรือจะเรียกว่า “นางเอก” ดี) คนหนึ่งของเรื่องนี้ที่ตั้งใจเล่นบท “ดราม่า” อย่างมากๆ เธอ/เขาแสดงอารมณ์ได้จริงจังมากจนทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยเห็นการแสดงแบบนี้ในหนังโป๊สักเท่าไหร่ บางที “พระเอก” ของหนังเรื่องนี้อาจจะนึกในใจก็ได้ว่า “ฉันนี่แหละคือ “เมอรีล สตรีพ” แห่งวงการหนังโป๊เกย์” ขณะที่เล่นหนังเรื่องนี้ ถึงได้ตั้งอกตั้งใจ แสดงมากขนาดนั้น


5.ELF (2003, JON FAVREAU, B+)

6.LITTLE BROTHER (KIM TAE-HYUNG, B-)


FAVORITE ACTOR

1.HAN SUK-KYU—THE PRESIDENT’S LAST BANG
http://www.imdb.com/name/nm0359197/

เขาเคยเล่นหนังเรื่อง THE SCARLET LETTER, TELL ME SOMETHING, SHIRI และ CHRISTMAS IN AUGUST

2.BAEK YUN-CHIK—THE PRESIDENT’S LAST BANG


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

KIM YOON-AH—THE PRESIDENT’S LAST BANG


ตอบคุณ VALENCE

ว้าย อิจฉาจังเลยค่ะที่ได้ไปร่วมแจมงานรื่นเริงเหล่านั้น

ชอบการดีไซน์ของ DUSTIN WOEHRMANN พอสมควรค่ะ รู้สึกว่าสวยดี แต่เท่าที่ดูหนังของเขามาสองเรื่อง รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดวาดภาพแอนิเมชั่นที่เน้นการ “เคลื่อนไหว” ของตัวละครสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ภาพยนตร์ของเขาจะเป็นภาพแอนิเมชั่นที่ตัวละครไม่ค่อยขยับเคลื่อนไหว แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงไม่ค่อยมีทุนรอน, ไม่มีเวลา และไม่มีทีมงานมากนัก และหนังของเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเคลื่อนไหวของตัวละครอยู่แล้วด้วย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่เน้นคอนเซปท์มากกว่าเล่าเรื่องแต่ง


ตอบคุณอ้วน

ดีใจมากค่ะที่คุณอ้วนจะไปดูหนังของคุณทศพล บุญสินสุข เพราะดิฉันก็กะจะไปดูอีกรอบเหมือนกัน ตอนแรกดิฉันติดเวร ต้องทำงานในวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.ค่ะ ดิฉันก็เลยขอแลกเวรกับเพื่อน ขอแลกมาทำงานวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.แทน วันที่ 15 ม.ค.จะได้ว่างไปดูหนังได้ ผลปรากฏว่าเพื่อนยอมแลก วันปีใหม่ที่ผ่านมาดิฉันก็เลยออกไปทำงานค่ะ รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ “ทำงาน” ในวันปีใหม่ แต่ก็เป็นการทำงานที่คุ้มค่ายิ่งนัก


ตอบคุณ PORKY

พูดถึงเรื่องฉี่ตอนดูคิงคอง ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ดิฉันไปดูนาร์เนีย ก็เจอเหตุการณ์หวาดเสียวเหมือนกัน เพราะที่นั่งแถวหลังดิฉันเป็นกลุ่มครอบครัวจากนรกยกโขยงมาดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันจะเปลี่ยนที่นั่งก็ไม่ได้เพราะโรงแน่น ที่บอกว่าหวาดเสียวก็เพราะว่า พ่อแม่จากนรกที่อยู่แถวหลังดิฉัน บอกลูกๆของพวกมันว่า ถ้าปวดฉี่ขณะดูหนังก็ให้ฉี่ใส่ผ้าอ้อมไปเลย ดิฉันก็แอบด่าในใจว่า แล้วมันจะเหม็นไหมเนี่ย แล้วทำไมต้องหอบลูกตัวเล็กๆมาทรมานสังขารในโรงด้วยนะ ลูกๆที่อยู่ข้างหลังก็ร้องไห้โยเยจะกลับบ้านตลอด พอหนังผ่านไปได้ครึ่งเรื่อง ลูกชายก็บ่นตลอดเวลาว่าปวดฉี่ๆ พ่อก็บอกให้ฉี่ออกมาเลย ฉี่ออกมาเลย แต่ลูกชายก็บอกว่าฉี่ไม่ออก หลังจากพ่อลูกด่ากันประมาณ 15-20 นาที แม่ก็ทนไม่ไหว ก็เลยพาลูกชายไปฉี่ในห้องน้ำ


ตอบน้อง ZM

ชอบไอเดียเรื่องความสัมพันธ์แอบแฝงระหว่างเจมี่ เบลล์กับเอเดรียน โบรดี้ที่น้อง ZM พูดถึงมากๆค่ะ จริงๆแล้วเขาน่าจะทำ KING KONG ออกมาสองเวอร์ชัน โดยอีกเวอร์ชันนึงไม่มีบทของนาโอมิ วัตส์ แต่ให้เจมี่ เบลล์เล่นบทแทนนาโอมิ วัตส์ไปเลย รับประกันว่าเวอร์ชันที่สองนี้ ต้องได้รับความนิยมในฐานะ CULT CLASSIC ในเวลาต่อมาอย่างแน่นอน



ตอบคุณโอลิเวอร์

ตอนนี้เห็นโปสเตอร์ JARHEAD แปะอยู่ตามโรงหนังต่างๆ ที่เป็นรูปชายหนุ่มเปลือยท่อนบนยืนหันหลัง ไม่แน่ใจว่าเป็นแผ่นหลังของเจค กิลเลนฮาลหรือเปล่า รู้สึกว่าโปสเตอร์เวอร์ชันนี้เป็นโปสเตอร์ที่ทรมานใจหนุ่มอย่างมากๆ อยากขโมยโปสเตอร์เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้านจังเลย


ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

ท่าทางหนังญี่ปุ่นที่คุณแฟนสาวของคริสเพิ่งได้ดูมา จะน่าดูมากๆๆเลยค่ะ

ได้ดูหนังหลายเรื่องที่คุณแฟนสาวของคริสเพิ่งได้ดูมาเหมือนกัน ซึ่งได้แก่เรื่อง GUESS WHO (A+), SPANGLISH (A+), THE PACIFIER (A), A LOT LIKE LOVE (A+), DON’T TELL ANYONE (A-), INTO THE MIRROR (A) และ THE TRUTH ABOUT LOVE (B)


ตอบคุณเลิฟจุยซ์

ตอนเด็กๆชอบนิยายเรื่อง “เมืองในตู้เสื้อผ้า” มากๆเลยค่ะ แต่พอมาดูหนังเรื่อง “นาร์เนีย” แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ รู้สึกว่า “ราชินีขาว” ในเรื่องอิทธิฤทธิ์น้อยเกินไป และรู้สึกว่าฝ่ายพระเอกเอาชนะฝ่ายผู้ร้ายได้ง่ายดายเกินไป อยากให้การต่อสู้ในเรื่องเป็นอะไรที่ “หืดขึ้นคอ” มากกว่านี้ รู้สึกว่าดูการ์ตูน “เซเลอร์มูน” บางตอน ยังลุ้นระทึก สนุกกว่าดู “นาร์เนีย” เสียอีก โดยเฉพาะเซเลอร์มูน ตอนที่ “เซเลอร์ทั้ง 9 นาง” ต้องรวมพลังกันต่อสู้กับราชินีจากดวงจันทร์ โฮะๆๆๆๆ (หนึ่งในฉากที่คลาสสิคมากในความรู้สึกของดิฉันคือฉากที่ราชินีจากดวงจันทร์ ตะโกนบอก SAILOR SATURN ซึ่งมีพลังรุนแรงขนาดสามารถทำลายโลกทั้งโลกได้ว่า “อย่าจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้น” ไม่รู้มีใครประทับใจฉากนี้ใน SAILOR MOON เหมือนดิฉันบ้างหรือเปล่า)

No comments: