Sunday, January 08, 2006

NICOLAS TSE

--happy new year แก่น้อง AKANURAN 7 เช่นกันค่ะ ดีใจมากค่ะที่น้องยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ที่บอร์ดนี้

--ขอบคุณคุณอ้วนมากค่ะสำหรับชุดภาพเป้ากางเกงตุงๆของชายหนุ่มหล่อที่ให้ดิฉันเมื่อวาน

--ขอบคุณคุณ TARENCE มากๆเช่นกันค่ะสำหรับซีดี DEVENDRA BANHART

--เมื่อวานนี้ได้เจอคุณอ้วน,น้อง LOVEJUICE, TARENCE, VESPERTINE และ OLIVER ค่ะ รู้สึกว่าเมื่อวานนี้ดิฉันพูดมากไปหน่อย สงสัยเป็นเพราะว่ายังไม่หายจากหวัด ก็เลยทำให้ไม่สามารถ “กลั่นกรองในหัว” ก่อนพูดออกไปได้ คิดอะไรได้ก็พูดออกไปเลย โฮะๆๆๆๆ


ตอบคุณหวานฉ่ำ

ขอต้อนรับสู่บอร์ดแห่งนี้ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ ดิฉันก็ชอบ NARNIA (B+) และ THE PROMISE (B-) ในระดับที่เท่ากับคุณหวานฉ่ำเหมือนกัน

รู้สึกว่า NARNIA ไม่สนุกเท่าที่คาด แต่นั่นคงเป็นเพราะว่าดิฉันไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของหนังเรื่องนี้ สาเหตุที่ทำให้ตัวเองเคยรู้สึกว่าหนังสือเรื่อง “เมืองในตู้เสื้อผ้า” สนุกสุดขีดตอนที่อ่าน นั่นคงเป็นเพราะว่าได้อ่านหนังสือเล่มนั้นตอนเด็กๆ ก็เลยสามารถ identify ตัวเองกับตัวละครเอกของเรื่องได้อย่างเต็มที่ พอมาดู NARNIA ตอนโต ก็เลยทำให้ไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องได้มากเท่ากับตอนที่เป็นเด็กอีก

รู้สึกว่าไม่ใช่ความผิดของผู้กำกับ NARNIA เสียทีเดียว ที่ทำหนังไม่สนุกสำหรับดิฉันสักเท่าไหร่ เพราะเขาคงต้องทำหนังตามบทประพันธ์ที่วางไว้ ไม่สามารถดัดแปลงบทประพันธ์ได้ตามใจชอบ

ถ้าหากสามารถดัดแปลงบทประพันธ์ได้ตามใจชอบแล้วล่ะก็ ดิฉันคงจะดัดแปลงเนื้อเรื่อง NARNIA ใหม่หมด โดยเริ่มต้นเรื่องด้วยการให้เด็กหญิง “ลูซี่” ฆ่าฟอนตาย แล้วป้ายความผิดให้ราชินีขาว หลังจากนั้นลูซี่ก็วางแผนยุยงให้ตัวละครอื่นๆฆ่ากันตายไปเรื่อยๆ ทั้งพี่น้องสามคนของเธอ, อัสลาน และราชินีขาว จนในที่สุดลูซี่ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งนาร์เนียในตอนจบ ส่วนตัวละครหลักๆก็ตายหมดด้วยน้ำมือแห่งการยุยงของเธอ

LUCY ผู้ปลิดชีวิตทั้งอัสลานและราชินีขาวใน NARNIA เวอร์ชันใหม่ (2005, MADELEINE DE SCUDERY)
http://www.technofile.com/images/narnia1.jpg


ตอบน้อง ZM

อยากดู SYRIANA มากๆเลยค่ะ

เห็นที่น้องเข้าไปโพสท์ใน BLOG ของน้อง MERVEILLESXX แล้วค่ะ ดีใจมากๆค่ะที่น้องชอบ SAILOR SATURN


ความเห็นจิปาถะต่อหนังและเรื่องอื่นๆ

ฉากนึงที่ติดตาใน THE FAMILY STONE ก็คือฉากที่สาวท้อง (ELIZABETH REASER) นั่งดูภาพยนตร์เก่าเรื่องนึงทางจอโทรทัศน์ ดิฉันลองไปค้นข้อมูลดูแล้วก็พบว่าภาพยนตร์ที่สาวท้องนั่งดูใน THE FAMILY STONE คือภาพยนตร์เรื่อง MEET ME IN ST.LOUIS (1944, VINCENTE MINNELLI) ที่นำแสดงโดยจูดี้ การ์แลนด์
http://www.imdb.com/title/tt0037059/

ดิฉันยังไม่เคยดู MEET ME IN ST.LOUIS ก็เลยไม่สามารถเดาได้ว่าเพราะเหตุใด THE FAMILY STONE ถึงให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อยากรู้เหมือนกันว่าฉากที่สาวท้องนั่งดู MEET ME IN ST.LOUIS น่าจะมีความหมายอะไรได้บ้างหรือเปล่า

ภาพนี้มาจากหนังเรื่อง THE HARVEY GIRLS (1946, GEORGE SIDNEY) ที่นำแสดงโดยจูดี้ การ์แลนด์ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทิ้งเจ้าบ่าวเพื่อไปอยู่รวมกลุ่มกับผู้หญิงด้วยกัน
http://images.amazon.com/images/P/B00005Y71M.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

รู้สึกว่าในหนังฝรั่งแต่ละเรื่องชอบมีการอ้างอิงถึงหนังเรื่องอื่นๆอยู่ด้วย จำได้ว่ามีอยู่ช่วงนึงคุณมโนธรรม เทียมเทียบรัตน์ เคยเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับ “หนังในหนัง” ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่น่าสนใจมาก ถ้าจำไม่ผิด มีการเขียนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง THE SPIRIT OF THE BEEHIVE (1973, VICTOR ERICE, A-) กับ FRANKENSTEIN (1931, JAMES WHALE) ด้วย

เมื่อเร็วๆนี้เปิดไปเจอ HARRIET THE SPY (1996, BRONWEN HUGHES) ทางช่อง HBO ก็พบว่าตัวละครในเรื่องไปดูหนังเรื่อง MATA HARI (1931) ที่นำแสดงโดย GRETA GARBO แต่เนื่องจากดิฉันไม่ได้ดูทั้ง MATA HARI และ HARRIET THE SPY ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าหนังสองเรื่องนี้เกี่ยวพันกันยังไง

MATA HARI
http://www.greta-garbo.de/bilder-filmbuehne/mata-hari-greta-garbo-spy-spion.jpg

MICHELLE TRACHTENBERG ใน HARRIET THE SPY
http://www.agirlsworld.com/amy/pajama/wmhistory/girlsworld/tractenberg/mtwithbinoc.jpeg

การนำเสนอ “หนังในหนัง” ที่ติดตาติดใจมากๆ (แม้จะไม่รู้อย่างแน่ชัดว่ามันมีความหมายอย่างไร) ก็รวมถึงเรื่อง

1.การที่ตัวละครใน MY LIFE WITHOUT ME (2003, ISABEL COIXET, A+++++) หมกมุ่นกับหนังเรื่อง MILDRED PIERCE (1945, MICHAEL CURTIZ) ที่นำแสดงโดยโจน ครอว์ฟอร์ด

2.การที่ตัวละครใน HOUSE OF WAX (2005, JAUME COLLET-SERRA, A+++++) วิ่งหนีฆาตกรโรคจิตเข้าไปในโรงหนัง แล้วปะทะกับเบตตี้ เดวิสใน WHATEVER HAPPENED TO BABY JANE? (1962, ROBERT ALDRICH)

รู้สึกว่าฉากโรงหนังใน HOUSE OF WAX เป็นฉากที่งดงามและน่ากลัวมาก และรู้สึกว่าเป็นฉากที่ “หนีเสือปะจระเข้” จริงๆ เพราะตัดสินไม่ได้ว่าระหว่างฆาตกรโรคจิตกับเบตตี้ เดวิส อะไรน่ากลัวกว่ากัน

ได้คุยกับคุณเจ้าชายน้อยถึงฉากนี้ ก็เลยได้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า WHATEVER HAPPENED TO BABY JANE? มีเนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพี่สาวน้องสาว ซึ่งทำให้นึกถึงความขัดแย้งระหว่างพี่น้องสองคู่ใน HOUSE OF WAX ทั้งคู่ “พี่ชายน้องชายฆาตกรโรคจิต” กับคู่ “พี่สาวน้องชายที่หนีฆาตกรโรคจิต”

3.การที่พระเอกนางเอกใน BERLIN CHAMISSOPLATZ (1980, RUDOLF THOME, A++++++++++) ไปดูหนังเรื่อง CELINE AND JULIE GO BOATING (1974, JACQUES RIVETTE, A++++++++++++) ด้วยกัน แล้วมีปฏิกิริยาต่อหนังสองเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนั่นเป็นลางเตือนว่าพระเอกนางเอกคู่นี้ไม่มีทาง HAPPY ENDING ด้วยกันอย่างแน่นอน

--จุดนึงที่ชอบมากใน WAITING และอาจจะรวมไปถึง THE 40 YEAR OLD VIRGIN ก็คือถึงแม้หนังทั้งสองเรื่องนี้เป็นหนังตลกปนลามก แต่ก็ไม่ใช่สักแต่ว่าใส่มุกตลกเข้ามาเรื่อยๆ เพราะหนังทั้งสองเรื่องนี้ให้ความสำคัญอย่างมากกับ “ปมด้อยในใจมนุษย์แต่ละคน” โดยเฉพาะใน WAITING ที่มีตัวละครเยอะ และแต่ละคนต่างก็มี “ปมด้อยในใจ” หรือมี “ข้อดีข้อบกพร่อง” แตกต่างกันไป รู้สึกทึ่งมากที่ WAITING ไม่ “บิดเบือน” ตัวละครเพียงเพื่อรองรับพล็อตหรือรองรับมุกตลก หนังไม่ได้พยายามคลี่คลายปัญหาของตัวละครทุกตัวด้วยวิธีการที่ง่ายดายเกินไปหรือด้วยการยัดเยียดมุกตลกเข้ามา ตัวละครที่มีปัญหาบางคน ก็ยังคงมีปัญหาต่อไป รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่เคารพตัวละครของตัวเองมากพอสมควร โดยเฉพาะตัวละครที่แสดงโดย JUSTIN LONG

จริงๆแล้วดิฉันไม่ชอบความลามกแบบใน WAITING และ THE 40 YEAR OLD VIRGIN สักเท่าไหร่ และอีกจุดนึงที่ขัดใจเล็กน้อยก็คือการที่หนังชอบพาดพิงถึงอวัยวะเพศชาย แต่ไม่ได้ให้เห็นแบบถนัดๆตา ถ้าหากหนังให้เห็นแบบถนัดๆตาไปเลย ก็จะไม่ว่าอะไร เอ๊ะ ยังไงกันเนี่ย รู้สึกงงๆตัวเอง

--รู้สึกว่าลักษณะบางอย่างใน WAITING โดยเฉพาะตัวละครมิทช์ (JOHN FRANCIS DALEY) ทำให้นึกถึงหนังทะลึ่งๆในทศวรรษ 1980 ด้วยเหมือนกัน

--นักแสดงที่ขโมยซีนอย่างรุนแรงใน WAITING คือ ALANNA UBACH ที่รับบทเป็นสาวเสิร์ฟโมโหร้าย ลองเช็คข้อมูลของเธอดูแล้ว พบว่าเคยดูหนังที่เธอแสดง4 เรื่อง แต่ไม่เคยรู้สึกสะดุดตาเธอมาก่อนเลย เพิ่งมาสะดุดตาเธอก็จาก WAITING นี่แหละ

ALANNA UBACH เคยแสดงหนังเรื่อง MEET THE FOCKERS (2004, B), LEGALLY BLONDE (2001, A), LEGALLY BLONDE 2 (2003, B), SISTER ACT 2 (1993, B) และ CLOCKWATCHERS (1997, JILL SPRECHER)

CLOCKWATCHERS นำแสดงโดย PARKER POSEY, TONI COLLETTE และ LISA KUDROW
http://images.amazon.com/images/P/B000034DDN.01._SCLZZZZZZZ_.gif

--ชอบบุคลิกของ VANESSA LENGIES ใน WAITING ด้วยเหมือนกัน รู้สึกว่าเธอเป็นสาวสวยที่ “ไม่ไร้เดียงสา” ดี

--พูดถึงหนังสือแนวคู่มือ (หาผัว) หรือหนังสือแนะแนวทางการปรับปรุงชีวิตในรูปแบบต่างๆที่มีการผลิตกันออกมามากมาย ก็เลยทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า อาจจะมีหนังสือ “คู่มือวิธีการเลือกซื้อหนังสือแนวคู่มือ” ออกมาในอนาคตเหมือนกัน (หรือว่ามีหนังสือแบบนี้ออกมาแล้ว แต่ดิฉันไม่รู้) เพื่อที่ว่าก่อนที่คุณจะเลือกซื้อหนังสือ “15 วิธีการหาสามีรวย” หรือหนังสือ “ทำอย่างไรฉันถึงจะจำชื่อผู้ชายทุกคนที่ฉันเคยนอนด้วยได้” คุณก็ควรจะอ่านหนังสือ “วิธีเลือกซื้อหนังสือคู่มือ” เสียก่อน คุณจะได้ซื้อหนังสือเล่มต่อๆไปได้อย่างฉลาดยิ่งขึ้น

--ประโยค>> เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้อนหินของฉันกระทบเข้ากับผิวน้ำ มันก็ก่อให้เกิดระรอกคลื่น กระทบกันเป็นทอดๆ ต่อเนื่องกันไป …ไกลจนสุดลูกหูลูกตา…”<<

ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง L’ARGENT (ROBERT BRESSON, A+++++) ที่มีการแสดงให้เห็นว่าเมื่อเราทำไม่ดีแม้เพียงเล็กๆน้อยๆกับคนเพียงคนเดียว ผลของการกระทำนั้นอาจจะแผ่ขยายต่อเนื่องกลายไปเป็นความเลวร้ายอันสุดจะประมาณได้


--พูดถึงร้านคิโนะคุนิยะ สาขาเอ็มโพเรียมทีไร มักจะนึกถึง “ปราบดา หยุ่น” เพราะชอบเห็นเขาโดยบังเอิญที่ร้านนี้ โฮะๆๆๆ อยากจะสวมวิญญาณน้อง MERVEILLESXX เต้นระบำไปรอบๆร้านหนังสือเวลาเจอปราบดา หยุ่นเหมือนกันค่ะ

--พูดถึงร้านหนังสือ ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ฉากโรแมนติกในร้านหนังสือที่ติดตามากสองฉากอยู่ในหนังเรื่อง

1.FUNNY FACE (1957, STANLEY DONEN, A-) ที่เฟรด แอสแตร์พยายามจีบออเดรย์ เฮปเบิร์น ซึ่งเป็นพนักงานร้านขายหนังสือ

2.JEANNE AND THE PERFECT GUY (1998, OLIVIER DUCASTEL + JACQUES MARTINEAU, A+) ซึ่งมีฉากพระเอก (MATHIEU DEMY) ไปเลือกซื้อหนังสือ แล้วเจอพนักงานสาวในร้านแนะนำหนังสือพร้อมกับเต้นระบำไปด้วย โดยมีการพูดถึงหนังสือของ MARGUERITE DURAS ในฉากนี้ด้วย

--ตัวละครที่มีการ “แปลงสภาพ” เวลาโกรธจัด ที่ชอบมากๆคือ LAN นางเอกในการ์ตูนชุด “เขี้ยวงาสีแดง” (CRIMSON FANG) ของ SHIBATA MASAHIRO เธอเป็นหญิงสาวที่เวลาโกรธจัด แล้ว “ทรงผม” ของเธอจะเปลี่ยน ผมของเธอจะตั้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ผู้หญิงผมแดงในรูปนี้คือ LAN ส่วนผู้หญิงที่มีที่คาดหัวในรูปนี้คือ BLUE SONNET ซึ่งเป็นศัตรูคนสำคัญของ LAN
http://images-jp.amazon.com/images/P/B000AHJ8GK.09.LZZZZZZZ.jpg

--ชอบเสียงหัวเราะ “โฮะๆๆๆๆ” ในการ์ตูน SAILOR MOON อย่างมากๆ รู้สึกว่าคนพากย์พากย์เสียงหัวเราะได้อย่างสุดเดชมากๆ

--ปีศาจกิ๊กก๊อกตัวนึงที่ชอบมากใน SAILOR MOON คือปีศาจช่างแต่งหน้า ที่พยายามตามล่ามนุษย์เพื่อแต่งหน้า โดยปีศาจตัวนี้จะร้องตะโกนไปด้วยว่า “แกต้องแต่งหน้า”

หนังที่ได้ดูในวันเสาร์และวันอาทิตย์

1.TOP HAT (1935, MARK SANDRICH, A)

2.SHALL WE DANCE (1937, MARK SANDRICH, A)

3.UN FIL A LA PATTE (2002, GEORGES LAVAUDANT, B+)

4.THE PROMISE (B-)

--ความเห็นของดิฉันที่มีต่อ THE PROMISE อาจจะตรงข้ามกับน้อง MERVEILLESXX ตรงจุดนึง นั่นก็คือว่าดิฉันชอบ “บุคลิก” ของจางป๋อจือในหนังเรื่องนี้มากที่สุดค่ะ ไม่ค่อยชอบเธอในสภาพ “นางเอก” ในหนังเรื่องอื่นๆเท่าไหร่ แต่ก็ชอบเธอมากขึ้นใน LOST IN TIME (A-) และก็ชอบเธอมากขึ้นอย่างรุนแรงใน THE PROMISE เพราะว่าเธอดูเหมือนนางตัวร้ายมากกว่านางเอก เธอดูเลวๆดี

แต่ถึงแม้ดิฉันจะชอบบุคลิกของจางป๋อจือใน THE PROMISE มากที่สุดเมื่อเทียบกับในหนังเรื่องอื่นๆ ดิฉันก็ไม่ได้ชอบตัวละครของเธอมากนัก เพราะดิฉันไม่มีอารมณ์ร่วมกับตัวละครของเธอสักเท่าไหร่ ถ้าหากดิฉันเป็นนางเอกหนังเรื่องนี้ ดิฉันจะ “ต้องการ” เพียงแค่ “ร่างกาย” ของชายหนุ่มหลายๆคนในเรื่องเท่านั้น แต่จะไม่มอบหัวใจให้ใครเลยสักคน แต่นางเอกของ THE PROMISE กลับมี “หัวใจ” ให้ผู้ชายในเรื่องด้วย ซึ่งนั่นก็เลยทำให้นางเอกของเรื่องนี้ตรงข้ามกับความรู้สึกของดิฉันอย่างรุนแรง โฮะๆๆๆๆ ถ้าหากนางเอกหนังเรื่องนี้ได้มีสัมพันธ์กับชายหนุ่มหล่อหลายคน แต่ไม่รักใครเลยแม้แต่คนเดียว นั่นอาจจะทำให้นางเอกหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนางเอกที่ดิฉันชอบมากที่สุด

--ฉากที่ชอบมากใน THE PROMISE คือฉากที่ SNOW FOX (LIU YE) ลูบไล้แผ่นหลังของจางดองกันอย่างมีความสุข ฉากนี้ดูแล้วงงมาก เพราะ SNOW FOX ไม่มีความจำเป็นต้องทำอาการแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาก็ทำแบบนั้นออกมา ดิฉันกับเพื่อนๆก็เลยนินทาว่าบางที LIU YE อาจจะยังอินกับบทบาทของตัวเองใน LAN YU อยู่ ก็เลยเผลอติดมาทำแบบนั้นใน THE PROMISE ด้วย

LIU YE
http://images.qianlong.com/mmsource/images/2005/03/17/bplq050317008c.jpg
http://my.chinabroadcast.cn/mmsource/images/2004/03/04/liuye1.jpg
http://www.chinadaily.com.cn/english/doc/2005-03/04/xin_590302041430000291787.jpg


--คุยกับเพื่อนเล่นๆว่า THE PROMISE เป็นหนังที่ “สอนให้รู้ว่า” ทำไมคนสมัยก่อนถึงนิยมมีทาสชายหนุ่ม

--จริงๆแล้วดิฉันชอบ TOGETHER (2002, CHEN KAIGE) แค่ในระดับ B+ เท่านั้น แต่พอเจอ THE PROMISE เข้าไป ก็รู้สึกว่า CHEN KAIGE กลับไปทำหนังแบบ TOGETHER น่าจะเหมาะกว่า

--ชอบคำว่าทรงผมไร้น้ำหนักของน้อง MERVEILLESXX มากๆเลยค่ะ

--ชอบองค์ประกอบบางส่วนใน THE PROMISE ด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นการปรากฏตัวของเทพธิดา ส่วนนี้รู้สึกว่าทำให้นึกถึงการ์ตูนเรื่อง CRYSTAL DRAGON ของ ASHIBE YUHO อย่างมากๆ รู้สึกว่าอะไรหลายอย่างๆใน THE PROMISE เป็นสิ่งที่เหมาะจะนำมาใช้ในการดัดแปลงการ์ตูนเรื่อง CRYSTAL DRAGON มาสร้างเป็นหนังอย่างมากๆ

--ชอบการออกแบบ “อาวุธ” ของตัวละครใน THE PROMISE ด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการนำ “อาวุธ” เหล่านั้นมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ชอบอาวุธกระบี่หงิกงอของ snow fox, อาวุธลูกตุ้มสองข้างของ HIROYUKI SANADA ซึ่งทำให้ฉากการต่อสู้ของเขาในช่วงต้นเรื่องดูเหมือนการเล่นยิมนาสติกลีลาใหม่บน FLOOR EXERCISE และอาวุธของเซียะถิงฟง ที่อันนึงเป็นพัด (ทำให้นึกถึงองค์ชายฮักโตวในมังกรหยกภาคเอี้ยก้วย) และอันนึงเป็น “มือที่มีด้ามถือ” (ทำให้นึกถึงตัวร้ายตัวนึงใน “แปดเทพอสูรมังกรฟ้า” ที่ชอบไล่ล่าสาวๆ) แต่รู้สึกว่าอาวุธเหล่านี้แค่ดูสวยเท่านั้น แต่หนังกลับไม่ได้แสดงให้เห็นสักเท่าไหร่ว่าอาวุธเหล่านี้มีข้อดีข้อด้อยอย่างไรเวลาต่อสู้กับอาวุธประเภทอื่นๆ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า THE PROMISE ให้ความสำคัญกับความรักมากกว่าอาวุธ แต่ดิฉันชอบหนังประเภทที่ให้ความสำคัญกับคุณลักษณะของอาวุธอย่าง SEVEN SWORDS (A+) มากกว่า

--จุดนึงที่ THE PROMISE ทำได้ถูกใจ ก็คือว่าดิฉันไม่เคยรู้สึกชอบเซียะถิงฟง, ฮิโรยูกิ ซานาดะ หรือแจงดองกันมาก่อนเลย แต่หนังเรื่องนี้สามารถดึงดูดเสน่ห์ของชายหนุ่มสามคนนี้ออกมาได้ในแบบที่ตรงใจมากๆ

--ถ้าหากดิฉันเป็นเทพธิดาในช่วงต้นเรื่อง ดิฉันจะให้พรแก่นางเอกว่า “เจ้าจะได้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เจ้าต้องการ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนตรงที่ว่า เมื่อเจ้าตกหลุมรักชายคนใดก็ตาม ชายคนนั้นจะกลายเป็นเกย์ในทันที”


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

CHEN HONG (เทพธิดา)—THE PROMISE
เธอเคยเล่นเป็นตัวเอกใน TOGETHER มาก่อน
http://ent.sina.com.cn/d/s/28-3-47429_01.jpg

--เมื่อวานนี้ไปเดินเล่นแถวสีลม เจอดีวีดีน่าซื้อมากมายหลายแผ่นด้วยกัน ซึ่งรวมถึง

1.ADOPTION (1975, MARTA MESZAROS)
http://www.imdb.com/title/tt0073948/
http://images.amazon.com/images/P/B0002CHICE.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลหมีทองคำภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเบอร์ลิน ส่วน MARTA MESZAROS ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็เป็นผู้กำกับหญิงชื่อดังของฮังการี

อ่านบทสัมภาษณ์ MARTA MESZAROS ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/02/22/meszaros.html

2.LA GUERRE EST FINIE (1966, ALAIN RESNAIS)
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000055ZB6.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

3.AND GIVE MY LOVE TO THE SWALLOWS (1972, JAROMIL JIRES)
http://www.imdb.com/title/tt0122844/

JAROMIL JIRES (1935-2001) คือผู้กำกับคนสำคัญของกลุ่ม CZECH NEW WAVE ซึ่งเคยกำกับหนังเรื่อง THE JOKE (1969, A) ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ MILAN KUNDERA

4.A KING AND HIS MOVIE (1986, CARLOS SORIN)
http://www.imdb.com/title/tt0089794/
หนังอาร์เจนตินาเรื่องนี้เคยได้รางวัลสิงโตเงินจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ

5.DEATH IN A FRENCH GARDEN (1985, MICHEL DEVILLE)
http://images-eu.amazon.com/images/P/B0000SVW7M.02.LZZZZZZZ.jpg

6.A WORLD APART (1988. CHRIS MENGES)
http://images.amazon.com/images/P/B0009X7BI2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลแกรนด์จูรีไพรซ์จากเทศกาลเมืองคานส์ และทำให้บาร์บรา เฮอร์ชีย์, โจดี้ เมย์ กับ LINDA MVUSI ได้รับรางวัลดาราหญิงยอดเยี่ยมจากคานส์

7.BLACK GOD, WHITE DEVIL (1964, GLAUBER ROCHA)
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/05/rocha.html

8.THE TRIO (1998, HERMINE HUNTGEBURTH) หนังเกย์
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00005NJJA.03.LZZZZZZZ.jpg
http://images-eu.amazon.com/images/P/B000085RK2.02.LZZZZZZZ.jpg

No comments: