http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=171.0
(ข้อความข้างล่างนี้เขียนขึ้นเพื่อความฮาๆ โปรดอย่าซีเรียส)
จริงไม่กลัว กลัวไม่จริง
เนื่องจากประเทศไทยขณะนี้ขาดแคลนภาพยนตร์ที่นำเสนอ “ความจริง” ออกสู่สายตาชาวโลก เพราะฉะนั้นดิฉันจึงเห็นว่าประเทศไทยควรสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ผัสพร” และ “โจแอน” เพื่อที่ผู้ชมทั่วโลกจะได้รับรู้ถึงความเป็นจริงในประเทศไทย โดยเฉพาะเกี่ยวกับคนในสองสาขาอาชีพในไทย
ภาพยนตร์เรื่อง “ผัสพร” นี้ถือเป็นภาคสุดท้ายของไตรภาคภาพยนตร์ชุด “คุณหมอยอดรัก” โดยสองภาคแรกของไตรภาคชุดนี้คือภาพยนตร์เรื่อง
1.นวลฉวี (1984)
2.ศยามล (1995, อภิชาติ หาลำเจียก)
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง “ผัสพร”
อุทธรณ์-ฟังไม่ขึ้น ประหาร 'หมอวิสุทธิ์'ฆ่าเมีย
เว็บไซต์ไทยรัฐ
5 ก.ค. 2005
ที่ห้องพิจารณาคดี 7 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของ พ.ญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ แพทย์ประจำ รพ.บุรฉัตรไชยากร หรือ รพ.รถไฟ โจทก์ที่ 1 และพนักงานอัยการ กองคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.พ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.จุฬาลงกรณ์ และอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลยความผิดฐานฆ่า พ.ญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ภรรยาของตัวเองโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพและปิดบังการตาย กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 46 ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์ โดย น.พ.วิสุทธิ์ถูกควบคุมตัวออกมาจากเรือนจำกลางบางขวาง ในสภาพร่างกายซูบผอม ผมหงอกขาวเกือบทั่วศีรษะ ผิวพรรณและใบหน้าหมองคล้ำ
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มีใจความสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 44 เวลากลางวัน น.พ.วิสุทธิ์ได้วางแผนลวงให้ พ.ญ.ผัสพร ไปพบที่ร้านอาหารโออิชิ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ โดยนัดหมายว่าจะเจรจาเรื่องการซ่อมแซมบ้าน ก่อนที่ทั้ง 2 จะพบกัน น.พ.วิสุทธิ์ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ โทร.เข้าเพจเจอร์ของตัวเองระบุข้อความว่า ผมติดธุระอยู่ที่หัวหมากอาจจะไปช้า ลงชื่อสุธี เพื่อไว้ยืนยันกับหมอผัสพรว่านายสุธีช่างรับเหมาที่อ้างนั้นติดธุระ จนเมื่อถึงเวลาที่หมอผัสพรมาถึงร้าน มีภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพว่าทั้งคู่เดินห่างกันเข้าไปในร้าน หลังรับประทานอาหารเสร็จ พยานที่เป็นพนักงานในร้านเห็นท่าทีของหมอผัสพรดูเหม่อลอย แต่เมื่อสอบถาม น.พ.วิสุทธิ์กลับตอบแทนว่าภรรยาเมาน้ำพันช์ ทั้งที่น้ำพันช์ของร้านปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ระหว่างที่เดินออกจากร้าน กล้องโทรทัศน์ วงจรปิดยังสามารถบันทึกภาพขณะ น.พ.วิสุทธิ์เดินประคอง พ.ญ.ผัสพรที่เดินซวนเซ เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง โดยก่อนหน้านั้น ตอนช่วงสายวันเดียวกัน น.พ.วิสุทธิ์ได้ไปเปิดห้องพักเลขที่ 318 อาคารวิทยนิเวศน์ ตั้งอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอาไว้ล่วงหน้า
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน น.พ.วิสุทธิ์เดินทางไปรับลูกสาวที่เรียนอยู่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ กลับไปส่งบ้านพักย่านลาดพร้าว ก่อนจะไปซื้อถุงขยะขนาดใหญ่จำนวน 3 ห่อ พร้อมก้อนดับกลิ่น และกระดาษชำระที่ห้างโรบินสัน สาขาสีลม และในวันที่ 21 ก.พ. 44 น.พ. วิสุทธิ์ได้ไปเปิดห้องพักเลขที่ 1631 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว พร้อมกับว่าจ้างให้พยานที่รับพิมพ์เอกสารอยู่ข้างจุฬาฯ พิมพ์จดหมายขึ้น 2 ฉบับ ฉบับแรกส่งถึง น.พ.สุรังษี จงวิวัฒน์สุนทร ผอ.รพ.บุรฉัตรไชยากร ส่วนฉบับที่ 2 ส่งถึงนายชัชวาล และ น.ส.กิ่งกาญจน์ บุญเกษมสันติ ลูกของทั้ง 2 คน มีเนื้อหาใจความว่าขอไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด 3 วัน พร้อมลงลายมือชื่อ พ.ญ.ผัสพร เป็นจดหมายที่ถูกส่งมาจากจังหวัดจันทบุรี แต่ภายหลังข่าวการหายตัวของ พ.ญ.ผัสพรถูกเปิดเผยขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสืบสวน จนนำไปสู่การเข้าตรวจค้นในห้องพักที่ 318 อาคารวิทยนิเวศน์ พบคราบเลือดภายในท่อน้ำทิ้งและผ้าพลาสติกกันน้ำ จากการดูดสิ่งปฏิกูลในบ่อเกรอะ พบชิ้นเนื้อมนุษย์รวมน้ำหนัก 3,330 กรัม เช่นเดียวกับการตรวจบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลที่ 25-26 ของโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว พบชิ้นเนื้อและกระดูกบางส่วนที่ถูกบริษัทเอกชนสูบไปทิ้งในที่กำจัดขยะ ภายในซอยอ่อนนุช 65 จากการตรวจสอบของสถาบันนิติเวชฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าดีเอ็นเอตรงกับ พ.ญ.ผัสพร
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามที่นายโชติ วัฒนเชษฐ์ พ่อของ พ.ญ.ผัสพร เบิกความว่า ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องทั้งเรื่องการหย่าร้างและแบ่งทรัพย์สินกันมาแล้ว โดยที่ พ.ญ.ผัสพรทราบว่า น.พ.วิสุทธิ์ไปคบหากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนไข้ โดน พ.ญ.ผัสพรข่มขู่ว่าจะนำเรื่องร้องเรียนแพทยสภา จน น.พ.วิสุทธิ์ยินยอมทำบันทึกตกลงว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นอีก ต่อมาราวปี 42 ทั้งคู่ทะเลาะกัน จนถึงขั้นที่ น.พ.วิสุทธิ์ทำร้าย พ.ญ.ผัสพรด้วยการบีบคอ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะตกลงแบ่งเงินกัน ฝ่าย น.พ.วิสุทธิ์ได้ไปทั้งสิ้น 13 ล้านบาท ส่วน พ.ญ.ผัสพรได้ไปจำนวน 11 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ยังมีเรื่องทะเลาะกันอีกหลายครั้ง จากเรื่องราวดังกล่าวนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้ น.พ.วิสุทธิ์นำตัว พ.ญ.ผัสพรไปกักขังที่อาคารวิทยนิเวศน์ ทำให้ปราศจากเสรีภาพ แม้คดีนี้จะไม่พบศพ แต่จากการตรวจชิ้นเนื้อที่พบโดยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ระบุได้ว่าเป็น พ.ญ.ผัสพร และเสียชีวิตแล้วด้วยวิธีแล่ชิ้นเนื้อเพื่ออำพรางการตาย
ฝ่ายจำเลยอุทธรณ์ว่า การตรวจคราบเลือดในห้องพักอาคารวิทยนิเวศน์ไม่โปร่งใสนั้น ศาลเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจที่เกิดเหตุ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่ได้กระทำไปตามการชี้นำของสื่อมวลชน คราบเลือดที่พบในท่อน้ำทิ้งนั้น อาจจะไม่โดนน้ำยาฆ่าเชื้อทำลาย แม้ว่าระยะเวลาที่ตรวจพบจะห่างจากวันที่ น.พ.วิสุทธิ์เข้าพักนานถึง 32 วันก็ตาม แต่ผลการตรวจดีเอ็นเอสามารถระบุได้ตรงกันว่าหลักฐานที่พบเป็นของ พ.ญ.ผัสพร ซึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่า การแล่ชิ้นเนื้อมนุษย์ต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมงนั้น พยานโจทก์ที่เป็นแพทย์นิติเวชเบิกความว่า หากผู้ชำแหละมีความชำนาญ สามารถแล่เนื้อมนุษย์ได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง น.พ.วิสุทธิ์เป็นแพทย์ที่ผ่านการผ่าทำคลอดมาแล้วมากมาย จึงมีความรู้ดี ชิ้นเนื้อที่ตรวจพบถูกหั่นให้มีลักษณะเป็นรูปกรวย เพื่อสะดวกในการไหลผ่านท่อน้ำทิ้ง การที่จำเลยอุทธรณ์นั้นฟังไม่ขึ้น
จากพฤติการณ์ของ น.พ.วิสุทธิ์ ประกอบกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประมวลเหตุได้ว่า หลังขับรถไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนในตอนเช้า น.พ.วิสุทธิ์ได้นัดให้ พ.ญ.ผัสพรไปพบที่ร้านโออิชิ จากนั้นได้นำยาโดมิคุ่มซึ่งขอเบิกจากทาง รพ.ไว้ก่อนหน้านี้ แอบใส่ลงไปในน้ำให้ พ.ญ.ผัสพรดื่ม จนทำให้มีอาการเหม่อลอย ก่อนพาไปที่อาคารวิทยนิเวศน์ แม้ไม่มีใครพบเห็น อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีใครสนใจ อีกทั้งกุญแจอยู่กับ น.พ.วิสุทธิ์ จึงไม่จำเป็นต้องไปขอกุญแจห้องกับใครให้เป็นพยานรู้เห็น หลังจากนั้นตอนเย็นจึงขับรถไปรับลูกสาวกลับบ้าน ก่อนจะไปซื้อกระดาษชำระ ถุงขยะ ที่ห้างโรบินสัน แล้วกลับเข้าที่พักที่อาคารวิทยนิเวศน์ เมื่อเวลา 20.06 น. โดยใช้โทรศัพท์ในห้องพักโทร.ออกไปหาคนไข้ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานว่า น.พ.วิสุทธิ์ขับรถขึ้นทางด่วนบริเวณบ่อนไก่ ตอนเวลา 21.38 น. อีกด้วย ดังนั้น น.พ.วิสุทธิ์มีช่วงเวลาที่อยู่ในห้องพักอาคารวิทยนิเวศน์ตั้งแต่ช่วง 13.00-16.00 น. และช่วงเวลาตั้งแต่ 20.00-21.00 น. ของวันที่ 20 ก.พ. 44 ก่อนที่จะไปเปิดห้องพักที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว เพื่อทิ้งชิ้นเนื้อและกระดูกบางส่วน ก่อนจะปลอมจดหมาย และลายมือชื่อขึ้นมาสองฉบับเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่า พ.ญ.ผัสพรไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด ก่อนจะไปแจ้งความว่า พ.ญ.ผัสพรหายตัวไปเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 44 จากเหตุการณ์ทั้งหมดชี้ชัดได้ว่า น.พ.วิสุทธิ์ฆ่า พ.ญ.ผัสพรโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพ ปิดบังการตาย อุทธรณ์ของจำเลยทุกประเด็นฟังไม่ขึ้น จากพยานหลักฐานทั้งหมดรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ประหารชีวิต น.พ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ สถานเดียว
ภายหลังฟังคำพิพากษา น.พ.วิสุทธิ์ยังคงนิ่งเก็บอาการไว้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวกลับไปขังไว้ที่เรือนจำกลางบางขวางตามเดิม โดยนายอภิรมย์ ซ้ายคล้าย ทนายความของหมอวิสุทธิ์กล่าวสั้นๆว่า จะคัดสำนวนคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพื่อหาช่องทางฎีกาต่อสู้คดีต่อไป ในขณะที่นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของ พ.ญ.ผัสพรกล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว
ที่มา: http://www.thairath.co.th
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง “โจแอน”
1.ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 16 ม.ค. 1996
สั่งกวาดล้างวัดถ้ำเขาปูน ไอ้ชั่วแฉหน้าเฉยขยี้แหม่ม
แฉวัดถ้ำเขาปูนสุสานโหดฝังร่างแหม่มโจแอนถูกระบุเป็นนรกกาม แหม่มออสเตรียอีกรายเคยถูกพระสักมังกรลากตัวไปข่มขืนแต่มีการปิดเรื่องกัน เงียบ ด้านไอ้โล้นฆาตรกรยอดชั่วสุดๆสารภาพเคยข่มขืนยับแหม่มออสเตรีย มาแล้วทั้งผ้าเหลือง ยังแสบไม่สิ้นสุด เพราะก่อนหน้าถูกจับเพียง 1 วัน สวด มนต์เจริญพรญาติโยมที่ไปทอดผ้าป่าที่วัด ล้วนแต่เป็นบุคคลดังมีทั้ง รมช. ส.ส. นายแบงก์ และ ผวจ.เล่นเอาฮือฮากันทั้งจังหวัด ส่วนกรมการศาสนาสั่งล้าง วัด อาจต้องจำหน่ายออกจากสารบบ
2.ข้อมูลจากคอลัมน์เกาะข่าวอาชญากรรม : ข่มขืนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำลายภาพลักษณ์เมืองไทย
นสพ. เดลินิวส์
23 ธ.ค. 1999
ส่วนคดีนี้เป็นข่าวครึกโครมเป็นอย่างมาก คือ น.ส.โจแอน มาเชเตอร์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ซึ่งเดินทางมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยหลายแห่ง ไม่ว่า เกาะสมุย เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเสม็ด จ.ระยอง หรือแม้แต่ถนนข้าวสาร บางลำพู กรุงเทพฯ แหล่งสุดท้ายที่จะกลายเป็นศพถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณ น.ส.โจแอน เดินทางไปล่องแพชมทิวทัศน์ตามธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี โดย น.ส.โจแอน เข้าพักที่วีเอ็นเกสต์เฮาส์ เลขที่ 44 ถนนโรงหีบอ้อย ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 38 ซึ่งในวันแรก น.ส.โจแอน ล่องแพชมความงามตามธรรมชาติที่สวยสดของ จ.กาญจนบุรี พอรุ่งขึ้นวันที่ 10 ธ.ค. น.ส.โจแอน ได้เช่ารถจักรยาน 2 ล้อ ขี่ไปเที่ยวชมวัดถ้ำเขาปูน ห่างจากที่พักประมาณ 1 กม. จากนั้นไม่มีใครพบ น.ส.โจแอน อีกเลย
จนกระทั่งมาพบศพ น.ส.โจแอน ตายเปลือยอยู่ก้นเหวของวัดถ้ำเขาปูน นั่นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนอยู่หลายวัน จนสามารถจับกุมฆาตกรโหดได้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน คือ สมียอดชัด เสือภู่ อายุ 21 ปี อดีตพระลูกวัดถ้ำเขาปูนนั่นเอง จากการสอบสวนสมียอดชัด ให้การรับสารภาพ ก่อนเกิดเหตุ สมียอดชัด นั่งอยู่เพียงคนเดียว น.ส.โจแอน ขี่รถจักรยานเข้ามาเที่ยวชมพระนอนขนาดใหญ่ และ เหลือบหินสลับซับซ้อนของถ้ำเขาปูน ที่มีความงามยากจะหาที่ติ เมื่อ สมียอดชัด เห็น น.ส.โจแอน ขี่รถจักรยานมาคนเดียว จึงเกิดอารมณ์เปลี่ยว จึงเข้าไปตีสนิทและชักชวนไปที่บริเวณปากเหวของวัดถ้ำเขาปูน พอสบโอกาสจึงลงมือปลุกปล้ำข่มขืนแต่เหยื่อสาวต่อสู้จนสุดฤทธิ์ สมียอดชัด จึงโมโหใช้ไม้ตี น.ส.โจแอน จนเสียชีวิตแล้วลงมือข่มขืน หลังจากข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ สมียอดชัด จึงนำศพเหยื่อสาวทิ้งไปในเหว ซึ่งในคดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตสมียอดชัด ที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศไทย
Saturday, April 14, 2007
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
3 comments:
ชอบมากฮ่า
จริง จน เจ็บ!!!!!!!!
อย่าให้บอกเลยว่ากอซซิบเรื่องหมอๆ เป็นอย่างไร
หมอก็คนธรรมดา มีดีมีเลว
ฮ่าฮ่าฮ่า ที่เอาข้อมูลนี้มาแปะ ไม่ได้เป็นเพราะดิฉันเกลียดชังหมอหรือพระแต่อย่างใดค่ะ ดิฉันแค่ต้องการประชดประชันคนในกองเซ็นเซอร์เท่านั้นเอง เพราะในความเป็นจริงนั้น ดิฉันยังคงต้องการมีผัวเป็นหมอค่ะ และก็ยังคงนับถือพระหลายๆรูปเช่นกัน
Post a Comment