Saturday, August 04, 2012

THE CLOSER WE GET, THE FARTHER WE ARE (Panida Tintalay, A+30)

This is a copy of what I wrote on Filmsick's wall

อภัย (2012, ศิวัชญา ศิวโมกษ์, A+30) หนังเล่าเรื่องเด็กสาวที่เจอหนุ่มหล่อมาจีบในห้องสมุด เธอมีเซ็กส์กับเขา และตั้งท้อง แม่เธอด่าเธอ แต่เธอด่ากลับอย่างมีเหตุผล และเธอก็ตัดสินใจออกจากบ้านไปอยู่กับผัว แต่พบว่าผัวของเธอไม่ได้อยู่คอนโดหรูๆ เขาให้เธอนอนหน้าห้องน้ำกับพัดลมและผ้าห่มโทรมๆ

นาทีสุดท้าย (พลวัต ยศยิ่ง, A+) พระเอกหล่อมาก หนังมีเนื้อหาคล้ายๆ หนังเรื่อง WHITE JASMINE นั่นก็คือเป็นเรื่องของนักศึกษาหนุ่มหล่อที่ไม่ตระหนักถึงความรักอันยิ่งใหญ่เกินคำพรรณนาของมารดาตัวเอง แต่หนังเรื่อง "นาทีสุดท้าย" จะถ่ายทำสวยกว่า WHITE JASMINE มาก นอกจากนี้ พระเอกของเรื่องก็ถูกแฟนทิ้งด้วย เขาตัดสินใจจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก แต่ถ้าจำไม่ผิด หนังจะมีการแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า ถ้าหากเขาใช้ชีวิตอย่างดี ตระหนักถึงพระคุณแม่ พอแฟนสาวบอกเลิกกับเขา เขาก็ควรบอกกับแฟนว่า "แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่" เขาก็จะไม่ต้องฆ่าตัวตาย

โปสการ์ด (อัศวดล คำแก้ว, A) ถ้าจำไม่ผิด หนังเป็นเรื่องของหญิงชรา วัยประมาณ 60 ปี ที่อยู่บ้านเพื่อนของลูกชาย โดยลูกชายจะโทรมาบอกเพื่อนให้จดเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้ในโปสการ์ด หนังจะตัดสลับระหว่างฉากที่หญิงชราคนนี้อยู่บ้านไม้ในชนบทซึ่งเป็นบ้านเก่า กับบ้านปูนในตัวเมืองซึ่งน่าจะเป็นบ้านของลูกชายเพื่อน ตอนหลังเธอเอาโปสการ์ดนี้ไปตากที่ราวตากผ้า แล้วฝนตก ถ้าเข้าใจไม่ผิด เธอเป็นโรคอัลไซเมอร์ ตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้เราจะงงๆว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ เธออยู่กับใคร ลูกชายเธอตายไปแล้วยัง

ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย (ณัฐธัญ กรุงศรี, A) หนังกึ่งสารคดีเกี่ยวกับการประท้วงเขื่อนป่าเสือเต้น หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ตอนแรกเหมือนไม่เต็มใจจะเป็น activisit แต่ต่อมาเขาก็ลุกขึ้นมาเป็น activist เพื่อปกป้องหมู่บ้านของเขาไม่ให้จมน้ำใต้เขื่อน

ยิ่งใกล้ ยิ่งไกล (ภนิดา ถิ่นทะเล, A+30) หนังเกี่ยวกับเด็กหญิงกลุ่มนึงที่ริมหาด คนนึงจะคลั่งมาริโอ เมาเรอร์มากๆ เด็กหญิงกลุ่มนี้คุยกันถึงสเปคผู้ชายที่ตัวเองชอบ แต่เด็กหญิงคนนึงในกลุ่มไม่ยอมบอกว่าเธอชอบผู้ชายแบบใด ต่อมาเด็กหญิงคนอื่นๆในกลุ่มวิ่งลงทะเลไป เหลือเด็กหญิงสองคนจ้องมองหน้ากันในเฟรมภาพสุดท้าย หนังเลสเบียนเรื่องนี้มีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเข้าอันดับประจำปีของดิฉันค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จัก (วัชรพล สายสงเคราะห์, A+30) หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มหล่อที่ชอบถ่ายรูป และจีบสาวเสิร์ฟที่มีอายุแก่กว่า หนังเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่ใกล้เคียงกับหนังที่กำกับโดย Eric Rohmer

รักแรกพบ (เบญจพรรณ รุ่งศุภตานนท์, A+30) หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักดนตรีหนุ่มที่มีหนวด ซึ่งมีภรรยาเป็นผู้หญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นหรืออะไรทำนองนี้ พระเอกของเรื่องนอกใจไปเป็นชู้กับสาวเซ็กซี่ที่มีมาดคล้ายๆไปรยา สวนดอกไม้ ส่วนนางเอกก็มีชู้กับคนขับแท็กซี่หนุ่มหล่อ ฉากสุดท้ายของหนังเป็นฉากที่ซึ้งมากๆ เพราะหนังตัดสลับภาพดวงตาของพระเอกกับนางเอกขณะจ้องมองชู้รักของตนเองเข้ามาไว้บนจอเดียวกัน เหมือนกับว่าทั้งสองกำลังจ้องมองกันเอง หนังได้รับแรงบันดาลใจจาก CLOSER ของ Mike Nichols และขึ้นคำโปรยในตอนจบว่า "มีคนบอกว่า ถ้าหากใครเชื่อในรักแรกพบ เขาก็จะไม่มีวันหยุดแสวงหามัน"

เราเลือกใช้รูปประกอบจากหนังเรื่อง THE BAKERY GIRL OF MONCEAU (1963, Eric Rohmer) เพราะเราอยากฉายหนังเรื่องนี้ควบกับ "ยินดีที่ได้รู้จัก"





1 comment:

celinejulie said...

"ยิ่งใกล้ ยิ่งไกล" นี่คลาสสิคมากๆเลยนะ ถ้าเราจำไม่ผิด นี่เป็นหนังที่นำเสนอภาพเลสเบียนเรื่องที่ 3 แล้วที่ทำโดยเด็กผู้หญิงชั้นมัธยม และน่าจะเป็นมัธยมต้นด้วย ส่วนอีกสองเรื่องคือเรื่อง "คนแห่งความรัก" (2012, สุธิดา ชนะสิทธิ์, A+15) กับ "ลงสนาม" (GOGO) (2010, จุฬาลักษณ์ กองพล, 3 นาที, A+30)

"อภัย" นี่เป็นหนังที่เรา identify ตัวเองกับนางเอกอย่างรุนแรงมาก เพราะถ้าหากเราเจอผู้ชายอย่างในเรื่องนี้ เราก็เสย he ใส่ในทันที เราว่าหนังเรื่องนี้มันเป็น genre หนังที่เราอี๋มากๆ คือ genre ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็น "หนังสั่งสอนศีลธรรมให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว เคารพพ่อแม่" มันเป็น genre ที่เราพร้อมจะให้เกรด F น่ะ แต่การแสดงของนางเอกกับคำพูดของนางเอก มันกลับตรงใจเรามากๆ คือถ้าหากเราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราก็จะพูดแบบเดียวกับเธอ และทำแบบเดียวกับเธอทุกอย่าง เราก็เลยรู้สึกทึ่งกับหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ ที่คืนความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครที่ถูกพันธนาการแน่นหนาด้วยกรอบของ genre

ในแง่นึง "อภัย" ก็ทำให้เรานึกถึงหนังอย่าง THE CABIN IN THE WOODS (2011, Drew Goddard, A+30) นะ เพราะ THE CABIN IN THE WOODS มันแสดงให้เห็นว่าตัวละครถูกบิดไม่ให้เป็นตัวของตัวเองอย่างไรบ้าง เพราะโดนกฎของหนังสยองขวัญบีบบังคับให้ตัวละครต้องมีบุคลิกอย่างนี้ พูดโง่ๆอย่างนี้ ตัดสินใจโง่ๆอย่างนี้ พอเราเจอตัวละครที่เหมือนกับตัวเราเอง ใน genre หนังที่ตัวเองเกลียดอย่างในเรื่อง "อภัย" เราก็เลยรู้สึกทึ่งกับมันอย่างรุนแรง