BALL PEOPLE (2023, Scott Lazer, USA, documentary, 13min,
A+30)
หนังโดยปกติมักจะพูดถึงนักเทนนิส อย่างเช่น CHALLENGERS
(2024, Luca Guadagnino), KING RICHARD (2021, Reinaldo Marcus Green), JOHN
MCENROE: IN THE REALM OF PERFECTION (2018, Julien Faraut, documentary), WIMBLEDON
(2004, Richard Loncraine) เราก็เลยชอบสุดขีดที่หนังเรื่อง BALL
PEOPLE หันไปพูดถึง “เจ้าหน้าที่เก็บลูกเทนนิสในสนามแข่ง” แทน
ซึ่งเป็นอะไรที่มักจะถูกมองข้ามมาก่อน
ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด งานนี้เป็นงานของคนที่วิ่งเก็บลูกเทนนิสในสนามแข่ง
และคอยป้อนลูกเทนนิสให้นักเทนนิสในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็ไม่เคยดูการแข่งขันเทนนิสมาก่อน
เราก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ตำแหน่งนี้เขาต้องทำอะไรบ้างในระหว่างการแข่งขัน
แต่เราก็ชอบสุดขีดที่หนังเรื่องนี้เลือกโฟกัสไปยังจุดที่หนังเรื่องอื่น ๆ
มักจะมองข้ามไป
https://www.lecinemaclub.com/now-showing/ball-people/
---
เพิ่มเติมรายชื่อหนังที่มีอะไรใกล้เคียงกัน
แล้วออกฉายในเวลาไล่เลี่ยกันโดยบังเอิญ
74. HANGING UP (2000, Diane Keaton)
+ EVERYTHING IS FINE, WE’RE LEAVING (2000, Claude Mouriéras,
France)
หนังทั้งสองเรื่องพูดถึงสามสาวพี่น้องที่รับมือแตกต่างกันไปกับ
“พ่อ” ของตัวเองที่อยู่ในวัยชราและล้มป่วย โดยในกรณีของ HANGING UP นั้น หนังนำแสดงโดย Diane Keaton, Meg Ryan และ Lisa
Kudrow ส่วนใน EVERYTHING IS FINE, WE’RE LEAVING นั้น หนังนำแสดงโดย Miou-Miou, Sandrine Kiberlain และ
Natacha Régnier ซึ่งเราชอบตัวหนัง EVERYTHING IS
FINE, WE’RE LEAVING อย่างรุนแรงสุดขีดมาก ฉากที่ Sandrine
Kiberlain เจอหน้าพ่อ (Michel Piccoli)
เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีนี่ เราขอยกให้เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE SCENES
OF ALL TIME เลย
75. LA CRISE (1992, Coline Serreau,
France)
+ FALLING DOWN (1993, Joel Schumacher)
หนังทั้งสองเรื่องนำเสนอตัวละคร “ชายวัยกลางคน”
(Vincent Lindon + Michael Douglas) ที่เกิดอาการ “สติแตก”
เหมือนกัน และนำไปสู่ความชิบหายต่าง ๆ ตามมา เราชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้มาก ๆ
ในระดับพอ ๆ กัน ตัดสินไม่ได้ว่าชอบเรื่องไหนมากกว่า
---
LOS ANGELES PLAYS ITSELF (2003, Thom Andersen, documentary,
169min, A+30)
หนังในตำนานที่เราอยากดูมานาน 20 ปีแล้ว
ในที่สุดก็ได้ดูเสียที โดยดูทาง MUBI กราบตีนที่สุดของที่สุด
แน่นอนว่าเรายกให้เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE DOCUMENTARIES OF ALL TIME เลย เพราะเราชอบ “หนังเกี่ยวกับหนัง” อยู่แล้ว และหนังเรื่องนี้ก็ตอบสนองความเป็น
cinephile ของเราอย่างสุดขีด เพราะมันพูดถึงหนังมากกว่า 100
เรื่องที่เรายังไม่เคยดู และก็ทำให้เราอยากดูหนังเหล่านั้น และมันก็พูดถึงข้อมูลอะไรหลาย
ๆ อย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนด้วย อย่างเช่น “คดีจริง” ที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่อง
CHINATOWN และ L.A. CONFIDENTIAL และเรื่อง
“เหตุการณ์นองเลือด” ต่าง ๆ ใน Los Angeles ในอดีต โดยเฉพาะ
Zoot Suit Riots ในปี 1943 และ Watts Riots ในปี
1965 เพราะเราเกิดไม่ทันเหตุการณ์เหล่านี้ เราเกิดทันแค่เหตุการณ์ Rodney
King ในปี 1992 เราก็เลยไม่เคยรู้มาก่อนว่า
ลอสแองเจลิสเป็นเมืองที่เคยเกิดเหตุการณ์นองเลือดมาแล้วหลายครั้ง
กราบความรู้ของผู้กำกับหนังเรื่องนี้มาก ๆ ทั้งในการจดจำหนังเป็นร้อย
ๆ เรื่อง, จดจำแต่ละฉากในหนังว่าถ่ายทำที่ไหน ถนนอะไร ย่านไหนใน Los
Angeles และชอบข้อมูลด้านสถาปัตยกรรมในหนังเรื่องนี้ด้วย
อยากดูหนังเป็นร้อย ๆ
เรื่องที่ถูกนำเสนอในหนังสารคดีเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่อง
1.FEMALE (1933, Michael Curtiz, William
Dieterle, William A. Wellman)
2.THREE SMART GIRLS (1936, Henry
Koster)
3.DOUBLE INDEMNITY (1944, Billy Wilder)
4.THE CRIMSON KIMONO (1959, Samuel
Fuller)
5.THE EXILES (1961, Kent Mackenzie)
6.THE DISORDERLY ORDERLY (1964, Frank
Tashlin)
7.L.A. PLAYS ITSELF (1972, Fred Halsted)
8.KILLER OF SHEEP (1978, Charles
Burnett)
9.BUSH MAMA (1979, Haile Gerima)
10.BLESS THEIR LITTLE HEARTS (1983,
Billy Woodberry)
11.AMERICAN ME
(1992, Edward James Olmos)
ถ้าต้องฉาย LOS ANGELES PLAYS ITSELF ควบกับหนังเรื่องไหน เราก็คงฉายควบกับ
1. MISTY PICTURE (2021, Matthias
Muller, Christoph Girardet) ที่เป็นการนำเอา found footage จากหนังหลายสิบเรื่องที่มีตึก World Trade Center ปรากฏในหนังมาตัดต่อเข้าด้วยกัน
2.THE RAPE OF BANGKOK ข่มขืนกรุงเทพ
(2011, Wachara Kanha, Teeranit Siangsanoh, 90min) ที่เหมือนเป็นการนำเสนอ
“กรุงเทพ” ในฐานะ “ตัวละคร” หรือ “subject” ของหนัง
แทนที่จะใช้ “กรุงเทพ” เป็นเพียงแค่ฉากหลังของหนัง
No comments:
Post a Comment