Wednesday, December 24, 2025

THE CURSE OF CINEPHILES

 

ASIAN MOVIE PULSE ประกาศ 25 BEST SOUTHEAST ASIAN FILMS OF 2025 ออกมาแล้ว

 

1. The Fox King by Woo Ming Jin (Malaysia, A+30)

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ SF CENTRAL WORLD

 

2. Ikatan Darah by Sidharta Tata (Indonesia)

 

3. Republic of Pipolipinas by Renei Dimla (Philippines)

 

4. Riverstone by Lalith Rathnayake (Sri Lanka)

 

5.On Your Lap by Reza Rahadian (Indonesia)

 

6. Cinemartyrs by Sari Dalena (Philippines)

 

เราเคยดู WHITE FUNERAL (1997, Sari Dalena, A+30) ของผู้กำกับคนนี้ ตอนที่หนังเรื่องนั้นมาฉายที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยสุขุมวิท 55

 

7. Macai by Sun-J Perumal (Malaysia)

 

8. A Useful Ghost by Ratchapoom Boonbunchachoke (Thailand, A+30)

 

9. Human Resource by Nawapol Thamrongrattanarit (Thailand)

 

10. Ky Nam Inn by Leon Le (Vietnam, A+30)

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ HOUSE SAMYAN

 

11. Amoeba by Siyou Tan (Singapore)

 

12. Spying Stars by Vimukthi Jayasundara (Sri Lanka, A+25)

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ SF CENTRAL WORLD

 

13. Lilim by Mikhail Red (Philippines)

 

เราเคยดู BIRDSHOT (2016, Mikhail Red, A+30) ของผู้กำกับคนนี้

 

14. Panor by Putipong Saisikaew (Thailand, A+30)

 

15. Flat Girls by Jirassaya Wongsutin (Thailand, A+30)

 

16. Magellan by Lav Diaz (Philippines, A+30)

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ HOUSE SAMYAN

 

17. Raging by Ryan Machado (Philippines)

 

18. Hen by Sinung Winahyoko (Indonesia)

 

19. Slave Island by Jimmy Hendrickx and Jeremy Kewuan (Indonesia)

 

20. Dreamboi by Rodina Singh (Philippines)

 

21. Sore: A Wife from the Future by Yandy Laurens (Indonesia)

 

22. The Waves Will Carry Us by Lau Kek-Huat (Malaysia)

 

อยากดูอย่างรุนแรงที่สุด เพราะเราเป็นแฟนคลับของ Lau Kek-Huat

 

23. Dopamine by Teddy Soeria Atmadja (Indonesia)

 

ชอบผู้กำกับคนนี้อย่างรุนแรงมาก เราเคยดูหนัง 2 เรื่องของเขา ซึ่งก็คือ LOVELY MAN (2011) กับ ABOUT A WOMAN (2015)

 

24. The Sleeping Beauty by Mattie Do (Laos)

 

อยากดูอย่างรุนแรง เพราะเราเป็นแฟนคลับของ Mattie Do

 

25. The Red Envelope by Chayanop Boonprakob (Thailand, A+15)

 

สรุปว่าใน 25 เรื่องนี้ เราเคยดูแค่ 8 เรื่อง เหลือที่ยังไม่ได้ดูอีก 17 เรื่อง

 

https://asianmoviepulse.com/2025/12/the-25-best-se-asian-films-of-2025/?fbclid=IwY2xjawO3eglleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFOYUJwcmIwbjNFYVhya3Bic3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHt-rqtfQYr57MgkrmvWZ0G733nlJjOKhUdkwZrnmODNCPZg7KkUqmUEHD0ih_aem_yGVA3gh3ExLcGVGT75cepA

+++++++

คำสาปของ CINEPHILES

 

ฟิล์มซิคเหมือนเพิ่งจะโดนคำสาปนี้ในปีนี้ ส่วนเราโดนคำสาปนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว คำสาปที่ว่าก็คือ “ทางเดียวที่จะเรามีเวลาเขียนถึงหนังที่เราได้ดู นั่นก็คือเราต้องงดดูหนัง เพราะตราบใดที่เรายังคงดูหนัง เราก็จะไม่มีเวลาเขียนถึงหนัง” 55555

 

เพราะเรามีเวลาไม่มากพอ เราต้องการเวลาทำงานหาเงิน, พักผ่อน, ทำกิจธุระที่จำเป็น, ออกกำลังกาย, เลี้ยงลูกหมี, etc.

 

ในอดีตเมื่อราว 20 กว่าปีก่อนนั้น เราเคยมีเวลาว่างมากพอที่จะ

 

1. ดูหนัง

2. ดูละครเวที

3. ดูงานศิลปะตามแกลเลอรี่ต่าง ๆ

4. ฟังเพลง

5. เขียนถึงหนังเกือบทั้งหมดที่เราได้ดูลง webboards + blog โดยในส่วนของหนังสั้นนั้น อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาแปะชื่อหนัง+ชื่อผู้กำกับ+แปะระดับความชอบ (เกรด)

 

แต่ยิ่งเราแก่ตัวลง เราก็ยิ่งทำอะไรได้น้อยลงเรื่อย ๆ เราก็เลยลด ละ เลิก กิจกรรมที่เราทำไม่ไหวตั้งแต่เข้าสู่ทศวรรษ 2010 เป็นต้นมา แกลเลอรี่เราก็แทบไม่ได้ไป ยกเว้นนิทรรศการที่มี video installations ส่วนละครเวทีเราก็เลิกดูตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา เพราะสังขารเราไม่เอื้ออำนวยอีกต่อไป

 

เหมือนปี 2011 น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่เราแปะชื่อหนังสั้นที่เราได้ดูเกือบครบ ซึ่งก็เป็นเพราะว่าปีนั้นไทยเจอน้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปี เราก็เลย “มีเวลาว่างเหลือเยอะ” ก็เลยมีเวลาเขียนถึงหนังสั้นเยอะหน่อยในปีนั้น แต่หลังจากปี 2011 เวลาว่างของเราก็ดูเหมือนจะน้อยลงเรื่อย ๆ ในขณะที่สังขารของเราก็โรยรามากขึ้นเรื่อย ๆ

 

และเราก็พบว่า ในที่สุดเราก็ต้องเลือก ว่าจะ “ดูหนัง” หรือ “เขียนถึงหนัง” เราไม่มีเวลาในชีวิตเหลือพอที่จะทำทั้งสองอย่างได้อีกต่อไป เพราะว่าถ้าหากเรายังคงเน้นดูหนังที่เราอยากดูตามโรงภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง เราก็จะมีเวลาเขียนถึงหนังเพียงแค่ 1-10% ของที่เราได้ดูเท่านั้น แต่ถ้าหากเราอยากจะเขียนถึงหนังที่เราได้ดู เราก็อาจจะต้องดูหนังเพียงแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ แล้วอีก 5 วันที่เหลือเราถึงจะมีเวลาเขียนถึงหนัง อะไรทำนองนี้

 

อย่างในเทศกาลหนังสั้นมาราธอนปีนี้ เราก็ดูหนังไปได้ 169 เรื่อง แต่เพิ่งเขียนถึงไปแค่ 5 เรื่อง หรือ 3% เท่านั้น และก็อาจจะไม่มีเวลาเขียนถึงอีก 164 เรื่องที่เราได้ดู นอกจากว่าเราจะต้องงดดูหนังทุกเรื่องในช่วงเวลา 3 เดือนข้างหน้า 55555

 

ก็เลยรู้สึกว่าเราเหมือนมี “ชีวิตต้องสาป” เราต้องเลือกว่าจะดูหนัง หรือเขียนถึงหนัง และเราก็เลือกแล้วว่าเราขอดูหนังแล้วกัน ส่วนการเขียนถึงหนังนั้น เราคงจะมีเวลาเขียนถึงเพียงแค่ 1% ของหนังที่เราได้ดูเท่านั้นแหละ

 

เพราะฉะนั้นก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ cinephiles ทุกคนเขียนถึงหนังกันต่อไป เราขอเน้นอ่านสิ่งที่เพื่อน ๆ เขียนนะคะ ส่วนดิฉันต้องคำสาปนี้มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว และทำใจยอมรับได้แล้วว่า ชีวิตเราก็เท่านี้แหละ แค่เราได้มีเวลาดูหนัง เราก็มีความสุขมากพอแล้ว

+++

 

เราชอบจำหนังเรื่องนี้สลับกับ MADAME ROSA (1977, Moshe Mizrahi, France) ที่นำแสดงโดย Simone Signoret แต่เรายังไม่เคยดูทั้งสองเรื่องนะ อยากให้มีคนจัดฉาย double bill MADAME ROSA + MADAME SOUSATZKA มาก ๆ คนดูจะได้งงเล่น 555

 

No comments: