ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมการฉายหนังเรื่องใหม่ของคุณทศพล บุญสินสุขได้ที่นี่
http://thirdclasscitizen.exteen.com/20080601/third-class-cinema-005-under-the-blanket
อันนี้เป็นความเห็นของดิฉันที่มีต่อหนังเรื่องเก่าๆของคุณทศพล บุญสินสุขค่ะ
คำเตือน: ข้อความข้างล่างนี้เขียนขึ้นจากความจำของดิฉันที่อาจจะเชื่อถือไม่ได้ 100 %
หนังของคุณทศพล บุญสินสุขเรื่องแรกที่ดิฉันได้ดู น่าจะเป็นเรื่อง DANCE TOGETHER ที่นำเสนอความผูกพันระหว่างคนในครอบครัว และถ่ายทำโดยใช้โทรศัพท์มือถือ ดิฉันไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้ เพราะดิฉันไม่มีความรู้สึกเชื่อมโยงใดๆ กับหนังส่วนใหญ่ที่พูดถึงประเด็นนี้
หนังเรื่องต่อๆ มาของคุณทศพลที่ได้ดู คือเรื่อง THE LAST SKY PASSENGER (2004, 9 นาที) ซึ่งนำเสนอภาพวิวทิวทัศน์ด้วยมุมกล้องแปลกๆ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ของผู้หญิง 3 คน ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้มาก แต่ไม่ถึงขั้น A+ ดิฉันรู้สึกว่ามันเป็นหนังทดลองที่แปลกตาดี แต่หนังไม่ได้กระทบอารมณ์ความรู้สึกของดิฉันมากนัก
ดิฉันมาหวีดสุดขีดกับหนังของคุณทศพลครั้งแรกก็เมื่อได้ดูเรื่อง “ห้ามอุ่นไข่ในไมโคเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม!” (2005, 14 นาที) ซึ่งประกอบด้วยฉากสั้นๆ 8 ฉากที่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องอะไรกันเลย บางฉากก็เป็นการ์ตูน บางฉากก็เป็นคนนั่งเล่นกีตาร์ แต่เมื่อดูรวมๆ ทุกฉากเข้าด้วยกันแล้ว หนังเรื่องนี้กลับก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวที่ดิฉันชอบมากๆ นั่นก็คือหนังที่สื่อ “ความรู้สึก” เข้าสู่ใจของดิฉันได้อย่างรุนแรง โดยที่แทบไม่ต้องพึ่งพา “เนื้อเรื่อง” เลยแม้แต่น้อย
หนังของคุณทศพลหลายเรื่องอาจจะเข้าข่ายนี้ อย่างเช่นเรื่อง NICE TO MEET YOU (2005, 25 นาที) ที่สื่อถึงความผูกพันระหว่างเพื่อนในมหาวิทยาลัย ผ่านทางฉากต่างๆ หลายฉากที่แทบไม่มีเนื้อเรื่อง และ LIFE IS SHORT 2 (2006, 11 นาที) ซึ่งเป็นเหมือนด้านตรงข้ามของ “ห้ามอุ่นไข่ในไมโคเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม!” เพราะหนังเรื่องนี้ประกอบด้วยฉากสั้นๆ 10 ฉากที่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกันเลย แต่เมื่อดูหนังเรื่องนี้โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้กลับทำให้ดิฉันรู้สึก “เศร้าเหงา” อย่างรุนแรงในขณะที่ดู แต่ก็รู้สึก “ดีและสดชื่น” มากๆ หลังจากดูจบแล้ว
อย่างไรก็ดี หนังของคุณทศพลที่มี “เนื้อเรื่อง” ก็เป็นหนังที่ดิฉันชอบสุดขีดเช่นกัน เพราะเนื้อเรื่อง, วิธีการนำเสนอ และจังหวะอารมณ์ในหนังของเขามักจะกระทบใจของดิฉัน หนังของเขาในกลุ่มนี้ก็อาจจะรวมถึงเรื่อง AFTERNOON TIMES(2005, 90 นาที) ที่สื่อถึงความผูกพันของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีต่อชายหนุ่มที่เธอแทบไม่รู้จัก หนังเรื่องนี้ทำให้ดิฉันร้องไห้อย่างรุนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต บางทีอาจจะเป็นเพราะดิฉันยังไม่เคยมีผัว ก็เลยทำให้รู้สึกอินกับ “ความผูกพันอย่างรุนแรงของคนที่แทบไม่เคยรู้จักกัน” ในหนังเรื่องนี้
SHE IS READING NEWSPAPER(2005, 8 นาที) ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีความสุขที่ได้มองหญิงสาวคนหนึ่งอ่านหนังสือพิมพ์ และหญิงสาวคนที่สองที่มีความสุขที่ได้มองชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่แรก ดิฉันชอบเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะมันตรงกับความรู้สึกของดิฉันที่มีความสุขกับการมองสิ่งต่างๆ อยู่ห่างๆ หรือมีความสุขกับการมองหนุ่มหล่อหลายๆ คนอยู่ห่างๆ และรู้สึกว่าการได้มองคนเหล่านี้อยู่ห่างๆ นั่นก็เป็นภาพที่สวยงามและทำให้เกิดความสุขใจที่สุดในโลกแล้ว
“เธอจะคิดถึงฉันบ้างใช่ไหม”(2006) ที่เล่าเรื่องของเพื่อนมหาวิทยาลัยที่กำลังจะแยกย้ายกันไปคนละทาง และนำเสนอความรู้สึกกึ่งเศร้าตรงจุดนั้นออกมาได้อย่างโดนใจมากๆ โดยผ่านทางการแสดงและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ
“BETWEEN US IN ONE MORNING” (2006) ที่เล่าเรื่องของเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่คงจะมีเรื่องทะเลาะกัน และหมางใจกัน แต่ความเป็นเพื่อนก็คงจะยังไม่สิ้นสุดลง โดยหนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา แต่เปิดโอกาสให้ผู้ชมจินตนาการเนื้อเรื่องเอาเองโดยผ่านทางฉากผู้หญิงยืนอยู่ริมทะเล ตัดสลับกับภาพ “เครื่องหมายกำกับวรรคตอน”
MISSING YOU (2005) และ ROOM: FIELD (2006) ซึ่งสองเรื่องหลังนี้เป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่ยังคงถวิลหาใครบางคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและออกไปจากชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีหนังอีกกลุ่มหนึ่งของคุณทศพลที่ดิฉันชอบมาก เพราะมันทำให้ดิฉันเกิด “ความรู้สึกแปลกๆ” หรือเกิด “ความรู้สึกรุนแรงบางอย่างที่บรรยายไม่ถูก” มันไม่ใช่ความรู้สึกตลกอย่างเดียว, เศร้าอย่างเดียว, หรือเหงาอย่างเดียว แต่มันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่อาจจะยังไม่มีใครบัญญัติศัพท์ไว้ หนังกลุ่มนี้ก็มีเช่นเรื่อง CHICKEN SMILE (2005, 14 นาที) ที่เป็นเรื่องของคนสองคนที่ตามหาฟาร์มไก่ประหลาด, THE AUDIENCE (2005, 10 นาที) ที่เป็นการบันทึกอารมณ์คนดูในการแสดงคอนเสิร์ต, NUAN ที่เป็นการนำ “นวลฉวี” มาดัดแปลงเป็นละครเพลง, “แล้วเมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีกเสียที”(2006) ที่ให้ชายหนุ่มกับหญิงสาวมาคุยกันด้วยบทสนทนาที่มีอะไรบางอย่างแปลกๆ และ NO ONE AT THE SEA (2005) ที่เป็นภาพของท้องทะเลคลอไปกับเสียงดนตรี
ดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องใหม่ๆ ของคุณทศพลจะออกมาในรูปแบบใด แต่ดิฉันก็เชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าหนังของเขาน่าจะยังคงกระทบความรู้สึกและจิตใจของดิฉันอย่างรุนแรงแน่นอน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment