Tuesday, October 07, 2008

WHY I WORSHIP "NOW SHOWING"

This is my comment in FILMSICK’S BLOG:
http://filmsick.exteen.com/20081007/now-showing-raya-martin-2008

กรี๊ด กรี๊ด กร๊าด กร๊าด เขียนได้ดีมากเลยค่ะ เราแทบไม่ได้สังเกตเกี่ยวกับโครงสร้างของหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย

ส่วนสาเหตุที่เราชอบ NOW SHOWING อย่างสุดๆนั้น เป็นเพราะว่า

1.เราอาจจะชอบหนังอย่าง “สมเด็จพระนเรศวร” ในระดับนึงนะ แต่เราก็ไม่ได้ต้องการดูแต่หนังมหากาพย์เกี่ยวกับวีรบุรุษเพียงอย่างเดียว เราต้องการดูหนังแบบนี้ที่พูดถึงคนธรรมดาสามัญด้วย เพราะเราก็เป็นคนธรรมดาสามัญคนนึง และต้องการดูหนังที่ให้ความสำคัญกับคนอย่างเรา แทนที่จะได้ดูแต่หนังที่พูดถึงแต่วีรบุรุษ เรารู้สึกว่า Raya Martin นำเสนอเรื่องคนธรรมดาสามัญได้ดีตั้งแต่ A SHORT FILM ABOUT INDIO NACIONAL และ AUTOHYSTORIA แล้ว แต่ก็เป็นคนธรรมดาสามัญที่อาจจะอยู่ในบริบทที่แตกต่างจากเราในปัจจุบัน พอมาได้ดู NOW SHOWING ซึ่งอยู่ในบริบทใกล้เคียงกับเราอย่างมากๆ เราก็เลยชอบมากๆ

2.เราชอบครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้มากๆ ดูแล้วนึกถึงชีวิตตัวเอง ชีวิตวัยเด็กของเราก็ไม่ได้เหมือนกับของริต้าซะทีเดียวหรอกนะ แต่การที่หนังเรื่องนี้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่ดูเหมือนธรรมดาในชีวิตของริต้า มันก็เลยทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ทำให้เรามีความสุขมากๆในวัยเด็ก อย่างเช่นการนอนเล่นหน้าบ้านและมองดูดวงดาวในยามค่ำคืน (สมัยต้นทศวรรษ 1980 เรายังสามารถเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ากรุงเทพได้จ้ะ) และหนังเรื่องนี้ก็ตอบรับกับแนวคิดของเราอย่างมากๆ ด้วย คือบางครั้งเราก็รู้สึกอยากให้มีใครจำลองเอาชีวิตในวัยเด็กของเราออกมาเป็นหนังน่ะ แต่แทนที่หนังเรื่องนั้นจะเต็มไปด้วย “เหตุการณ์สำคัญ” ในวัยเด็กของเรา หนังเรื่องนั้นก็อาจจะเต็มไปด้วย “เหตุการณ์ธรรมดา” ในวัยเด็กของเราก็ได้ เพราะเราก็ไม่ได้มีชีวิตวัยเด็กที่โลดโผน ประเภทเคยหนีรอดชีวิตมาจากเงื้อมมือของฆาตกรโรคจิตอย่างหวุดหวิดแต่อย่างใด การได้ดูช่วงครึ่งแรกของ NOW SHOWING มันเลยทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครสักคนได้ตอบสนองความฝันของเราแล้ว ด้วยการจำลอง “อารมณ์ความรู้สึก” หรือโมงยามในวัยเด็กอันราบเรียบของเราออกมา

3.ฉากต่างๆในหนังเรื่องนี้มันมีผลต่อการดูหนังเรื่องอื่นๆของเราอย่างมากๆเลยนะ คือเราก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าฉากแต่ละฉากใน NOW SHOWING มันมีความหมายว่าอย่างไร แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากๆกับการดูฉากต่างๆใน NOW SHOWING ก็คือการที่เรารู้สึกว่าฉากส่วนใหญ่ในหนังเรื่องนี้มันไม่ได้ยัดเยียด “เนื้อเรื่อง”, “สาร” หรือ “ความหมาย” ให้แก่เรา ฉากแต่ละฉากมันดูเหมือนชีวิตธรรมดาอย่างมากๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าแต่ละฉากมันแทบไม่ได้เล่าเรื่อง หรือแทบไม่ได้ส่งสารอันหนักอี้งออกมาเลย นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังแตกต่างจาก “หนังไม่เล่าเรื่อง” ที่เราได้ดูเป็นส่วนใหญ่ด้วย เพราะ “หนังไม่เล่าเรื่อง” ส่วนใหญ่ที่เราได้ดู จะเป็นหนังที่ “อัดแน่นด้วยอารมณ์” หรือ “เน้นอารมณ์เชิงกวี” แต่ฉากส่วนใหญ่ใน NOW SHOWING ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น มันดูปลอดจากการกระตุ้นอารมณ์หรือปลอดจากลักษณะเชิงกวีแบบที่เราอาจจะพบได้ในหนังอาร์ตโดยทั่วๆไป ฉากแต่ละฉากมันดูเปี่ยมไปด้วย “ชีวิตอันธรรมดาสามัญ” ในแบบที่เราชอบมากๆ และไอ้ความรู้สึกถึงความธรรมดาสามัญนี่แหละ ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ “พิเศษสุดๆ” และเราแทบหามันไม่ได้ในหนังเรื่องอื่นๆเลย

(ตัวอย่างของหนังที่ให้อารมณ์เชิงกวีก็เช่น NATHALIE GRANGER ซึ่งอาจจะนำเสนอกิจวัตรประจำวันเหมือนกับ NOW SHOWING แต่ฉากแต่ละฉากใน NATHALIE GRANGER กลับเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อะไรบางอย่างที่รุนแรงในแบบที่เราหาคำคุณศัพท์มาแทนที่ไม่ได้)

พอเราดู NOW SHOWING จบ แล้วเราได้ดู SOI COWBOY (A) ต่อ มันเลยมีผลทำให้เรารู้สึกเบื่อๆ SOI COWBOY อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือเราก็ชอบครึ่งแรกของ SOI COWBOY อย่างสุดๆน่ะนะ แต่พอฉากแต่ละฉากใน SOI COWBOY มันพยายามจะเล่าเรื่อง หรือมันพยายามจะให้ BACKGROUND ของตัวละคร หรืออะไรทำนองนี้ เรากลับรู้สึกเบื่อๆ และถามตัวเองในใจว่า “มันไม่ต้องเล่าเรื่องไม่ได้เหรอ” อย่างเช่นฉากที่พระเอกใน SOI COWBOY ขึ้นรถไฟไปได้สักระยะ แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุย และบทสนทนาในช่วงนั้นก็ดูเหมือนจะให้ข้อมูลที่น่าสนใจแก่ผู้ชม คือการที่ผู้กำกับใส่ฉากแบบนี้เข้ามาในหนังมันไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่อย่างใดหรอกนะ แต่เราชอบฉากที่ตัวละครนั่งรถไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย และไม่มีการให้ข้อมูลใดๆแก่ผู้ชมเลยแบบ NOW SHOWING มากกว่า มันทำให้เรารู้สึกอิสระเสรีมากกว่า และมันทำให้เรารู้สึกถึงความสุขอะไรบางอย่างที่มากกว่าความสุขที่เราได้รับจากการดูหนังโดยทั่วๆไป

แต่ฉากที่ไม่เล่าเรื่อง (หรือฉากที่ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น) ใน SOI COWBOY ก็มีเหมือนกันนะ อย่างเช่นฉากหญิงชราเดินกะย่องกะแย่งโดยใช้เครื่องช่วยเดินเป็นเวลานาน เราว่าฉากนี้น่าสนใจดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากเท่ากับการดูฉากต่างๆใน NOW SHOWING เพราะฉากหญิงชราเดินใน SOI COWBOY มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็น gimmick อะไรสักอย่างของผู้กำกับน่ะ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความธรรมดาสามัญของชีวิตแบบ NOW SHOWING

No comments: