SIAM BELOVED (2013, Ninart Boonpothong, stage play, A+20)
ปีศาจอาดูร
SPOILERS ALERT
ละครเวทีเรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้
1.ละครเวทีเรื่องนี้อาจจะเหมือนกับละครเวทีอีกหลายๆเรื่องของคุณนินาท
ตรงที่มันมีความซับซ้อนสูงมาก และดูจบแล้วเราอาจจะไม่เข้าใจมันทั้งหมด
หรือไม่แน่ใจว่าธีมหลักของเรื่องมันคืออะไร แต่มันก็กระตุ้นความคิดเรามากๆ
และสิ่งที่สำคัญสำหรับเราไม่ใช่ว่าเราเข้าใจมันจริงๆหรือไม่
แต่เป็นจุดที่ว่ามันกระตุ้นความคิดเราได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งสิ่งต่างๆที่เราคิดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้กำกับตั้งใจก็ได้
2.สิ่งหนึ่งที่ SIAM BELOVED ทำให้เราคิดถึงโดยที่ผู้กำกับอาจจะไม่ได้ตั้งใจ
คือเรื่องของคำว่า “หลอก” คือช่วง 15 นาทีแรกของละครเรื่องนี้
มันทำให้เรานึกว่าละครเรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ผีหลอกคน” แต่พอดูไปดูมาจนถึงตอนจบ
มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราชอบมากๆในเรื่องนี้คือเรื่องของ “คนหลอกคน”
โดยเฉพาะ “คนที่สร้างเรื่องผีขึ้นมาหลอกคน” และมันก็ทำให้เราคิดขึ้นได้ว่า คำว่า “หลอก”
ในภาษาไทยมันอาจจะมีสองความหมายที่แตกต่างกันในภาษาอังกฤษ เพราะในคำว่า “ผีหลอกคน”
นั้น หลอกมันคือ to scare , to frighten หรือทำให้ตกใจกลัว
แต่ในกรณีของคนหลอกคนนั้น หลอกมันคือ to deceive และมันก็น่าสนใจมากที่ละครเรื่องนี้ใช้คำว่าหลอกในทั้งสองความหมาย
โดยที่ในตอนแรกนั้น เรานึกว่าสิ่งที่น่ากลัวคือการที่ผีหลอกคน
แต่พอเราดูจนถึงตอนจบ เรากลับรู้สึกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ “คนที่สร้างเรื่องผี,
เรื่องเหนือธรรมชาติ หรือตำนานขึ้นมาเพื่อหลอกลวงคนเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง” โดยเฉพาะตัวละครแม่ที่ทำเป็นผีเข้าและทำเป็นอัลไซเมอร์เพื่อหลอกลวงลูกชาย
เพื่อล่อให้ลูกชายตกเป็นทาสของตัวเองต่อไป
เราว่าตัวละครแม่นี่น่ากลัวกว่า “ผู้สร้างรายการทีวีผี” และ “คู่สามีภรรยาที่กุเรื่องผีเทวี”
ขึ้นมาเสียอีก เพราะผู้สร้างรายการทีวีผี และคู่อรชุนกับจิตรานั้น
สร้างเรื่องผีขึ้นมาเพื่อหลอกลวง “เงิน” จากคนอื่น แต่ตัวละครแม่พระเอกนี่ใช้ทั้งเรื่องผีเข้า,
เรื่องอาการป่วยของตนเอง และเรื่องความทุกข์ยากของตัวเองในอดีตในการหลอกลวงทั้ง “เงิน”,
“ความสงสาร” และ “ความรัก” หรือ “ความสัมพันธ์ทางใจ” จากลูกชาย
3.ตัวละครแม่อัลไซเมอร์ในเรื่องนี้รุนแรงมาก มันทำให้เราตั้งคำถามตามมาว่า
“แม่ที่สร้างเรื่องผี, เรื่องเหนือธรรมชาติ, เรื่องอาการป่วยในปัจจุบัน และเรื่องความทุกข์ยากของตนเองในอดีตขึ้นมาเพื่อหลอกลวงลูกชายให้ตกเป็นทาสของตนเองต่อไป”
ในเรื่องนี้ มันทำให้เรานึกถึงอะไรในสังคมบ้างหรือเปล่า และมันนำมาเปรียบเทียบกับเรื่องเล่าของอุมาในบางแง่มุมได้ด้วยหรือไม่
น่าสนใจดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่อัลไซเมอร์กับลูกชายโปรดิวเซอร์ในเรื่องนี้ตั้งอยู่บนฐานของความหลอกลวง
ในแง่นึงมันก็ทำให้เรานึกถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวใน
LOVE APPETITE (2012, Ninart
Boonpothong) ด้วยเหมือนกัน เพราะตัวละครผู้ใหญ่ใน LOVE
APPETITE ก็หลอกลวงลูกหลานของตนเองมาโดยตลอดด้วยเหมือนกัน
ถ้าจำไม่ผิด
4.การใช้ “ผี” ใน SIAM BELOVED น่าสนใจมากๆ
ในแง่นึงมันก็ทำให้เรานึกถึงหนังไตรภาคของมณฑล อารยางกูรเรื่อง “ผีคนเป็น” (2006), “บ้านผีสิง” (2007) และ I MISS U (2012) เพราะผีในหนังสามเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ผีน่ากลัว
แต่ดูเหมือนเป็นผีที่แฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
และกระตุ้นความคิดของผู้ชมเหมือนๆกัน
ผีที่น่าสนใจที่สุดกลุ่มหนึ่งใน SIAM BELOVED คือผีที่ตามติดอุมามา
โดยไม่ว่าอุมาจะย้ายไปอยู่บ้านหลังไหน ผีพวกนี้ก็จะตามเธอไป
เพราะผีพวกนี้ไม่ได้สิงอยู่ในบ้าน หรือสิ่งของ แต่มันตามติดอุมาไปเรื่อยๆ
ผีกลุ่มนี้คืออะไร เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่มันดูเหมือนจะเป็นผีปู่ย่าตาทวดของเธอ
และมันเกี่ยวพันกับการที่ต้นตระกูลของเธอเคยเป็นทาสมาก่อน ผีในที่นี้อาจจะเป็น “ความทรงจำของบรรพบุรุษ”
ที่ย่อมตามติดคนทุกคน ผีในที่นี้มันเกิดจาก “สิ่งที่พ่อแม่เล่าให้ลูกๆฟังเกี่ยวกับประวัติของครอบครัวของตัวเอง”
ถ้าหากผีในที่นี้คือ “ประวัติศาสตร์ของครอบครัว”
ที่ตามหลอกหลอนคนบางคน เราก็อาจตั้งคำถามตามมาว่า แล้วความสัมพันธ์ของพระเอกกับแม่
มันคล้องจองหรือมันสะท้อนอะไรกับความสัมพันธ์ของอุมากับครอบครัวของเธอหรือไม่
ถ้าหากแม่พระเอกกุเรื่องผีเข้าและพยายามใช้ประวัติความทุกข์ยากของตนเองในอดีตในการหลอกลวงลูกชายให้ตกเป็นทาสของตนเองต่อไป
แล้ว “ประวัติศาสตร์ของครอบครัว” ที่ตามหลอกหลอนอุมาในรูปของผีล่ะ มันทำหน้าที่แค่
“หลอกหลอน” หรือมัน “หลอกลวง” ด้วย
5.สิ่งที่น่าสนใจมากๆในประวัติศาสตร์ของครอบครัวที่ตามหลอกหลอนอุมาคือ
“ความลักลั่น” ของมัน เพราะเรื่องเล่าของย่าทวดอุมาจบลงแบบ happy ending แต่ถ้าหากมัน
happy ending จริง
แล้วทำไมผีบรรพบุรุษของเธอถึงยังตามมาหลอกหลอนเธอจนถึงบัดนี้ล่ะ
ทำไมผีบรรพบุรุษของเธอถึงไม่สงบ หรือว่าเรื่องที่เล่ามามันไม่เป็นความจริง
สิ่งที่ตามหลอกหลอนอุมาคือ “เรื่องโกหก” หรือ “ประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นความจริง”
หรือเปล่า หรือว่าอุมาโดนทั้งผีหลอกและคนหลอก
เธอถูกผีหลอกเพราะวิญญาณบรรพบุรุษของเธอไม่สงบจริง ชีวิตของพวกเขาไม่ได้ลงเอยด้วยการที่ปัญหาได้รับการคลี่คลายแบบในเรื่องที่เธอเล่า
และอุมาก็โดนคนหลอกด้วย ซึ่งคนที่หลอกเธอก็คือใครก็ตามที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของครอบครัวในอดีตให้เธอฟัง
เธออาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับพระเอกก็ได้ นั่นก็คือโดนหลอกลวงมาโดยตลอด
6.เราว่าละครเรื่องนี้นำเสนอชีวิตพระเอกได้รอบด้านดี
เพราะชีวิตครอบครัวของเขามันหนักมากๆ และชีวิตการทำงานของเขาก็กดดันมากๆเหมือนกัน
คือนอกจากละครเรื่องนี้จะทำให้เรานึกถึงคำว่า “หลอกหลอน” กับ “หลอกลวง” แล้ว ละครเรื่องนี้ยังทำให้เรานึกถึงเรื่องคำว่า
“ความเป็นทาส” กับ “ความเป็นไท” ด้วย และชีวิตของพระเอกก็ดูเหมือนจะขาดอิสระอย่างมากๆหรือโดนกดขี่อย่างมากๆทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
7.ชอบช่วง 15 นาทีแรกของเรื่องนี้มากๆ ที่เป็นเรื่องผีจริงๆ
มันน่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของครอบครัวที่มีผีอยู่ในบ้านชั้นสอง เราว่าละครใช้สถานที่ได้ดีมากๆ
เพราะสถานที่นี้มันหลอนมากๆ มันดูเหมือนเป็นพื้นที่ที่มีประวัติยาวนาน 200
ปีเท่าอายุกรุงเทพ และละครเรื่องนี้ก็ใช้ความมืดได้ทรงพลังมากๆด้วย
สรุปว่าชอบ SIAM BELOVED มาก ทั้งในช่วง 15 นาทีแรกของเรื่อง
ที่มันน่ากลัวสุดๆ และในช่วงต่อๆมาของเรื่อง
ที่มันกระตุ้นให้เราตั้งคำถามตามมามากมาย ทั้งในเรื่องที่ว่า “เรากำลังถูกหลอกหลอนด้วยประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นความจริงหรือไม่”
, “ใครกุเรื่องผีขึ้นมาหลอกเรา”, “เขามีจุดประสงค์อะไรในการกุความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นมาหลอกเรา”
และ “เราเป็นไทในทางจิตวิญญาณจริงๆหรือเปล่า
หรือเราถูกใครบางคนสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกให้เราตกเป็นทาสของเขาโดยไม่รู้ตัวต่อไป”
No comments:
Post a Comment