Saturday, September 27, 2014

FINSUGOI (2014, Tanwarin Sukkhapisit, A+15)

FINSUGOI (2014, Tanwarin Sukkhapisit, A+15)

รู้สึกว่าหนังมีองค์ประกอบทุกอย่างที่จะทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มากๆ แต่เรากลับไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้สุดๆถึงขั้น A+30 อาจจะเป็นเพราะมันขาด magic touch อะไรบางอย่าง หรือขาดอารมณ์อะไรบางอย่างที่มันจะกระทบเราเป็นการส่วนตัวจริงๆ

คือเรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องของหนัง, บุคลิกนางเอก, ทัศนคติที่มีต่อเรื่องเพศบางอย่างในหนังเรื่องนี้ มันค่อนข้างเข้าทางเรามากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกัน ลำพังแค่ “เนื้อเรื่อง” และ “ทัศนคติ” ที่เข้าทางเรา ในบางครั้งมันก็ไม่สามารถนำพาอารมณ์ของเราให้ไปถึงจุดสุดยอดได้


สิ่งที่เราคิดว่าเราอยากได้จากหนังเรื่องนี้ แต่มันขาดหายไป คือ moments ที่ละเอียดอ่อนทางอารมณ์ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันมักจะพบในหนังที่กำกับโดยนักศึกษา โดยเฉพาะหนังของนิสิตม.ศิลปากรรุ่นชลสิทธิ์กับรุ่นบุญฤทธิ์น่ะ คือเราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าสิ่งที่เราอยากได้คืออะไร แต่มันเป็นสิ่งที่สามารถพบได้ในหนังนักศึกษากลุ่ม “เพื่อนแอบหลงรักเพื่อน” อย่าง FRIENDS SHIFT (2013, Boonyarit Wiangnon), BEFORE SUNSET (2013, Supalerk Silarangsri + Atchareeya Jattuporn, นิเทศจุฬา), DISTANCE (2010, Chonlasit Upanigkit), A MOMENT (2013, Siriporn Chorjiang), I CAN’T TELL YOU WHY (2013, Anan Pakbara) อะไรพวกนี้ คือเราว่าหนังพวกนี้มันสามารถสร้างความร้าวรานใจให้แก่เราได้มากๆ หรือมันสามารถคว้าจับมวลอารมณ์บรรยากาศโรแมนติกปนเศร้าเสียดแทงใจอะไรแบบนี้ได้ดีมาก

คือเราว่า FINSUGOI เล่าเรื่องได้ดีมาก แต่ปัญหาที่เรามีกับหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกไปถึงคำพูดของ Maya Deren ที่ว่า หนัง narrative เหมือนกับการเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง เป็นการเคลื่อนที่จากจุด A ไปยังจุด B ในแบบ horizontal แต่หนังทดลองหลายๆเรื่องในความเห็นของเดอเรนไม่ได้เป็นการเล่าเรื่องแบบ horizontal แต่เป็นการนำเสนออารมณ์ในแบบ vertical คือเหมือนเป็นการคว้าจับอารมณ์ ณ ห้วงขณะหนึ่งๆออกมาถ่ายทอด คือแทนที่เนื้อเรื่องจะดำเนินไปข้างหน้า หนังทดลองกลับมุ่งไปที่อารมณ์อันถั่งท้น ณ ห้วงขณะหนึ่งๆแทน

คือเราว่าหนังนักศึกษาที่เรายกมาข้างต้น มันทำได้ทั้งแบบ horizontal และ vertical น่ะ มันเล่าเรื่องได้ และมันนำเสนออารมณ์เศร้าซึ้งเจ็บปวด ณ บางห้วงขณะได้ดีมากๆด้วย แต่ FINSUGOI เหมือนจะทำได้ดีมากแค่ในส่วนของ horizontal แต่การนำเสนออารมณ์แบบ vertical เหมือนยังขาดไป

แต่ยังไงเราก็ยังชอบ FINSUGOI มากๆนะ คือเราเน้นเขียนแค่ว่าเพราะเหตุใดเราถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้ถึงขั้น A+30 น่ะ ส่วนสิ่งที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ เราขี้เกียจบรรยาย เพราะมันดีอยู่แล้ว 555

ส่วนฉากที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือฉากที่ตัวประกอบตัวนึงพูดว่า “ไม่ได้มาเพราะเงี่ยน แต่มาเพราะเป็นห่วง” หรืออะไรทำนองนี้ เราว่าฉากนี้เป็นฉากที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดได้มากที่สุดในหนังเรื่องนี้

รูปประกอบไม่ได้มาจากหนังเรื่องนี้จ้ะ แต่เป็นรูปของกัสเบล หนึ่งในนักแสดงของหนังเรื่องนี้



No comments: