Tuesday, September 02, 2014

SRIBURAPA: THE JOURNAL OF FREEDOM (2014, Pradit Prasartthong, stage play, A+15)

SRIBURAPA: THE JOURNAL OF FREEDOM (2014, Pradit Prasartthong, stage play, A+15)
ศรีบูรพา บันทึกแห่งอิสรา

ชอบเกือบทุกอย่างในละครเรื่องนี้ สาเหตุหนึ่งที่เราชอบมากเป็นเพราะเราไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับศรีบูรพามาก่อนเลยด้วย ละครเรื่องนี้ก็เลยทำให้เราได้รับรู้เสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

เนื่องจากเราชอบเกือบทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราก็เลยขอเขียนเฉพาะสิ่งที่เราไม่ชอบเพราะมันไม่ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของเราก็แล้วกัน 555

สาเหตุที่เราไม่ได้ชอบละครเรื่องนี้ถึงขั้น A+30 หรือว่าชอบสุดๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ชอบ musical น่ะ เราอาจจะอินกับละครดราม่าธรรมดาๆที่ไม่ต้องร้องเพลงมากกว่า คือเรามีปัญหากับเนื้อเพลงในละครเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะเรารู้สึกว่าเนื้อเพลงบางเพลงในละครเรื่องนี้มัน “บอก” เราว่าเราควรรู้สึกอย่างไรกับศรีบูรพา หรือบอกว่าเราควรรู้สึกอย่างไรกับการกระทำหรือแนวคิดบางอย่างของศรีบูรพา และมันก็บอกเราในทำนองที่ว่าเราควรจะชื่นชม,เชิดชู, ยกย่องเขา, แนวคิดของเขา หรือการกระทำบางอย่างของเขา ถ้าเราจำไม่ผิด

คือถ้าหากมันเป็นดราม่าธรรมดาๆ โดยไม่ต้องใส่เนื้อร้องเข้ามา แล้วเล่าเรื่องของศรีบูรพาไปเรื่อยๆ ให้คนดูได้เห็นว่าศรีบูรพาทำอะไร, คิดอะไร แล้วปล่อยให้คนดูรู้สึกเอาเองว่าควรจะชื่นชมศรีบูรพา, แนวคิดของเขา หรือการกระทำบางอย่างของเขาไหม ละครเรื่องนี้มันอาจจะเข้าทางเรามากกว่า

คือเรารู้สึกว่าละครเรื่องนี้ โดยเฉพาะเนื้อเพลงของละครเรื่องนี้ มัน “TELL” เราว่าเราควรรู้สึกหรือควรคิดอย่างไรน่ะ แต่ถ้าหากละครมันไม่ TELL เรา มันแค่ SHOW ให้เราเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วปล่อยให้เรารู้สึกเอาเอง มันอาจจะเข้าทางเรามากกว่า

สรุปว่าเราว่าละครเรื่องนี้มัน glorify พระเอกมากเกินไปสำหรับเราน่ะ มันทำให้เรารู้สึกว่าศรีบูรพาเป็น hero มากๆเลย จนเขาดูเหมือนเป็นวีรบุรุษที่ห่างไกลตัวเรา (หรือจริงๆอาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนขี้ขลาดมากๆเมื่อเทียบกับศรีบูรพาก็ได้ เราก็เลยรู้สึกอย่างนั้นกับตัวพระเอกเรื่องนี้)

ปกติเราไม่ค่อยอินกับฉากรักหรือไม่ชอบฉากโรแมนติกนะ แต่ไปๆมาๆฉากที่เราชอบที่สุดในละครเรื่องนี้กลับเป็นฉากรัก มันเป็นฉากที่นางเอกในวัยสาวนักศึกษานั่งอยู่ตรงกลางฉาก แล้วมีศรีบูรพาวัยหนุ่มกับวัยผู้ใหญ่ยืนทะแยงมุมอยู่สองด้านของนางเอก แล้วมีการจัดแสงแบบฝันๆหน่อย ฉากนั้นมันเหมือนเป็นการหลุดเข้าไปในห้วงคะนึงในจินตนาการ/ความทรงจำของศรีบูรพาน่ะ มันดูแตกต่างจากฉากอื่นๆเล็กน้อยที่ค่อนข้างอิงกับเนื้อเรื่องในโลกแห่งความเป็นจริง

สาเหตุที่เราชอบฉากนี้มากที่สุดอาจจะเป็นเพราะว่า ในฉากนี้เรารู้สึกว่าศรีบูรพาได้กลับมาเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีเลือดมีเนื้ออีกครั้ง ไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่ลอยอยู่ห่างไกลตัวเราเหมือนในฉากอื่นๆ

แต่ถึงแม้เราจะมีปัญหาบางอย่างกับละครเรื่องนี้ที่มันไม่เข้าทางเราซะทีเดียว แต่ถ้าไม่นับจุดนี้แล้ว เราก็ชอบส่วนอื่นๆในละครเรื่องนี้มากทีเดียว

ถ้าหากถามว่าเราชอบการนำเสนอวีรบุรุษในแบบไหน เราก็ขอแนะนำให้ดูหนังเรื่อง DANTON (1982, Andrzej Wajda, A+30) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับดังตอง (Gerard Depardieu) หนึ่งในนักปฏิวัติฝรั่งเศสที่ตอนหลังตบกับโรเบสปิแอร์และถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน เราว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตคนท่ามกลางความผันผวนทางการเมืองได้อย่างสนุกมาก และไม่ glorify ตัวพระเอกมากเกินไป


No comments: