CHAO-CHAINOI: THE INCOMPLETED VERSION (2004, Wuttin Chansataboot,
A+5)
เราเคยดูหนังเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึงในปี 2004 แล้วตอนนั้นให้เกรด B- แล้วเราก็ลืมไปแล้วว่าเราเคยดูหนังเรื่องนี้
พอมาดูอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปสิบปี เราก็พบว่าเราชอบมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
แต่ก็ยอมรับว่ามันไม่ใช่หนังในแบบที่เราชอบอยู่ดี คือถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คือว่า
มันเหมือนกับว่าเราชอบเพลง house น่ะ
แต่หนังเรื่องนี้ทำออกมาเป็นเพลง rap เพราะฉะนั้นถึงมันจะเป็นเพลง
rap ที่ดี แต่เนื่องจากเราไม่ชอบเพลง rap เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราก็เลยไม่ได้มีความสุขกับหนังเรื่องนี้มากนัก
ถึงแม้มันอาจจะเป็นหนังที่ดีก็ตาม
ความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้
1.สาเหตุที่ชอบมากขึ้น
มันเป็นเพราะว่าเราหาทางจูนตัวเองใหม่ในการดูหนังเรื่องนี้น่ะ คือตอนแรกที่เราดูหนังเรื่องนี้
เราดูไม่รู้เรื่องเลย และเราก็พยายามจะดูให้มันรู้เรื่อง
มันก็เลยเกิดอาการอารมณ์เสียขึ้น แต่พอมาดูใหม่ในรอบนี้ เราก็ล้มเลิกความพยายามที่จะดูให้รู้เรื่อง
หรือความพยายามที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ซะ และหันมา enjoy ไปกับความบ้าๆบอๆของหนังแทน
มันก็เลยทำให้ดูอย่างมีความสุขมากขึ้น
2.เราสงสัยว่าการที่เราไม่ได้ enjoy หนังเรื่องนี้มากนัก
อาจจะเป็นเพราะความต่างทางวัฒนธรรมด้วยมั้ง คือเราแอบเดาว่า คนที่สามารถจูนตัวเองให้เข้ากับหนังเรื่องนี้ได้ง่ายๆ
อาจจะเป็นคนที่เล่นวิดีโอเกม, คนที่ชอบสไตล์ภาพแบบในหนังเรื่องนี้, คนที่ชอบสไตล์ดนตรีแบบในหนังเรื่องนี้
หรือคนที่มีเพื่อนผู้ชายห่ามๆแบบในหนังเรื่องนี้ แต่เราไม่ได้เล่นวิดีโอเกมและไม่ได้มีคุณลักษณะแบบอื่นๆที่ว่ามา
มันก็เลยเกิดอาการไม่สามารถจูนตัวเองให้เข้ากับหนังเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่
3.แต่เราก็นับถือความบ้าจนสุดทางของหนังเรื่องนี้นะ
มันเหมือนมีความไม่ประนีประนอมมากพอสมควรในหนังเรื่องนี้น่ะ
คือดูแล้วก็นึกถึงหนังที่ weird มากๆในปีนี้อย่าง BETAGEN
FOREST (2014, Thapanee Loosuwan, A+20) ที่ดูไม่รู้เรื่องอย่างมากๆเหมือนกัน
และเราก็รู้สึกว่าเราไม่สามารถจูนตัวเองให้เข้ากับ BETAGEN FOREST ได้อย่างเต็มที่เหมือนกันด้วย
แต่เราก็ชอบที่มีการผลิตหนังที่สุดโต่งแบบนี้ออกมา
คือการที่เราไม่สามารถจูนตัวเองให้เข้ากับหนังเรื่องเจ้าชายน้อยและ BETAGEN
FOREST ได้ มันไม่ใช่ความผิดของหนัง และก็ไม่ใช่ความผิดของเราด้วยน่ะ
เราว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่หนังแต่ละเรื่องจะตอบสนองผู้ชมแต่ละคนได้แตกต่างกันไป
หรือมี wavelength ที่ตรงกับผู้ชมคนนึง
แต่ไม่ตรงกับผู้ชมอีกคนนึง
4.เราชอบที่มีการเอาองค์ประกอบในภาพวาดของ Salvador Dali มาใช้ในหนังเรื่องนี้
เพราะเราก็ชอบภาพวาดของ Dali มากๆเหมือนกัน เวลาเราดูภาพวาดหลายๆภาพของ
Dali แล้ว เรารู้สึกว่าเราอยากเข้าไปผจญภัยในภาพวาดนั้น
และหนังเรื่องนี้ก็เหมือนจะทำในสิ่งที่คล้ายๆกับที่เราอยากเห็น
5.มีองค์ประกอบบางอย่างในหนังเรื่องนี้
ที่ทำให้เรานึกถึงผู้กำกับที่ชอบมากๆสองคน ซึ่งก็คือ
5.1 Guy Maddin เพราะหนังมันดูเหมือนจะมีความไฮเปอร์แอคทีฟ
หรือมีการตัดต่ออย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคทางภาพที่แพรวพราวและหลากหลายน่ะ
โดยมีการใช้เทคนิคในการทำภาพให้ดูเหมือนฟิล์มเก่าๆแทรกเข้ามาด้วย
มันก็เลยทำให้นึกถึงหนังอย่าง ODILON REDON OR THE EYE LIKE A STRANGE
BALLOON MOUNTS TOWARD INFINITY (1995, Guy Maddin, A+30)
5.2 Terry Gilliam โดยเฉพาะหนังอย่าง THE
IMAGINARIUM OF DOCTOR PARNASSUSS (2009) ที่มีการสร้างโลกจินตนาการที่ไปได้สุดทางมากๆเหมือนกัน
6.หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงฉากเมายาใน ACROSS
THE UNIVERSE (2007, Julie Taymor) ด้วย ซึ่งมันเป็นฉากที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนั้น
และเราว่าหนังเรื่องนี้ก็อาจจะใช้ตรรกะคล้ายๆกัน คือเรามองว่าสิ่งต่างๆในหนังเรื่องเจ้าชายน้อยนี้
เกิดจากการพี้ยาของตัวละครน่ะ
7.ชอบการที่หนังบันทึกช่วงขณะหนึ่งของสังคมนั้นๆเอาไว้โดยที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจด้วย
ซึ่งในที่นี้ก็คือ “บริการโทร 3 บาททั่วไทย” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นแล้วในยุคปัจจุบัน
คือมันเป็นบริการให้ยืมโทรศัพท์มือถือใช้ในยุคที่โทรศัพท์มือถือยังมีราคาแพงอยู่น่ะ
และในช่วงนั้นเราก็ยังไม่มีมือถือ (เราเพิ่งซื้อมือถือเครื่องแรกในปี 2006)
เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องใช้บริการอะไรแบบนั้นด้วยในยุคนั้น
พอเรามาได้เห็นสิ่งนี้ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ มันก็เลยทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่า
เออ ใช่ มันเคยมีอะไรแบบนี้อยู่ในอดีตด้วย แต่มันหายไปแล้ว
สรุปว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะดี แต่มันไม่เข้าทางเราซะทีเดียว
คือหนัง weirdๆ ที่เข้าทางเราที่นำเสนอโลกบ้าๆบวมๆที่ไร้ตรรกะเหตุผลมันจะเป็นหนังประเภทที่กำกับโดย
Peter Greenaway, Alejandro Jodorowsky และ Ulrike
Ottinger คือเรารู้สึกว่าเราสามารถจูน wavelength ของตัวเองให้เข้ากับผู้กำกับกลุ่มนี้ได้ในทันทีเลย โดยไม่ต้องพยายามปรับ wavelength
ของตัวเองแต่อย่างใด แต่เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวน่ะ
มันไม่เกี่ยวกับว่าหนังดีไม่ดี
แต่ชอบหนังเรื่องต่อๆมาของคุณวุฒินทร์มากๆนะ ทั้ง TRAILS, 16X9- CAPSULE และ VISUAL ELEMENT (ไฟ-นัยน์-ตา) รู้สึกดีใจที่หนังของเขายุคหลังๆเข้าทางเรามากขึ้น
555
ดู 16x9-CAPSULE ได้ที่นี่
ภาพที่เห็นนี้ไม่ได้มาจากหนังเรื่อง “เจ้าชายน้อย” แต่เป็นภาพวาดของ Salvador Dali จ้ะ
No comments:
Post a Comment