Monday, September 01, 2014

LITTLE ROOM IN ETIENNE MARCEL (2014, Jitti Chompee, A+30)


LITTLE ROOM IN ETIENNE MARCEL (2014, Jitti Chompee, A+30)

(รูปนี้ถ่ายตอนนักแสดงกำลัง warm up ร่างกายก่อนแสดง)

ดูการแสดงอันนี้แล้วทำให้เรานึกถึงความสุขตอนที่ได้ดูหนังบางเรื่องของ Derek Jarman สาเหตุที่ทำให้นึกถึง Derek Jarman เป็นเพราะว่า

1.Derek Jarman ชอบเอาตำนาน/เรื่องเล่าโบราณมานำเสนอในแบบ queer อย่างเช่นใน SEBASTIANE (1976), EDWARD II (1991) และ THE GARDEN (1990) ที่เป็นการเอาตำนานทางศาสนามานำเสนอในแบบ queer ส่วน LITTLE ROOM IN ETIENNE MARCEL นั้นเป็นการนำเอาตำนานทรพากับทรพีมาดัดแปลงใหม่ และมีอารมณ์แบบเกย์ๆอยู่ในนั้นด้วย

2.หนังของ Derek Jarman มีความพิสดาร, ไม่เน้นการเล่าเรื่อง, มีความ minimal และมีลักษณะของละครเวทีอยู่ด้วย ซึ่งลักษณะเหล่านี้ทำให้นึกถึงการแสดงอันนี้ด้วยเหมือนกัน

แต่การแสดงอันอื่นๆของคุณ Jitti อาจจะไม่ทำให้นึกถึงหนังของ Jarman มากเท่านี้นะ อย่าง A LOVE SONG (2011) ของคุณ Jitti ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังของ Jean Genet และการแสดงของเขาอันอื่นๆที่เราได้ดูก็ค่อนข้าง abstract มากๆสำหรับเรา การแสดงอันอื่นๆของเขาก็เลยไม่ได้ทำให้เรานึกถึงหนังของ Jarman

3.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้นึกถึงหนังของ Jarman เป็นเพราะเราชอบดนตรีประกอบในการแสดงอันนี้มากๆด้วยแหละ เราว่าเพลงที่ใช้มันเพราะมากๆ และมันเข้ากับบรรยากาศมากๆ ความไพเราะของเพลงประกอบละครเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงความสุขตอนที่ได้ฟังเพลงในฉากจบของ THE TEMPEST (1979, Derek Jarman) หรือตอนฟังเพลงที่ Annie Lennox ร้องใน EDWARD II

แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือว่า ในขณะที่หนังของ Jarman ทำให้เราประทับใจกับความงดงามด้านภาพ, พลังของภาพ และการตัดต่อภาพ การแสดงอันนี้นำเสนอความงดงามของลีลาท่าทางในการเต้นรำแทน มันเป็นความงดงามคนละแขนงกัน และเราก็รู้สึกว่าทั้ง Jarman และ Jitti ต่างก็ไปได้สุดทางในสาขาศิลปะของแต่ละคน

สิ่งที่ชอบสุดๆอีกสิ่งหนึ่งในการแสดงอันนี้ ก็คือฉาก การแสดงอันนี้ใช้ฉากหลังเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีเรือแล่นผ่านเป็นระยะๆ และมีห้างสรรพสินค้าริเวอร์ซิตี้เปิดไฟสว่างอยู่ด้านหลัง และเรารู้สึกว่ามันสวยสุดๆมันงดงามสุดๆสำหรับเรา ไฟจากห้างริเวอร์ซิตี้ทำหน้าที่เหมือนเป็นสปอตไลท์บนเวทีที่สวยมากๆ เรือที่แล่นผ่านไปผ่านมาก็ช่วยสร้างความเพลิดเพลินได้ในระดับนึง และเราก็ชอบกระแสน้ำที่ขึ้นๆลงๆในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย การมองน้ำที่ขึ้นๆลงๆแบบนี้มันทำให้นึกถึงคำพูดของ Harun Farocki ใน IMAGES OF THE WORLD AND THE INSCRIPTION OF WAR ที่ว่า “การมองน้ำทะเลซัดชายหาดไปเรื่อยๆ มันช่วยปลดปล่อยความคิดของมนุษย์ให้เป็นอิสระ” หรืออะไรทำนองนี้

สรุปว่าที่เขียนมาทั้งหมดนี้จริงๆแล้วต้องการโปรโมทให้คนไปดูหนังของ Derek Jarman จบ 55555



No comments: