Sunday, May 17, 2015

THE SPIDERS (1919, Fritz Lang, Germany, A+25)

หนังเล่าเรื่องราวของการผจญภัยของ Kay Hoog (Carl de Vogt) ชายหนุ่มในซานฟรานซิสโกที่ได้รับข้อความลึกลับที่บ่งชี้ว่า มีชายชาวตะวันตกคนหนึ่งถูกชาวอินคาในเปรูจับตัวไว้ และชาวอินคากลุ่มนี้ครอบครองทองจำนวนมาก เคย์ตัดสินใจว่าจะออกเดินทางไปค้นหาชาวอินคากลุ่มนี้ แต่เขาต้องเจออุปสรรคขัดขวางเป็นองค์การลึกลับชื่อ The Spiders ที่พยายามจะค้นหาชาวอินคากลุ่มนี้เช่นกันเพื่อแย่งชิงทองของชาวอินคา การต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันระหว่างเขากับองค์การร้ายนี้นำพาเขาไปยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก ตั้งแต่เมืองใต้ดินในซานฟรานซิสโก ไปจนถึง เม็กซิโก, เปรู, อังกฤษ และหมู่เกาะฟอล์คแลนด์

หนังสนุกมากๆ และเราประหลาดใจมากที่พบว่าหนังเรื่องนี้แทบไม่ได้แตกต่างจากหนัง blockbuster ยุคปัจจุบันเลย ทั้งๆที่มันสร้างขึ้นเมื่อราว 100 ปีก่อน คือเนื้อหาของมันเป็นแนวเดียวกับ James Bond, Indiana Jones, KING SOLOMON’S MINES (สมบัติพระศุลี) หรือ TOMB RAIDER และมีฉากแอคชั่นลุ้นระทึกเกิดขึ้นตามจุดต่างๆทั่วโลก ไม่ต่างไปจากหนังอย่าง FAST 7 ในยุคปัจจุบัน ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ไปผจญภัยทั่วโลกร่วมกับตัวละครด้วย

เราไม่นึกมาก่อนว่า “เนื้อเรื่อง” แบบที่ได้รับความนิยมกันในยุคปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่ตกทอดกันมานานราวร้อยปีแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว THE SPIDERS ก็คงไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่ใช้พล็อตทำนองนี้ เพราะเราเข้าใจว่าหนังที่ออกมาก่อนหน้า THE SPIDERS อย่างเช่นหนังชุด THE PERILS OF PAULINE (1914) และ THE EXPLOITS OF ELAINE (1914) ก็คงใช้พล็อตคล้ายๆกันนี้เช่นกัน นอกจากนี้ เรายังเข้าใจว่า THE SPIDERS คงได้รับอิทธิพลมาจากหนังฝรั่งเศสเรื่อง LES VAMPIRES (1915, Louis Feuillade) ด้วย ในแง่ของการสร้างตัวละครองค์การร้าย

นอกจากพล็อตเรื่องการผจญภัยที่สนุกมากๆแล้ว อีกสิ่งที่เราชอบมากใน THE SPIDERS ก็คือตัวร้ายสำคัญของเรื่องนี้เป็นผู้หญิง และตัวละครนางมารร้ายในเรื่องนี้ก็ดูดีมีเสน่ห์มากๆ เราว่าตัวละครนางมารร้ายของเรื่องนี้สามารถเทียบชั้นได้กับตัวละครของ Vanessa Redgrave ใน MISSION: IMPOSSIBLE (1996, Brian De Palma) และตัวละครของ Kristin Scott Thomas ใน ARSÈNE LUPIN (2004, Jean-Paul Salomé) ได้เลย

จริงๆแล้วฮอลลีวู้ดยุคปัจจุบันควรเอา THE SPIDERS มาสร้างภาคต่อนะ เพราะเนื้อหาของมันเป็นแบบฮอลลีวู้ดมากๆ แต่ถ้าเอามาสร้างภาคต่อ สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นปัญหาก็คือ หนังเรื่องนี้ตั้งชื่อตามชื่อ “ผู้ร้าย” น่ะ แทนที่จะตั้งชื่อตามฝ่ายพระเอก/นางเอก อย่างเช่น James Bond หรือ Indiana Jones เพราะฉะนั้นในการเอาหนังเรื่องนี้มาสร้างภาคต่อ เป็นภาค 3-4-5-6 ต่อไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับเป็นการบอกคนดูในทางอ้อมว่า “องค์การร้าย” นี้จะไม่ถูกทำลายแน่ๆ ไม่ว่าพระเอกจะเก่งสักแค่ไหน องค์การร้ายนี้ก็จะยังอยู่รอดต่อไปในตอนจบ เพื่อจะได้มี THE SPIDERS ภาคต่อไปมาให้เราดูกัน

ไอเดียแบบนี้ไม่รู้ว่าจะ work ไหมนะในยุคปัจจุบัน เพราะเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามีหนังแอคชันภาคต่อดังๆอันไหนบ้างในยุคปัจจุบัน ที่เอาชื่อ “องค์การร้าย” มาตั้งเป็นชื่อ franchise หลัก ส่วนใหญ่ไอเดียในการเอาชื่อผู้ร้ายมาตั้งเป็นชื่อ franchise หลัก มันเกิดขึ้นกับหนังสยองขวัญมากกว่า เราก็เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจดีที่หนังสยองขวัญยุคปัจจุบัน ผู้ร้ายจะเหมือนเดิม มีชีวิตยืนยาวต่อไปได้หลายๆภาค ในขณะที่ตัวพระเอก/นางเอกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆในทุกๆภาค แต่ถ้าหากเป็นหนังแอคชันผจญภัยแล้ว พระเอกมักจะเป็นตัวละครตัวเดิม แต่ผู้ร้ายในแต่ละภาคจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นถ้าหากมีหนังแอคชันผจญภัยภาคต่อหลายๆภาค ที่เอาลักษณะนี้ของหนังสยองขวัญมาใช้ (ตัวผู้ร้ายเหมือนเดิมในทุกๆภาค แต่ตัวพระเอก/นางเอกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ) มันจะ work หรือเปล่านะในยุคปัจจุบัน เราก็สงสัยเหมือนกัน 

No comments: