42 UP (1998, Michael Apted, UK, documentary, A+30)
1.ในที่สุดก็ตามดูได้ครบทุกภาค แม้จะดูสลับกันไปมา
เพราะเราดู 49 UP (2005) กับ 56 UP (2012) ก่อน แล้วค่อยมาย้อนดูภาคเก่าๆในภายหลัง พอดูภาคนี้จบแล้วก็ร้องไห้
รู้สึกมันบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้ เหมือนหนังมันสะท้อนความอะไรสักอย่างของชีวิตมนุษย์ได้ในแบบที่ไม่ค่อยเจอในหนังเรื่องอื่นๆ
เหมือนหนังส่วนใหญ่มันจะดึงมาเฉพาะแง่มุมที่น่าสนใจในชีวิตของ subject มั้ง แต่หนังเรื่องนี้พอมันตามถ่ายชีวิตคนธรรมดาหลายคน และตามถ่ายนานถึง
48 ปี (1964-2012) มันก็เลยเป็นการดูชีวิตคนธรรมดาจริงๆ
เราได้เห็นคนธรรมดาเหล่านี้เติบโต เปล่งปลั่งเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ค่อยๆแก่ตัวลงเรื่อยๆ สมหวัง ผิดหวัง
แต่งงาน หย่า มีลูก มีหลาน พ่อตาย แม่ตาย เจ็บปวด กัดฟันทน
พยายามประคับประคองชีวิตตัวเองไปเรื่อยๆ พยายามปลอบใจตัวเอง ฯลฯ
พอดูแล้วมันก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งบางอย่างที่หาไม่ค่อยได้ในหนังเรื่องอื่นๆน่ะ
2.เราว่าการตัดต่อช่วงท้ายของภาคนี้มันช่วยกระตุ้นให้ร้องไห้หรือซาบซึ้งได้ดีด้วยแหละ
เพราะช่วงท้ายของภาคนี้ มันนำฉากตอน subjects อายุ 7 ขวบ ขณะกำลัง “เล่นสร้างบ้าน”
ในสนามเด็กเล่น มาตัดต่อเข้ากับฉาก subjects ตอนอายุ 42 ปี ขณะอยู่กับสามี,
ภรรยา และลูกๆของตัวเอง พอมันตัดต่อสองช่วงเวลานี้เข้าด้วยกัน
ซึ่งได้แก่ช่วงเวลาของการ “เล่นสร้างบ้าน” เมื่อ 35 ปีก่อน กับช่วงเวลาของ “บ้านที่สร้างเสร็จแล้ว”
ในอีก 35 ปีต่อมา การปะทะกันของสองห้วงเวลานี้มันก็เลยก่อให้เกิดอารมณ์ที่ซึ้งมากๆ
ซึ่งที่เกิดอารมณ์แบบนี้ก็เป็นเพราะคนดูรู้ดีด้วยว่า ในช่วงเวลา 35 ปีนั้น subject
แต่ละคนต้องเผชิญกับอะไรในชีวิตมาบ้าง ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้
3.Nick หนุ่มนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์
ยังคงเป็นขวัญใจเราเหมือนเดิม ชอบมากที่เขาเป็นลูกเกษตรกร และเขาบอกว่า
การที่เขาเติบโตมาในฟาร์มในชนบท ทำให้เขาสงสัยมาตั้งแต่เด็กว่า สายลม, ก้อนเมฆ, สายน้ำ
มันเคลื่อนที่ได้ยังไง ความสงสัยเหล่านี้ก็เลยทำให้เขาเรียนวิทยาศาสตร์ จบ Oxford
และได้เป็นอาจารย์มหาลัยที่สหรัฐ
4.Bruce ก็ยังคงเป็นขวัญใจเราเหมือนเดิมเหมือนกัน
รู้สึกว่าเราดูผู้ชายไม่ผิดจริงๆ 555
เพราะเรารู้สึกว่าเขามีความเป็นพ่อพระอยู่ในตัว และเขาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะเขาช่วยเหลือ Neil ที่เป็นคนไร้บ้าน
ให้มาอาศัยอยู่ในบ้านของเขาที่ลอนดอนเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนที่ Neil จะหาที่อยู่ได้
ชอบมากๆด้วยที่ภรรยาของ Bruce ดู “ป้า” มากๆ เหมือน Bruce
คงไม่ได้สนใจผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาหรือเปลือกนอก
แต่คงสนใจนิสัยใจคอมากกว่า 555
6.พอดูหนังสารคดีชุดนี้แล้วก็นึกถึงหนังของ Mike Leigh ตลอดเวลา
และนั่นแสดงให้เห็นว่า หนังของ Mike Leigh มันคงสะท้อนความเป็นจริงของสังคมอังกฤษได้ดีมากๆน่ะ
คือเหมือนกับว่าเส้นแบ่งระหว่างหนัง fiction ของ Mike
Leigh กับหนังสารคดีที่สะท้อนชีวิตคนธรรมดาในสังคมอังกฤษมันคงบางมากๆ
อย่าง Symon ที่เป็นผู้ชายผิวดำในหนังสารคดีเรื่องนี้
เขาก็มีแม่ที่แท้จริงเป็นผู้หญิงผิวขาว พอดูแล้วเราก็นึกถึง SECRETS &
LIES (1996, Mike Leigh) ขึ้นมาเลย หรืออย่างแก๊งสามสาว Jackie,
Lynn, Sue ในหนังสารคดีเรื่องนี้ ก็ทำให้เรานึกถึงหนังอย่าง ABIGAIL’S
PARTY (1977, Mike Leigh) ด้วย
7.ชอบความสัมพันธ์ระหว่าง Jackie กับอดีตแม่ผัวมากๆ คือ Jackie
เธอมีผัว และมีลูกด้วยกันสองคน แต่ Jackie กับผัวมีปัญหากัน
ก็เลยหย่ากันไป ปรากฏว่า Jackie หาเงินไม่พอเลี้ยงลูกสองคน “อดีตแม่ผัว”
ก็เลยต้องคอยให้เงินเลี้ยงดู Jackie ตลอดเวลา Jackie จะได้มีเงินซื้ออาหารเลี้ยงหลาน และ Jackie กับอดีตแม่ผัวก็เลยสนิทกันไปเลย
8.รู้สึกว่าชีวิต Andrew น่าเบื่อที่สุด แต่ก็อาจจะมีความสุขที่สุด
555 คือ Andrew เป็นลูกคนรวย เขาพูดมาตั้งแต่ 7
ขวบว่าเขาจะเรียนต่อโรงเรียนอะไรและมหาลัยอะไร และเขาก็ได้เรียนต่อมหาลัย
Cambridge ตามนั้นจริงๆ และจบมาทำงานกฎหมายเหมือนที่เคยคาดไว้จริงๆ
และเขาบอกว่าบริษัทของเขามีสาขาที่ไทยด้วย แต่ไม่บอกว่าเป็นบริษัทอะไร เหมือนชีวิตเขาราบเรียบมากน่ะ
แทบไม่มีปัญหาชีวิตอะไรเลย แต่งงาน มีลูกไปตามปกติ และเขาก็บอกว่าที่ชีวิตเขาเป็นแบบนี้
เพราะเขาไม่เคยทำอะไรที่ adventurous เลย
เรารู้สึกว่าชีวิตแบบ Andrew มันน่าเบื่อสุดๆเลยนะ
แต่มันก็คงมีความสุขมากกว่าเราหลายเท่าแหละ
No comments:
Post a Comment