Sunday, September 19, 2021

SOME BUDDHIST LEGENDS I LOVE

 

วันนี้ก็ยังคงกินอาหารตามหนังเรื่อง THE SAKO TAPES (2019, Macheil van den Heuvel, Netherlands, documentary) ในเทศกาล Signes de Nuit ต่อไปค่ะ 55555 เป็นอาหารตามหลักศาสนาเชน หรือ Jain Food มี Chapati + daal makhni + raita + papadum และผักเครื่องเคียง #แดกตามหนัง

-----

เห็นเพื่อนคุยกันถึงเรื่องเกี่ยวกับ “ซาตาน” ในศาสนาคริสต์ และ “พญามาร” หรือ “ปรนิมมิตวสวัตตีมาร” ในศาสนาพุทธ แล้วน่าสนใจมาก ๆ เพราะเราเองก็ไม่เคยนึกเปรียบเทียบกันมาก่อนเลย ว่าถึงแม้ทั้งสองฝ่ายดูเป็นตัวชั่วร้ายที่สุดในแต่ละศาสนา แต่ก็แตกต่างกันมาก ๆ คือเราเองก็ไม่ได้นับถือคริสต์ ก็เลยไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับซาตานเลย รู้แต่ว่าพอพูดถึงซาตานก็จะนึกถึงแต่หนังผี หนังสยองขวัญ และนึกถึง “นรก” แต่ถ้าหากพูดถึง “ปรนิมมิตวสวัตตีมาร” นี่ เราไม่เคยนึกถึงผี ๆ สาง ๆ เลย เหมือนปรนิมมิตวสวัตตีมารนี่ทำให้เรานึกถึงกิเลสต่าง ๆ มากกว่า และปรนิมมิตวสวัตตีมารนี่จริง ๆ แล้วเป็นเทพที่ปกครองสวรรค์ชั้น 6 ด้วย (ชั้นสูงสุดของสวรรค์ชั้นฉกามาพจร แต่เหนือกว่านั้นยังมีสวรรค์ชั้นพรหมอีก 16 ชั้น และชั้นอรูปพรหมอีก 4 ชั้น ถ้าหากจำไม่ผิด กูจำเรื่องพวกนี้มาจากนิยายของตรี อภิรุม 555555) ก็เลยทำให้ซาตานกับปรนิมมิตวสวัตตีมารยิ่งแตกต่างกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

พออ่านใน Wikipedia แล้วก็พบว่ามันน่าสนใจดี เพราะปรนิมมิตวสวัตตีมาร พยายามขัดขวางพระพุทธเจ้าจากการบรรลุธรรม เพราะถ้าหากพระพุทธเจ้าบรรลุธรรม ก็จะสั่งสอนให้คนไปนิพพาน เพราะฉะนั้นคนก็จะตายไปแล้วไม่มาขึ้นสวรรค์กันอีก ปรนิมมิตวสวัตตีมารก็เลยมาขัดขวาง แต่ถูกพระแม่ธรณีบีบมวยผมต้านไว้ได้

 

คือเหมือนพอเรานึกถึงซาตาน เราจะนึกถึงการลงนรกน่ะ แต่เหมือนปรนิมมิตวสวัตตีมารไม่ได้ต้องการให้คนลงนรกหรือเปล่า แต่ต้องการให้คนขึ้นสวรรค์กันเยอะ ๆ มาก ๆ และมองว่าการไปนิพพานเป็นการขัดขวางคนจากการขึ้นสวรรค์กันเยอะ ๆ มาก ๆ อย่างที่ปรนิมมิตวสวัตตีมารต้องการ

 

ก็เลยรู้สึกว่าความแตกต่างกันอย่างรุนแรงระหว่าง ซาตาน กับปรนิมมิตวสวัตตีมาร นี่มันน่าสนใจมาก ๆ แต่ถ้าหากเราเข้าใจอะไรผิดไป ก็มาช่วยเสริมข้อมูลที่ถูกต้องกันได้นะ เพราะเอาจริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องพวกนี้แต่อย่างใด

---------------------

 

จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธอย่างจริง ๆ จัง ๆนะ แต่เราชอบพวกเรื่องตำนานชาดกต่าง ๆ ในพุทธศาสนามาก ๆ เราว่ามันเฮี้ยนมาก ๆ รุนแรงมาก ๆ เหมาะนำมาดัดแปลงสร้างเป็นหนังมาก ๆ เราเคยคุยกับเพื่อนเมื่อนานมาแล้วว่า อยากให้มีคนเอาตำนานชาดกต่าง ๆ ในพุทธศาสนามาสร้างเป็นหนังแบบ ARABIAN NIGHTS (1974, Pier Paolo Pasolini) มาก ๆ คือเป็นหนังที่ไม่ต้องเล่าตำนานชาดกเรื่องใดเรื่องนึงตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เล่าเฉพาะ “ฉากเด็ด ๆ” จากตำนานต่าง ๆ มาต่อ ๆ กัน

 

ตำนานต่าง ๆ ที่เราชอบมาก ๆ ก็รวมถึง

 

1.เรื่องของ “พระภัททากุณฑลเกสาเถรี” ชอบเรื่องนี้มากที่สุด

 

2.เรื่องอดีตชาติของนางจิญจมาณวิกา ที่ร่วมรักกับทหาร 64 คน อยากสร้างหนังเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ๆ

https://www.facebook.com/jit.phokaew/posts/10215342513939446

 

3.จุลปทุมชาดก ในชาดกนี้มีทั้งเรื่องกษัตริย์ที่หวาดระแวงลูกชาย, สามีที่ฆ่าภรรยาเพื่อกินเป็นอาหาร, ภรรยาที่ดื่มเลือดสามี, ผู้หญิงที่นอกใจเจ้าชายเพื่อไปเอากับโจร และก็มีพญาเหี้ยด้วย อยากให้ Jan Svankmajer เอาชาดกแบบนี้ไปดัดแปลงเป็นหนังแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก

https://www.silpa-mag.com/featured/article_2652?fbclid=IwAR28zbgwtfNyI8cEkZIKkxxXDMwTk4XqJy4m8wIxXq46tfWkEFx9y5QJonQ

 

4.มหาปโลภนชาดก

https://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=272208&fbclid=IwAR1q5v2DcAlG5-vPNRHVF7elg_Gp5QwkVLvlrxQaqiPq5xbbOgMY1H0yQ1U

 

5.เรื่องของพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ชอบฉากการไปเยี่ยมพระเจ้าพิมพิสารในคุกมาก ๆ

 

พระเจ้าอชาติศัตรู ได้ทำอัตวินิบาตกรรม กับผู้ที่เป็นบิดาพระเจ้าพิมพิสาร ด้วยการจับเข้าไปขังในคุก และปล่อยให้อดอาหารโดยหมายจะให้สิ้นพระชนม์

เวลาผ่านไป จนพระองค์แน่พระทัยว่าเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้วเนื่องจากอดอาหารนั่นเอง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

เหตุเพราะในระหว่างนั้นผู้เป็น มารดาของพระองค์ ได้เข้าไปเยี่ยม พระเจ้าพิมพิสาร ผู้เป็นพระสวามี โดยในการเยี่ยมแต่ละครั้ง พระนางได้นำเอาน้ำผึ้งและเนยมาทาตัว

เมื่อถึงที่คุมขัง ก็เปลื้องผ้าออก เพื่อให้พระเจ้าพิมพิสาร ได้ดูดกินน้ำผึ้งและเนยที่ทาอยู่กับตัวนั้น เป็นการประทังชีวิต

 

 

6.อีกฉากที่ชอบมากคือฉากแผ่นดินไหวในเรื่องของ พระภัททกาปิลานีเถรี คือนึกว่าเรื่องนี้เป็นภาคกลับของ ROMEO + JULIET เพราะเป็นเรื่องของหนุ่มสาวที่แต่งงานกันทั้งที่ไม่อยากแต่งงานกัน เพราะถูกคนส่งสารกลั่นแกล้ง

 

ในเรื่องนี้ฝ่ายหญิงคือภัททกาปิลานี อายุ 16 ปี ส่วนฝ่ายชายคือปิปผลิมาณพ อายุ 20 ปี เขาถูกพ่อแม่รบเร้าให้แต่งงาน ทั้งที่เขาไม่อยากแต่งงาน เขาเลยคิดอุบายให้หล่อรูปปั้นทองของหญิงที่งดงามมาก ๆ คนนึงขึ้นมา แล้วบอกว่า ถ้าหากไม่เจอหญิงที่งดงามดั่งรูปปั้นทองนี้ เขาก็จะไม่แต่งงานด้วย แล้วแม่ของเขาก็ให้พราหมณ์ 8 คนแห่รูปปั้นทองนี้ไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อหาหญิงที่งามเสมอดั่งรูปปั้นนี้ แต่พอแห่รูปปั้นไปเรื่อย ๆ ก็ดันไปเจอกับแม่นมของนางภัททกาปิลานีเข้า แล้วก็เลยได้รู้ว่ามีนางภัททกาปิลานีที่งดงามเสมอดั่งรูปปั้นทองนี้

 

พอพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ต้องการจะให้ทั้งสองฝ่ายแต่งงานกัน ทั้งปิปผลิมาณพและนางภัททกาปิลานี ก็เลยส่งจดหมายไปหาอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อบอกว่า “ตนไม่ต้องการจะแต่งงาน” แต่คนส่งสารของทั้งสองฝ่ายดันมาเจอกันระหว่างทาง และแอบอ่านจดหมาย แล้วก็เลยฉีกจดหมายเก่าทิ้ง แล้วเขียนจดหมายขึ้นมาใหม่ เพื่อแสดงความพึงใจซึ่งกันและกัน แล้วทั้งสองก็เลยต้องแต่งงานกัน

 

เมื่อแต่งงานกันแล้ว หนุ่มสาวทั้งสองก็ยังประพฤติพรหมจรรย์ โดยทั้งสองต่างก็เอาพวงดอกไม้พวงหนึ่งวางไว้ กลางที่นอน มาณพขึ้นที่นอนทางด้านขวา นางภัททากาปิลานีขึ้นที่นอนทางด้านซ้าย แล้วกล่าวว่า ดอกไม้ในด้านของคนใดเหี่ยว พวกเขาจะรู้ได้ว่า ราคจิตเกิดขึ้นแล้วแก่ผู้นั้น คนทั้งสองนั้นนอนไม่หลับตลอดทั้งราตรี เพราะกลัวจะถูกตัวของกันและกัน

 

หลังจากนั้นทั้งสองก็ตัดสินใจว่าจะออกบวช และเมื่อถึงทางสองแพร่ง ทั้งสองก็ตัดสินใจเดินแยกกันไปคนละทาง แล้วก็เกิดแผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น

ในเวลาที่ท่านทั้งสองนั้นแยกทางกัน มหาปฐพีนี้ได้สะเทือนเลื่อนลั่น เหมือนจะพูดว่า เราสามารถรองรับเขาจักรวาล และเขาสิเนรุได้ แต่ไม่อาจรองรับคุณความดีทั้งสองของพวกท่านได้ ในอากาศมีเสียงเหมือนฟ้าผ่า ภูเขาจักรวาลก็โอนโน้มลง

 

http://www.dharma-gateway.com/bhikunee/pra-pattaka-pilanee.htm

 

จริง ๆ แล้วมีชาดกอื่น ๆ อีกที่เราชอบมาก และอยากเห็นมันถูกนำมาดัดแปลงสร้างเป็นหนังมาก ๆ แต่ตอนนี้ยังจำชื่อชาดกบางเรื่องที่ชอบมากไม่ได้ เพราะมันเยอะมาก 5555

No comments: