Tuesday, December 17, 2024

MISS JIT LIVE IN BOMBAY

 

ฉันรักเขา วศิน ภาณุมาภรณ์ Wasin Panumaporn from THE NATURE OF DOGS (หมา-ป่า) (2024, Pom Bunsermvicha, 27min, A+30)

++++

อ่านเรื่องของ “คริสติน่า แซ่แต้” แล้วนึกถึงกิจกรรมที่เพื่อน ๆ ของเราชอบทำสมัยมัธยมในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาก ๆ ซึ่งยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ คือยุคนั้นเพื่อน ๆ ของเราชอบสมมุติว่าเพื่อน ๆ บางคนเป็น “นักร้องชื่อดัง” แล้วก็มีการจัดทำโปสเตอร์โปรโมทคอนเสิร์ตปลอม ๆ ขึ้นมา แล้วไปแอบติดโปสเตอร์ปลอม ๆ เหล่านี้ตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างเช่นในห้องน้ำชายของสถาบันสอนภาษาบางแห่ง อะไรทำนองนี้

 

ซึ่งถึงแม้เรื่องราวเหล่านี้จะผ่านมานานราว 35 ปีแล้ว เราก็ยังจำได้ดี คือถ้าหากจำไม่ผิด มันจะมีโปสเตอร์อันนึง เป็นโปสเตอร์โปรโมทคอนเสิร์ต “MISS JIT LIVE IN BOMBAY” (จริง ๆ แล้วในโปสเตอร์นั้นจะใช้ชื่อเพื่อนอีกคนนึง ไม่ใช่ชื่อเรา แต่เราไม่อยากระบุชื่อคนอื่นๆ ในโพสท์นี้ 55555)  แล้วในโปสเตอร์นี้จะเป็นรูปวาด MISS JIT ถือไมโครโฟนร้องบนเวทีคอนเสิร์ต โดยมีงูเหลือมพาดคออยู่ แล้วก็มีการเขียนโปรโมทคอนเสิร์ตในทำนองที่ว่า “เธอร้องไปร้องมา แล้วงูเหลือมเลื้อยเข้าปิ๊ แล้วงูก็หายสาบสูญไปเลย” เป็น concert ที่มอบ unforgettable experience ให้แก่ audience หรืออะไรทำนองนี้

 

เพราะฉะนั้นพอเราเห็น “ตำนานที่สร้างขึ้นใหม่” ของคริสติน่า แซ่แต้ เราก็เลยนึกถึงกิจกรรม “การแต่งตำนาน” ของเพื่อน ๆ เราในสมัยมัธยมในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาก ๆ เหมือนการแต่งตำนานขึ้นมาใหม่เหล่านี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขสุด ๆ ในตอนนั้น 55555

 

++++

ชอบบทความนี้ใน HOLLYWOOD REPORTER บทความนี้มีชื่อว่า “Remembering Sarajevo’s War-Time Movie Club Where Tickets Cost a Cigarette (But You Had to Watch Out for Snipers)” หรือ “รำลึกถึงสโมสรภาพยนตร์ในกรุงซาราเจโวช่วงสงคราม ที่ซึ่งตั๋วภาพยนตร์ซื้อได้ด้วยบุหรี่หนึ่งมวน แต่คุณต้องคอยหลบนักซุ่มยิงเมื่อเดินทางมาดูหนังที่นี่”

 

บทความนี้พูดถึงเรื่องราวของต้นกำเนิดของ SARAJEVO FILM FESTIVAL ซึ่งจัดขึ้นปีแรกในปี 1995 แต่ต้นกำเนิดของมันเกิดขึ้นจากงานฉายภาพยนตร์ในชั้นใต้ดินของอาคารแห่งหนึ่งในเดือนก.พ. 1993 ในช่วงสงครามกลางเมืองบอสเนีย ซึ่งเป็นสงครามที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. 1992 และมีคนถูกฆ่าตายในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ราว 100,000 คน

 

ในเดือนก.พ. 1993 นั้น กรุงซาราเจโว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา ถูกกองกำลังชาวเซิร์บปิดล้อมไว้ มีการทิ้งระเบิดใส่เมืองนี้มานาน 10 เดือนแล้ว และก็มีนักแม่นปืนคอยลอบยิงประชาชนในเมืองที่เดินไปเดินมาตามท้องถนน ประชาชนต้องอาศัยน้ำฝนในการทำอาหาร และต้องใช้จักรยานในการปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้งานในบ้านเรือนของตนเอง

 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่รุนแรงสุดขีดในตอนนั้น โรงหนังอะพอลโล ซึ่งตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของสถาบันศิลปะการแสดงซาราเจโว ก็เริ่มเปิดทำการอีกครั้งและเริ่มฉายหนัง โดยคิดค่าตั๋วเป็นบุหรี่หนึ่งมวน งานฉายหนังที่ชั้นใต้ดินนี้มีผู้ชมอย่างแน่นขนัด ถึงแม้ว่าผู้ชมต้องฝ่าดงกระสุนและนักซุ่มยิงขณะเดินทางมายังโรงภาพยนตร์ที่นี่ก็ตาม โดยโรงภาพยนตร์แห่งนี้ใช้เครื่องปั่นไฟในการทำงาน เพราะเมืองนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ และหนังที่ฉายก็มาจากม้วนวิดีโอเทปที่ได้รับบริจาคมาจากคนต่าง ๆ  

 

เอลมา ทาทาราจิค ซึ่งมีอายุ 16 ปีในตอนนั้นเล่าว่า “ฉันยังเป็นเด็ก และก็ต้องการจะใช้ชีวิตอย่างปกติ ต้องการจะหาเรื่องสนุก ๆ ทำ และพอฉันได้ยินเรื่องของ Apollo War Cinema ฉันก็รู้ว่าฉันต้องไปที่นี่ให้ได้ พ่อแม่ของฉันอ้อนวอนไม่ให้ฉันไป พ่อของฉันถึงกับคุกเข่าก้มลงอ้อนวอนฉัน แต่ฉันก็ไม่ฟัง ฉันขี่จักรยานไปที่โรงหนังอะพอลโล ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ฉันต้องขี่จักรยานผ่านดงของนักซุ่มยิง แต่ฉันก็หาได้แคร์ไม่ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ฉันเลือกใส่เสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุด และฉันยังคงจำได้ดีว่าฉันใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่ใหม่ด้วย”

 

“หนังเรื่องแรกที่ฉันได้ดูคือ Bodyguard ที่นำแสดงโดยวิทนีย์ ฮุสตัน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นสัปดาห์ภาพยนตร์ของ  French New Wave ฉันไม่แคร์ว่าจะฉายเรื่องอะไร ฉันแค่ต้องการจะดูหนัง มันคือช่วงเวลาสองชั่วโมงที่ได้หลบลี้หนีหายเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง ได้หนีออกจากสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราในแต่ละวัน”

 

แฟนภาพยนตร์พากันหลั่งไหลมาดูหนังที่นี่ และพอเรื่องราวนี้แพร่ออกไป เทศกาลภาพยนตร์เอดินเบอระและเทศกาลภาพยนตร์โลคาร์โนก็ช่วยส่งหนังมาฉายที่นี่ด้วย โรงหนังใต้ดินแห่งนี้เปิดทำการตั้งแต่เดือนก.พ. 1993 จนถึงเดือนธ.ค. 1995 และก็ได้กลายเป็นเทศกาลภาพยนตร์ซาราเจโวในปี 1995 ในขณะที่สงครามกลางเมืองบอสเนียสิ้นสุดลงในเดือนธ.ค. 1995  

 

เอลมา ทาทาราจิค ได้กลายเป็น head of the festivals competition selection ในเวลาต่อมา

 

เราอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกรุนแรงกับมันมาก ๆ กราบคนจัดฉายหนังใน MOVIE CLUB ท่ามกลางสงครามกลางเมืองในปี 1993-1995 พอเราอ่านบทความนี้แล้วก็นึกถึงประโยคสำคัญในหนังเรื่อง FIELD OF DREAMS (1989, Phil Alden Robinson) ประโยคที่ว่า “IF YOU BUILD IT, HE WILL COME.”

 

ตัวบทความเต็ม ๆ อ่านได้ที่นี่นะ

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/remembering-sarajevo-war-time-movie-clubs-tickets-cigarette-snipers-1235558461/

 

 

No comments: