Sunday, December 29, 2024

RIVULET OF UNIVERSE

 

DISORDER (1986, Olivier Assayas, France, A+30)

 

1. เห็นมันอยู่ใน MUBI LEAVING SOON ก็เลยรีบดู ถือเป็นหนังเรื่องที่ 7 ของ Assayas ที่เราได้ดู ดูแล้วก็ชอบมาก ๆ

 

2.ตกใจกับความหล่อของดาราหนุ่มในหนังเรื่องนี้มาก ๆ ทั้ง Wadeck Stanczak, Simon de la Brosse กับ Philippe Demarle แต่เราไม่คุ้นชื่อของทั้งสามคนนี้เลย

 

พอไปค้นประวัติ เราก็ตกใจสุดขีดที่พบว่า Simon de la Brosse (1965-1998) ฆ่าตัวตายขณะอายุ 33 ปี เพราะว่าเขาเคยถูกทำร้ายทางเพศตอนไปแคมป์ในวัยเด็ก และก็มีผู้ชายอีกสองคนที่ฆ่าตัวตายเพราะสาเหตุเดียวกัน แคมป์เดียวกัน รุนแรงมาก ๆ

 

Simon de la Brosse เคยแสดงใน PAULINE AT THE BEACH (1983, Eric Rohmer, A+30), WAITER! (1983, Claude Sautet, A+30), FAMILY LIFE (1985, Jacques Doillon), LACE II (1985, William Hale, 188min, A+30), AN IMPUDENT GIRL (1985, Claude Miller), THE INNOCENTS (1987, André Téchiné), THE LITTLE THIEF (1988, Claude Miller), TO THE BITTER END (1991, Joaquim Leitão, Portugal), etc. เขาถือเป็นดาราหนุ่มที่หล่อมาก และก็เคยได้แสดงหนังดี ๆ หลาย ๆ เรื่อง ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่ trauma ที่เขาเคยได้รับในวัยเด็กจะยังคงตามทำร้ายเขาและส่งผลให้เขาฆ่าตัวตายในที่สุด

 

เสียดายที่เราอ่านภาษาฝรั่งเศสไม่ออก เหมือนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของเขาสามารถอ่านได้ใน blog นี้

http://lesenfantsdefontdurle.blogspot.com/2009/11/biographie-simon-de-la-brosse.html

 

3. ชอบดนตรีในหนังเรื่องนี้มาก ๆ ด้วย ฟังแล้วนึกถึงวงดนตรีในทศวรรษ 1980 จริง ๆ นึกถึงวงอย่าง Depeche Mode, Deacon Blue, The Cure, Ian McCulloch, etc.

 

รูปของ Wadeck Stanczak

+++++++++

คำถาม FUN FACT: จงบอกความเชื่อมโยงกันระหว่างตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง ALL WE IMAGINE AS LIGHT (2024, Payal Kapadia, India, A+30) กับตัวละครใน “เพลิงพระนาง” (1996, อดุลย์ บุญบุตร Adul Boonboot, A+30)

 

คำตอบ

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

ตัวละครนำตัวหนึ่งใน ALL WE IMAGINE AS LIGHT ต้องย้ายออกจากนครมุมไบ และมาปักหลักตั้งรกรากที่เมือง “รัตนคีรี” ในอินเดียในช่วงท้ายของหนัง ส่วนตัวละครนำบางตัวใน “เพลิงพระนาง” ซึ่งได้แก่เจ้าม่านฟ้า, เจ้านางปิ่นมณี และเจ้านางเรณุมาศนั้น น่าจะดัดแปลงมาจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้แก่ พระเจ้าสีป่อ, พระนางศุภยาลัต และเจ้าหญิงศุภยากเล และทั้งสามคนนี้ก็ถูกอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม บังคับให้อพยพออกจากพม่า และบังคับให้มาอาศัยอยู่ที่เมืองรัตนคีรีของอินเดียในปี 1886 และต้องอาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นเวลานานกว่า 30 ปีจนกระทั่งพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์

 

ก็เลยเป็นเรื่องบังเอิญที่ตลกดี ที่ตัวละครนำบางตัวใน ALL WE IMAGINE AS LIGHT และตัวตนจริงของตัวละครใน “เพลิงพระนาง” ต่างก็จำเป็นต้องย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองรัตนคีรีของอินเดียเหมือนกัน

++++++++

TRIPLE BILL FILM WISH LIST

1.RIVULET OF UNIVERSE (2024, Possathorn Watcharapanit, 89min, A+30)

2. TAKLEE GENESIS (2024, Chookiat Sakveerakul, 146min, A+30)

3. HERE (2024, Robert Zemeckis, A+30)

 

1.รู้สึกว่าหนัง 3 เรื่องนี้เหมาะนำมาปะทะกันมาก ๆ โดยอาจจะฉายควบกันหรือเขียนวิเคราะห์เปรียบเทียบกัน เพราะหนังทั้ง 3 เรื่องนำเสนอ “อดีตหลายยุคหลายสมัยในพื้นที่เดียว” ในหนังทั้ง 3 เรื่อง โดย RIVULET OF UNIVERSE นั้นนำเสนอจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุบลราชธานี และพาดพิงถึงช่วงเวลาหลายยุคหลายสมัย, เหตุการณ์ต่าง ๆ หรือเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนพื้นที่ “อีสานตอนล่าง” นี้

 

ส่วน TAKLEE GENESIS นั้น ก็นำเสนออดีตหลายยุคหลายสมัย, ปัจจุบัน และอนาคตของจังหวัดอุดรธานี หรืออีสานตอนบนเป็นหลัก

 

ทางด้าน HERE ก็นำเสนออดีตหลายยุคหลายสมัย ของพื้นที่เล็ก ๆ พื้นที่เดียวในรัฐเพนซิลเวเนียของสหรัฐ

 

2. เราชอบหนังทั้ง 3 เรื่องนี้อย่างสุด ๆ และชอบมาก ๆ ที่หนังทั้ง 3 เรื่องนี้อาจจะมีจุดที่ตรงกันข้างต้น แต่หนังทั้ง 3 เรื่องนี้ออกมาใน genre ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย RIVULET OF UNIVERSE นั้นเป็นหนังอาร์ตที่ไม่ได้นำเสนอเหตุการณ์ในอดีตโดยตรง แต่มีการพาดพิงถึงอดีตหลายยุคหลายสมัยผ่านทางภาพ, บทสนทนา, etc.

 

ส่วน TAKLEE GENESIS นั้นเป็นหนัง SCI-FI ที่มีการนำเสนอเหตุการณ์ในอดีตและอนาคตโดยตรง ผ่านทางการให้ตัวละครเดินทางข้ามเวลาได้

 

ทางด้าน HERE นั้นเป็นหนังดราม่า ที่นำเสนอเหตุการณ์ในอดีตโดยตรง

 

3. ในส่วนของ RIVULET OF UNIVERSE นั้น หนังดูเหมือนจะมีการพาดพิงถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอีสานตอนล่างอย่างน้อย 7 ยุคสมัยด้วยกัน ซึ่งรวมถึง

 

3.1 ช่วงต้นของหนังมีการนำเสนอโครงกระดูกมนุษย์โบราณในนครราชสีมา ซึ่งเราไม่แน่ใจว่ามันคือโครงกระดูกที่มาจากแหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด ซึ่งมีอายุ 4500 ปีหรือเปล่า

 

3.2 มีการนำเสนอภาพวาดในเพิงผนังผาของวัดเขาจันทน์งาม ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา  ซึ่งน่าจะมีอายุราว 4000 ปี

 

3.3 ปราสาทหินพิมาย อายุราว 1000 ปี

 

3.4  มีการพาดพิงถึงท้าวสุรนารี (ย่าโม) (ค.ศ.1771-1852)

 

3.5 มีการพาดพิงถึงยุคที่มีกองกำลังคอมมิวนิสต์ตามป่าในไทย น่าจะราว ๆ ทศวรรษ 1960-1970

 

3.6 สามีของ “พิม” หายตัวไปท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว ถ้าหากเราจำไม่ผิด ซึ่งน่าจะตรงกับยุคของการสังหารหมู่ที่ราชประสงค์หรือเปล่า

 

3.7 ยุคปัจจุบัน ที่คนรุ่นใหม่ไม่อยากอาศัยอยู่เมืองไทย อยากอพยพย้ายถิ่นไปอยู่ต่างประเทศ

 

4. ส่วนใน TAKLEE GENESIS นั้น ก็มีการนำเสนอยุคสมัยต่าง ๆ กัน อย่างน้อย 6 ยุค ซึ่งรวมถึง

 

4.1 ยุคของอารยธรรมบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี อายุกว่า 5000 ปี

 

4.2 ยุคของสงครามกลางเมืองลาว (1958-1975)

 

4.3 ยุค 6 ต.ค. 1976

 

4.4 ยุคพฤษภาทมิฬ 1992 หรือยุคที่พ่อนางเอกหายตัวไป

 

4.5 ยุคปัจจุบัน

 

4.6 ยุคอนาคต

 

5. ส่วนใน HERE นั้น ก็มีการนำเสนอยุคสมัยที่แตกต่างกันอย่างน้อย 7 ยุค ซึ่งรวมถึง

 

5.1 ยุคไดโนเสาร์

 

5.2 ยุคชนพื้นเมืองอเมริกัน หรือยุคอินเดียนแดง

 

5.3 ยุค Benjamin Franklin (1706-1790)

 

5.4 ยุคเริ่มต้นของเครื่องบิน + ไข้หวัดใหญ่ระบาด 1918-1920

 

5.5 ยุคทศวรรษ 1940 ที่เจ้าของบ้านเป็นนักประดิษฐ์เก้าอี้

 

5.6 ยุคของตัวละครหลัก ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

 

5.7 ยุคโควิดระบาด ที่เจ้าของบ้านเป็นคนดำ

 

6. เราก็เลยชอบมากที่หนังทั้ง 3 เรื่องนี้ออกฉายในปีเดียวกัน และมีอะไรบางอย่างที่เหมาะจะนำมาเปรียบเทียบกันมาก ๆ

 

เนื่องจากเราเคยเขียนถึง TAKLEE GENESIS กับ HERE ไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยถือโอกาสนี้จดบันทีกความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อ RIVULET OF UNIVERSE ไปด้วยเลยแล้วกัน

 

7. เราไม่เคยรู้เรื่องของปาจิตตกุมารชาดกมาก่อน พอเราได้ดูหนังเรื่องนี้ เราก็เลยไปตามอ่านปาจิตตกุมารชาดก และเราก็ชอบมันอย่างสุดขีดมาก ๆ เพราะมันมีทั้ง

 

7.1 ความ homoerotic โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะมันมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่พูดถึง “พระหนุ่มรูปหล่อสององค์ใกล้ชิดกัน” โดยที่ฝ่ายหนึ่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นภรรยาของตนปลอมตัวมา โดยเนื้อหาในตอนนั้นมีอยู่ว่า

 

ในกาลนั้น บรรพชิตทั้งสอง คือ พระโพธิสัตว์และพระสังฆราชาก็มีรูปวรรณสัณฐานอันงามยิ่งนัก เปรียบปานดุจรูปทองคำธรรมชาติ ที่นายช่างหล่อผู้ฉลาดหล่อแล้วและตั้งไว้

 

จำเดิมแต่นั้น บรรพชิตทั้งสองก็มีความรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยกัน แต่พระโพธิสัตว์ภิกษุนั้นพิจารณาดูพระสังฆราชาเห็นรูปทรงสัณฐานคล้ายกับนางอรพิมพ์ภรรยาของตนก็มีความสงสัย แต่มิรู้ที่ว่าจะคิดประการใด เพราะเหตุว่าเมื่อพิจารณาดูไปก็เห็นเป็นชายประจักษ์ชัด”

 

7.2 มีการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย และมีการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง

 

7.3 ตัวนางอรพิมพ์ในชาดก แรงมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆๆๆ และต่อมานางก็ได้กลับชาติมาเกิดเป็นพระนางยโสธราพิมพา

 

7.4 ชอบ “พระเจ้าพรหมทัต” ในชาดกตอนนี้มาก ๆ เพราะพระราชโอรสของพระองค์ถูกปลงพระชนม์ แต่พระองค์กลับไม่เอาเรื่อง โดยเนื้อหาในส่วนนี้มีอยู่ว่า

 

“จึงมีพระราชดำรัสถามว่า พระราชโอรสของเราถูกปลงพระชนม์ชีพด้วยเหตุไร อำมาตย์ที่รู้เหตุผลจึงทูลว่าข้าแต่สมมติเทวราช พระราชโอรสของพระองค์พาสตรีคนหนึ่งมาไว้ ชะรอยสตรีผู้นั้นจะปลงพระชนม์ให้ตักษัย พระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าพรหมทัตได้ทรงฟังประพฤติเหตุดังนั้น ก็ทรงนิ่งอยู่มิได้ตรัสประการใด ด้วยทรงทราบในพระทัยว่า พระราชโอรสของพระองค์มิได้ดำรงอยู่ในสุจริตธรรม ประพฤติแต่ในทางที่ไม่ควรประพฤติ จึงต้องสิ้นชีพตักษัยเป็นธรรมดา”

 

เราก็เลยประทับใจเรื่องราวของ “ปาจิตตกุมารชาดก” อย่างรุนแรงสุดขีดมาก

 

8. ชอบการนำเสนอ “ตัวละคร love triangle” ใน 3 ยุคสมัย ทั้ง

 

8.1 ตัวละครนางอรพิมพ์, เจ้าชายปาจิต, ท้าวพรหมทัต ในตำนานเมืองพิมาย

 

8.2 จิต ที่เป็นคนเขมร, พิม ที่เป็นสาวผัวหาย และเคยย้ายจากอุบลมาอยู่โคราช (ถ้าเราจำไม่ผิด) และทัด ที่เป็นหนุ่มโคราช

 

8.3 จี๊ด, พิม และทัด. ที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งจี๊ดกับพิมนั้นเป็นเลสเบียนที่รักกัน ส่วนทัดนั้นเราไม่แน่ใจว่าแอบชอบพิมอยู่หรือเปล่า

 

9. เรารู้สึกว่าเมืองพิมายนั้นเป็น location ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะว่า

 

9.1 มีทั้งความเป็น “อาณาจักรขอม” และ “ส่วนหนึ่งของประเทศไทย” อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

 

9.2 เคยเป็นสมรภูมิระหว่างลาวกับไทย (หรือเปล่า)

 

9.3 จังหวัดนครราชสีมา เหมือนตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง กรุงเทพ กับอุบลราชธานี จังหวัดนี้ก็เลยเหมือนตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง “อำนาจส่วนกลางของไทย” กับ “สุดขอบภาคอีสาน”

 

10. ชอบการนำเสนอความขัดแย้งระหว่างกรุงเทพ/อำนาจส่วนกลาง กับชนบท ผ่านทางอะไรต่าง ๆ อย่างเช่น

 

10.1 วิธีการปรุงอาหารที่ไม่เหมือนกัน พื้นที่หนึ่งนิยมใส่กะทิในแกง แต่อีกพื้นที่หนึ่งไม่ใส่

 

10.2 การที่ตัวละครอาจจะจำเป็นต้องไปศึกษาต่อในกรุงเทพ

 

10.3 ตัวละครพ่อ, แม่ และสามีของพิม (วัยผู้ใหญ่) ก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบทางการเมืองจากความขัดแย้งกับรัฐบาลไทยเหมือนกัน

 

11. ชอบที่มีคนพายเรือเข้ามาในเฟรมภาพในบางฉากของหนัง 55555

 

12. ฉากที่ชอบที่สุดในหนัง คือฉากที่ตัวละครจิต, พิม, ทัดวัยผู้ใหญ่ ขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยกัน แล้วพอขี่เข้ามาในถนนหนึ่ง เราก็เห็นตัวละครจี๊ด, พิม กับทัด ในวัยรุ่น ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากอีกถนนหนึ่ง เข้ามาในถนนเส้นเดียวกันกับตัวละครวัยผู้ใหญ่

 

รู้สึกว่าฉากนี้มันงดงามและทรงพลังมาก ๆ โดยไม่มีสาเหตุ และทำให้เรารู้สึกราวกับว่า “ถนน” เหล่านี้ มันเหมือนกับเป็นคลองเล็ก ๆ ที่บางทีก็ไหลเข้ามารวมกันในแม่น้ำหรือคลองใหญ่ หรือรู้สึกราวกับว่า ถนนในยุคปัจจุบัน มันก็อาจจะทำหน้าที่คล้ายกับเป็นคลองสำหรับใช้สัญจรทางเรือในอดีต

 

13. RIVULET OF UNIVERSE เป็นหนังเรื่องที่ 4 ของคุณ Possathorn ที่เราได้ดู ส่วนอีก 3 เรื่องที่เหลือก็คือ

 

13.1 SENSORY MEMORY (2020, Possathorn Watcharapanit, 165min, A+30)

เราเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้ที่

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10225180543124027&set=a.10224961569689828

 

13.2 SEAR NELUMBO โชติช่วงร่วงโรยรา (2020, Possathorn Watcharapanit, 13min, A+30)

เราเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้ที่

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10225459501457811&set=a.10224961569689828

 

13.3 SELFIE OF MY RUN TO MY RETURN FROM RUNAWAY (2021, Possathorn Watcharapanit, 6.30min, A+30)

 

ก็เลยสรุปว่าชอบหนังทั้ง 4 เรื่องของคุณ Possathorn อย่างรุนแรงมาก ๆ และคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังไทยที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งในทศวรรษ 2020 นี้สำหรับเรา

No comments: