SUPERMAN OR HOW TO DEAL WITH “GOOD-SIDE CHARACTERS” WHO SEEM
TO BE TOO POWERFUL
1. เราเพิ่งได้ดู SUPERMAN (2025, James
Gunn, A+30) เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งเป็นหนังที่เราชอบมาก ๆ
เรื่องหนึ่ง ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องแล้ว ที่มันบอกว่า Superman พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับฝ่ายผู้ร้าย ซึ่งส่งผลให้ Superman ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เพราะฉากเปิดนี้เป็นการบอกเลยว่า Superman
ในหนังภาคนี้ “เข้าทางเรา” เขาไม่ใช่ตัวละคร “ฝ่ายธรรมะ” ที่
“แข็งแกร่งจนเกินไป” เหมือนที่เราเคยมองเขาในอดีต
เราเองก็เคยได้ดู SUPERMAN แค่ไม่กี่ภาคนะ ถ้าหากจำไม่ผิด เราอาจเคยดูแค่ SUPERMAN (1978,
Richard Donner), SUPERMAN IV: THE QUEST FOR PEACE (1987, Sidney J. Furie),
SUPERMAN RETURNS (2006, Bryan Singer) และ JUSTICE LEAGUE
(2017, Zack Snyder) ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราไม่ได้ตามดูหนังชุด SUPERMAN
เป็นเพราะเราไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครตัวนี้น่ะ เรารู้สึกว่าเขา
“ดีงาม” เกินไป และ “แข็งแกร่ง” เกินไป
ความดีงามเกินไปของเขาไม่เข้ากับคนที่มีจิตใจชั่วร้ายอย่างเรา
และการที่เรารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งเกินไป ทำให้เรามองว่าตัวละครตัวนี้ทำให้หนังมันไม่เข้าทางเรา
เพราะถ้าหากตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก ๆ
เขาก็สามารถกำราบผู้ร้ายได้ง่าย ๆ แล้วหนังมันก็อาจจะขาดความรู้สึกแบบ “ลุ้นระทึก”
หรือความรู้สึกแบบ “หืดขึ้นคอ” สำหรับเราน่ะ
คือเราอาจจะแตกต่างจากคนดูหนังบางคนนะ
เพราะเวลาที่เราดูหนัง action, thriller หลาย ๆ เรื่องของฮอลลีวู้ด
เราจะไม่ลุ้นว่าพระเอกหรือตัวละครเด็ก ๆ จะรอดหรือเปล่า
เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพระเอกและตัวละครเด็ก ๆ มักจะต้องรอดในหนังฮอลลีวู้ดเมนสตรีม
(ที่ไม่ใช่หนัง horror) เราก็เลยชอบไปลุ้นกับ “ตัวประกอบต่าง
ๆ” ในหนัง action, thriller แทน ว่า
“พวกมึงจะรอดชีวิตหรือเปล่า” อย่างเช่นตอนดู MISSION: IMPOSSIBLE – THE
FINAL RECKONING (2025, Christopher McQuarrie, A+30) เราก็ไม่ลุ้นแต่อย่างใดว่า
Tom Cruise จะรอดหรือไม่ เรามุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า
“หญิงเอสกิโม Tapeesa” (Lucy Tulugarjuk) จะรอดชีวิตหรือไม่
หรือใน M3GAN 2.0 (2025, Gerard Johnstone, A+25) เราก็ไม่ลุ้นว่าเด็กหญิง Cady (Violet McGraw) จะรอดหรือไม่
แต่เราลุ้นว่า Tess (Jen Van Epps) ที่เป็น
“ผู้ช่วยในห้องแล็บ” จะรอดหรือไม่ และใน JURASSIC WORLD: REBIRTH (2025,
Gareth Edwards, A+30) เราก็ไม่ลุ้นว่า Scarlett Johansson จะรอดหรือไม่ แต่เราลุ้นว่า Xavier Dobbs (David Iacono) เด็กหนุ่มที่ดูไม่เอาถ่าน จะรอดหรือไม่
คือเราจะรู้สึกลุ้นระทึกกับ “ตัวละครฝ่ายธรรมะ”
ที่ดูไม่ได้เก่งกาจมากนัก ดูมีความอ่อนแอ มีความ vulnerable น่ะ
ตัวละครประกอบที่ดูมีความเป็นไปได้ 50% ที่อาจจะรอดชีวิตหรือตายห่าก่อนหนังจบก็ได้
ซึ่งตัวละคร Superman
ในภาคที่เราได้ดูมาแค่ไม่กี่ภาค ก็ดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกับ
“ตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกลุ้นระทึกไปกับความเป็นความตาย” ของพวกเขา เพราะ Superman
ดูเป็นตัวละครที่เอาชนะได้ยากสุดขีด เราก็เลยไม่ได้ตามดูหนังชุด
Superman ในช่วงที่ผ่านมา เพราะเรามองว่า เราไม่ได้รักตัวละครตัวนี้
และตัวละครตัวนี้คงเอาชนะศัตรูได้ไม่ยาก
แต่พอเราได้ดู SUPERMAN (2025) และ “ฉากเปิดเรื่อง” บอกว่า Superman พ่ายแพ้ในการต่อสู้
เราก็รู้ได้ในทันทีว่า ภาคนี้นี่แหละเข้าทางกูแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ Superman
ในภาคนี้อาจจะยังคงมี “จิตใจดีงามเกินไป” แต่หนังก็ตั้งคำถามทาง moral
และ legal กับ “การกระทำหลาย ๆ อย่างที่ Superman
มองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” และ James Gunn ก็สร้างตัวละคร
Superman ในภาคนี้ให้ดูมีความอ่อนแอ มีความเปราะบาง
ในแบบที่เปิดโอกาสให้เราพอได้รู้สึกลุ้นระทึกไปกับการต่อสู้ของเขาได้ ลุ้นว่า
“มึงจะหาทางเอาชนะได้ยังไง” อะไรทำนองนี้
เราก็เลยรู้สึกว่า James Gunn ทำได้ดีทีเดียว ในการทำให้ตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้ ดูไม่
“แข็งแกร่งจนเกินไป” สำหรับเรา
ทำให้เขาดูเหมือนว่าอาจจะต้องใช้ความพยายามและเผชิญความยากลำบากสูงมากก่อนที่จะเอาชนะผู้ร้ายได้
ดูแล้วก็นึกถึง JUSTICE LEAGUE ด้วย ในแง่ที่ว่า ผู้สร้างหนังเรื่อง JUSTICE LEAGUE คงรู้ว่าตัวละคร Superman นี่สามารถกำราบผู้ร้ายในภาคนั้นได้อย่างง่ายดาย
ผู้สร้างหนังเรื่องนั้นก็เลยต้องทำให้ตัวละคร Superman ตายไปในช่วง
2 องก์แรก ถ้าหากเราจำไม่ผิด เพราะถ้าหาก Superman ฟื้นคืนชีพมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง
หนังเรื่อง JUSTICE LEAGUE ก็คงจบภายในเวลา 15-30 นาทีแรก
55555
พอดู SUPERMAN (2025) เราก็เลยนึกถึง
“ตัวละครฝ่ายธรรมะ” ตัวอื่น ๆ ด้วย ที่เป็นตัวละครที่ “แข็งแกร่งมาก”
จนผู้สร้างหนัง/ละครโทรทัศน์/นิยาย/การ์ตูน ต้องหาวิธีการต่าง ๆ
ในการทำให้ตัวละครตัวนั้น “ไม่สามารถไล่ปราบผู้ร้ายได้อย่างง่ายดาย”
ตั้งแต่ในช่วงต้นเรื่อง ไม่เช่นนั้นเนื้อหาของหนังเรื่องนั้นอาจจะจบลงภายใน 15
นาทีแรก
2. Captain Marvel
นี่ก็คงเป็นตัวละครที่เข้าข่ายนี้เช่นกัน
เธอเป็นตัวละครฝ่ายธรรมะที่แข็งแกร่งมาก ผู้สร้างหนังชุด Marvel ก็เลยเหมือนต้องแต่งเรื่องในทำนองที่ว่า
ตัวละครตัวนี้ไปโลดแล่นอยู่ในส่วนอื่น ๆ ของจักรวาล
เธอก็เลยไม่ได้มาร่วมมือกับตัวละครฝ่ายธรรมะตัวอื่น ๆ ในการต่อสู้กับ Thanos
ใน AVENGERS: INFINITY WAR (2018, Anthony Russo, Joe Russo,
A+30) เพราะถ้าหากเธอโผล่มาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง
หนังภาค INFINITY WAR ก็อาจจะจบลงอย่างรวดเร็ว
3. The Eternals
ตัวละคร Superheroes กลุ่มนี้ก็ดูมีอิทธิฤทธิ์มากเช่นกัน
ผู้สร้างหนังชุด Marvel ก็เลยแต่งเรื่องในทำนองที่ว่า
ตัวละครกลุ่มนี้ไม่เข้าร่วมในการต่อสู้กับ Thanos เพราะตัวละครกลุ่มนี้ได้รับคำสั่งว่า
ให้เข้าร่วมเฉพาะในการต่อสู้กับ Deviants เท่านั้น
4. Dorami
ตัวละครโดเรมี่ เป็นตัวละครที่ดูเก่ง, ฉลาด
และนิสัยดี ผู้สร้างหนังชุด DORAEMON ก็เลยเหมือนไม่ค่อยได้ใช้ตัวละครตัวนี้มาช่วยแก้ปัญหาให้โนบิตะ
(ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด) เพราะถ้าหาก Dorami โผล่มาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง
หนังชุด DORAEMON ภาคนั้นก็อาจจะจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว
5. เตียซำฮง ใน “ดาบมังกรหยก”
เตียซำฮง หรือ จางซันฟง หรือ เตียกุนป้อ
ก็ดูเหมือนจะเป็น “ตัวละครฝ่ายธรรมะ” ที่มีวรยุทธ์สูงลิบลิ่วมาก ๆ
กิมย้งและผู้สร้างละครชุด “ดาบมังกรหยก” ก็เลยต้องหาหนทางต่าง ๆ
ในการไม่แต่งเรื่องหรือไม่เปิดโอกาสให้ตัวละครตัวนี้ออกเดินทางไปปราบเหล่าร้ายทั่วยุทธภพ
หรืออะไรทำนองนี้ เพราะถ้าหากตัวละครตัวนี้ออกเดินทางไปปราบเหล่าร้ายทั่วยุทธภพ
เนื้อหาของ “ดาบมังกรหยก” ก็อาจจะจบลงเร็วเกินไป เราเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ 55555
ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด
หนึ่งในกลวิธีที่กิมย้งใช้ ก็คือการแต่งเรื่องให้เตียซำฮง กักตัวเป็นเวลานาน 18
เดือน เพื่อคิดค้นวิชาไท้เก๊กด้วย การที่ตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้
ต้องกักตัวเป็นเวลานาน ก็น่าจะเป็นหนึ่งในกลวิธีที่ช่วยสกัดกั้นไม่ให้
“ตัวละครฝ่ายธรรมะ ที่มีอานุภาพมากเกินไป” สามารถเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ
ในนิยาย/ละครโทรทัศน์ได้อย่างรวดเร็ว
6. Alice (Milla Jovovich) ในหนังชุด RESIDENT EVIL
ใน RESIDENT EVIL: EXTINCTION (2007,
Russell Mulcahy, A+30) หรือ RESIDENT EVIL ภาคสาม
ตัวละคร Alice มีอิทธิฤทธิ์สูงสุดขีดมาก ๆ
เธอมีพลังจิตอะไรต่าง ๆ มากมาย เธอกลายเป็น superhuman
แต่ใน RESIDENT EVIL: AFTERLIFE (2010,
Paul W.S. Anderson) หรือ RESIDENT EVIL ภาคสี่
ตัวละคร Alice ถูกฉีดยาใส่ตั้งแต่ต้นเรื่อง
ซึ่งส่งผลให้เธอสูญเสียพลังจิต และสูญเสียความเป็น superhuman ไป
เราก็เลยเดาว่า ผู้สร้างหนังชุด RESIDENT
EVIL คงมองว่า ถ้าหากปล่อยให้ Alice มีพลังจิตสูงสุดขีดแบบใน
RESIDEN EVIL ภาคสามต่อไป แล้วหนังภาคต่อ ๆ ไปมันจะ
“ลุ้นระทึก” ได้ยังไง 55555 ผู้สร้างหนังชุดนี้ก็เลยต้องหาทางทำให้ตัวละคร Alice
กลับมาเป็น “ตัวละครฝ่ายธรรมะ ที่ไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป” อีกครั้ง
เพราะไม่เช่นนั้นหนังชุดนี้คงจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว
7. Jean Grey
นี่ก็เป็นตัวละครที่มีอิทธิฤทธิ์สูงมาก ๆ
หนังก็เลยต้องหาทางทำให้ตัวละครนี้เดี๋ยวอยู่ฝ่ายธรรมะ เดี๋ยวอยู่ฝ่ายอธรรม 55555
เพราะถ้าหากตัวละครตัวนี้ “นิสัยดีแบบ Superman” ฝ่ายธรรมะก็คงหาทางเอาชนะฝ่ายอธรรมได้อย่างง่ายดายจนเกินไป
Jean Grey ก็เลยต้องไปอยู่กับฝ่ายอธรรมบ้างเป็นครั้งคราว
อย่างเช่นใน X-MEN: THE LAST STAND (2006, Brett Ratner) และใน
X-MEN: DARK PHOENIX (2019, Simon Kinberg, A+30)
8. Sailor Saturn
Sailor Saturn ถือเป็น ONE OF MY MOST
FAVORITE CHARACTERS OF ALL TIME เธอมี
“พลังในการทำลายล้างดาวเคราะห์ทั้งดวง” ได้ แต่ถ้าหากเธอใช้พลังดังกล่าว
เธอก็จำเป็นจะต้องพลีชีพตนเองด้วย
ผู้สร้างการ์ตูน/anime series ชุด SAILOR MOON ก็เลยเหมือนต้องแต่งเรื่องให้ตัวละครตัวนี้มี
“ฝ่ายอธรรม” ที่ชื่อว่า Mistress 9 แฝงอยู่ในตัวด้วย ทำให้ตัวละครตัวนี้เหมือนมีทั้งด้านดีและด้านชั่วในตัวคนคนเดียวกัน
เพราะถ้าหากตัวละครนี้อยู่ฝ่ายธรรมะอย่างเต็มตัว
ฝ่ายธรรมะก็จะดูมีอานุภาพสูงล้นจนเกินไป ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด
เพื่อน ๆ นึกถึงตัวละครตัวไหนอีกบ้าง
“ตัวละครฝ่ายธรรมะที่ดูเหมือนมีอิทธิฤทธิ์สูงเกินไป”
จนผู้สร้างการ์ตูน/หนัง/ละครโทรทัศน์ ต้องหากลวิธีต่าง ๆ
ในการสกัดกั้นไม่ให้ตัวละครดังกล่าวออกปราบปรามเหล่าร้ายได้ง่าย ๆ
++++++
Favorite Quote from a friend for the character Cat Grant
(Mikaela Hoover) in SUPERMAN (2025, James Gunn, A+30)
ชอบตัวละครตัวนี้มาก ๆ ใน SUPERMAN แล้วก็ชอบความเห็นของเพื่อนคนนึงที่มีต่อตัวละครตัวนี้ด้วย
“ไม่รู้เธอมีหน้าที่อะไรในหนังเรื่องนี้”
“จริงๆคือไม่รู้อาชีพอะไรในบริษัทนั้น”
“เด้งผมเด้งนมไปวันๆบ้ามาก”
“มาในคอนเสบ เนิรดๆแต่รั้นนิดๆ ?”
+++++++
ได้ไปดูนิทรรศการ REMNANTS OF FADING
SHADOWS ของคุณ Wantanee Siripattananuntakul มาในวันที่
16 ก.ค. ประทับใจมาก ๆ แต่ปรากฏว่าเรากะเวลาผิด เพราะว่าในนิทรรศการนี้มีงาน video
installations ราว 8 ชิ้น ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาดูรวมกันราว 90 กว่านาที
แต่เราไปถึงนิทรรศการช่วงหลัง 4 โมงเย็นไปแล้ว ก็เลยยังดูไม่หมด ทันดูงาน video
ไปแค่ 7 ชิ้น เดี๋ยวกะว่าวันหลังจะต้องไปดูต่อให้ครบ (เรายังไม่ได้ดู
THE WEB OF TIME ที่ยาว 27 นาที)
No comments:
Post a Comment