Thursday, July 17, 2025

SUPERMAN OR HOW TO DEAL WITH “GOOD-SIDE CHARACTERS” WHO SEEM TO BE TOO POWERFUL

 

SUPERMAN OR HOW TO DEAL WITH “GOOD-SIDE CHARACTERS” WHO SEEM TO BE TOO POWERFUL

 

1. เราเพิ่งได้ดู SUPERMAN (2025, James Gunn, A+30) เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งเป็นหนังที่เราชอบมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องแล้ว ที่มันบอกว่า Superman พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับฝ่ายผู้ร้าย ซึ่งส่งผลให้ Superman ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เพราะฉากเปิดนี้เป็นการบอกเลยว่า Superman ในหนังภาคนี้ “เข้าทางเรา” เขาไม่ใช่ตัวละคร “ฝ่ายธรรมะ” ที่ “แข็งแกร่งจนเกินไป” เหมือนที่เราเคยมองเขาในอดีต

 

เราเองก็เคยได้ดู SUPERMAN แค่ไม่กี่ภาคนะ ถ้าหากจำไม่ผิด เราอาจเคยดูแค่ SUPERMAN (1978, Richard Donner), SUPERMAN IV: THE QUEST FOR PEACE (1987, Sidney J. Furie), SUPERMAN RETURNS (2006, Bryan Singer) และ JUSTICE LEAGUE (2017, Zack Snyder) ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราไม่ได้ตามดูหนังชุด SUPERMAN เป็นเพราะเราไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครตัวนี้น่ะ เรารู้สึกว่าเขา “ดีงาม” เกินไป และ “แข็งแกร่ง” เกินไป ความดีงามเกินไปของเขาไม่เข้ากับคนที่มีจิตใจชั่วร้ายอย่างเรา และการที่เรารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งเกินไป ทำให้เรามองว่าตัวละครตัวนี้ทำให้หนังมันไม่เข้าทางเรา เพราะถ้าหากตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก ๆ เขาก็สามารถกำราบผู้ร้ายได้ง่าย ๆ แล้วหนังมันก็อาจจะขาดความรู้สึกแบบ “ลุ้นระทึก” หรือความรู้สึกแบบ “หืดขึ้นคอ” สำหรับเราน่ะ

 

คือเราอาจจะแตกต่างจากคนดูหนังบางคนนะ เพราะเวลาที่เราดูหนัง action, thriller หลาย ๆ เรื่องของฮอลลีวู้ด เราจะไม่ลุ้นว่าพระเอกหรือตัวละครเด็ก ๆ จะรอดหรือเปล่า เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพระเอกและตัวละครเด็ก ๆ มักจะต้องรอดในหนังฮอลลีวู้ดเมนสตรีม (ที่ไม่ใช่หนัง horror) เราก็เลยชอบไปลุ้นกับ “ตัวประกอบต่าง ๆ” ในหนัง action, thriller แทน ว่า “พวกมึงจะรอดชีวิตหรือเปล่า” อย่างเช่นตอนดู MISSION: IMPOSSIBLE – THE FINAL RECKONING (2025, Christopher McQuarrie, A+30) เราก็ไม่ลุ้นแต่อย่างใดว่า Tom Cruise จะรอดหรือไม่ เรามุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า “หญิงเอสกิโม Tapeesa” (Lucy Tulugarjuk) จะรอดชีวิตหรือไม่ หรือใน M3GAN 2.0 (2025, Gerard Johnstone, A+25) เราก็ไม่ลุ้นว่าเด็กหญิง Cady (Violet McGraw) จะรอดหรือไม่ แต่เราลุ้นว่า Tess (Jen Van Epps) ที่เป็น “ผู้ช่วยในห้องแล็บ” จะรอดหรือไม่ และใน JURASSIC WORLD: REBIRTH (2025, Gareth Edwards, A+30) เราก็ไม่ลุ้นว่า Scarlett Johansson จะรอดหรือไม่ แต่เราลุ้นว่า Xavier Dobbs (David Iacono) เด็กหนุ่มที่ดูไม่เอาถ่าน จะรอดหรือไม่

 

คือเราจะรู้สึกลุ้นระทึกกับ “ตัวละครฝ่ายธรรมะ” ที่ดูไม่ได้เก่งกาจมากนัก ดูมีความอ่อนแอ มีความ vulnerable น่ะ ตัวละครประกอบที่ดูมีความเป็นไปได้ 50% ที่อาจจะรอดชีวิตหรือตายห่าก่อนหนังจบก็ได้

 

ซึ่งตัวละคร Superman ในภาคที่เราได้ดูมาแค่ไม่กี่ภาค ก็ดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกับ “ตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกลุ้นระทึกไปกับความเป็นความตาย” ของพวกเขา เพราะ Superman ดูเป็นตัวละครที่เอาชนะได้ยากสุดขีด เราก็เลยไม่ได้ตามดูหนังชุด Superman ในช่วงที่ผ่านมา เพราะเรามองว่า เราไม่ได้รักตัวละครตัวนี้ และตัวละครตัวนี้คงเอาชนะศัตรูได้ไม่ยาก

 

แต่พอเราได้ดู SUPERMAN (2025) และ “ฉากเปิดเรื่อง” บอกว่า Superman พ่ายแพ้ในการต่อสู้ เราก็รู้ได้ในทันทีว่า ภาคนี้นี่แหละเข้าทางกูแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ Superman ในภาคนี้อาจจะยังคงมี “จิตใจดีงามเกินไป” แต่หนังก็ตั้งคำถามทาง moral และ legal กับ “การกระทำหลาย ๆ อย่างที่ Superman มองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” และ James Gunn ก็สร้างตัวละคร Superman ในภาคนี้ให้ดูมีความอ่อนแอ มีความเปราะบาง ในแบบที่เปิดโอกาสให้เราพอได้รู้สึกลุ้นระทึกไปกับการต่อสู้ของเขาได้ ลุ้นว่า “มึงจะหาทางเอาชนะได้ยังไง” อะไรทำนองนี้

 

เราก็เลยรู้สึกว่า James Gunn ทำได้ดีทีเดียว ในการทำให้ตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้ ดูไม่ “แข็งแกร่งจนเกินไป” สำหรับเรา ทำให้เขาดูเหมือนว่าอาจจะต้องใช้ความพยายามและเผชิญความยากลำบากสูงมากก่อนที่จะเอาชนะผู้ร้ายได้

 

ดูแล้วก็นึกถึง JUSTICE LEAGUE ด้วย ในแง่ที่ว่า ผู้สร้างหนังเรื่อง JUSTICE LEAGUE คงรู้ว่าตัวละคร Superman นี่สามารถกำราบผู้ร้ายในภาคนั้นได้อย่างง่ายดาย ผู้สร้างหนังเรื่องนั้นก็เลยต้องทำให้ตัวละคร Superman ตายไปในช่วง 2 องก์แรก ถ้าหากเราจำไม่ผิด เพราะถ้าหาก Superman ฟื้นคืนชีพมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง หนังเรื่อง JUSTICE LEAGUE ก็คงจบภายในเวลา 15-30 นาทีแรก 55555

 

พอดู SUPERMAN (2025) เราก็เลยนึกถึง “ตัวละครฝ่ายธรรมะ” ตัวอื่น ๆ ด้วย ที่เป็นตัวละครที่ “แข็งแกร่งมาก” จนผู้สร้างหนัง/ละครโทรทัศน์/นิยาย/การ์ตูน ต้องหาวิธีการต่าง ๆ ในการทำให้ตัวละครตัวนั้น “ไม่สามารถไล่ปราบผู้ร้ายได้อย่างง่ายดาย” ตั้งแต่ในช่วงต้นเรื่อง ไม่เช่นนั้นเนื้อหาของหนังเรื่องนั้นอาจจะจบลงภายใน 15 นาทีแรก

 

2. Captain Marvel

 

นี่ก็คงเป็นตัวละครที่เข้าข่ายนี้เช่นกัน เธอเป็นตัวละครฝ่ายธรรมะที่แข็งแกร่งมาก ผู้สร้างหนังชุด Marvel ก็เลยเหมือนต้องแต่งเรื่องในทำนองที่ว่า ตัวละครตัวนี้ไปโลดแล่นอยู่ในส่วนอื่น ๆ ของจักรวาล เธอก็เลยไม่ได้มาร่วมมือกับตัวละครฝ่ายธรรมะตัวอื่น ๆ ในการต่อสู้กับ Thanos ใน AVENGERS: INFINITY WAR (2018, Anthony Russo, Joe Russo, A+30)  เพราะถ้าหากเธอโผล่มาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง หนังภาค INFINITY WAR ก็อาจจะจบลงอย่างรวดเร็ว

 

3. The Eternals

 

ตัวละคร Superheroes กลุ่มนี้ก็ดูมีอิทธิฤทธิ์มากเช่นกัน ผู้สร้างหนังชุด Marvel ก็เลยแต่งเรื่องในทำนองที่ว่า ตัวละครกลุ่มนี้ไม่เข้าร่วมในการต่อสู้กับ Thanos เพราะตัวละครกลุ่มนี้ได้รับคำสั่งว่า ให้เข้าร่วมเฉพาะในการต่อสู้กับ Deviants เท่านั้น

 

4. Dorami

 

ตัวละครโดเรมี่ เป็นตัวละครที่ดูเก่ง, ฉลาด และนิสัยดี ผู้สร้างหนังชุด DORAEMON ก็เลยเหมือนไม่ค่อยได้ใช้ตัวละครตัวนี้มาช่วยแก้ปัญหาให้โนบิตะ (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด) เพราะถ้าหาก Dorami โผล่มาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง หนังชุด DORAEMON ภาคนั้นก็อาจจะจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว

 

5. เตียซำฮง ใน “ดาบมังกรหยก”

 

เตียซำฮง หรือ จางซันฟง หรือ เตียกุนป้อ ก็ดูเหมือนจะเป็น “ตัวละครฝ่ายธรรมะ” ที่มีวรยุทธ์สูงลิบลิ่วมาก ๆ กิมย้งและผู้สร้างละครชุด “ดาบมังกรหยก” ก็เลยต้องหาหนทางต่าง ๆ ในการไม่แต่งเรื่องหรือไม่เปิดโอกาสให้ตัวละครตัวนี้ออกเดินทางไปปราบเหล่าร้ายทั่วยุทธภพ หรืออะไรทำนองนี้ เพราะถ้าหากตัวละครตัวนี้ออกเดินทางไปปราบเหล่าร้ายทั่วยุทธภพ เนื้อหาของ “ดาบมังกรหยก” ก็อาจจะจบลงเร็วเกินไป เราเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ 55555

 

ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด หนึ่งในกลวิธีที่กิมย้งใช้ ก็คือการแต่งเรื่องให้เตียซำฮง กักตัวเป็นเวลานาน 18 เดือน เพื่อคิดค้นวิชาไท้เก๊กด้วย การที่ตัวละครฝ่ายธรรมะตัวนี้ ต้องกักตัวเป็นเวลานาน ก็น่าจะเป็นหนึ่งในกลวิธีที่ช่วยสกัดกั้นไม่ให้ “ตัวละครฝ่ายธรรมะ ที่มีอานุภาพมากเกินไป” สามารถเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ในนิยาย/ละครโทรทัศน์ได้อย่างรวดเร็ว

 

6. Alice (Milla Jovovich) ในหนังชุด RESIDENT EVIL

 

ใน RESIDENT EVIL: EXTINCTION (2007, Russell Mulcahy, A+30) หรือ RESIDENT EVIL ภาคสาม ตัวละคร Alice มีอิทธิฤทธิ์สูงสุดขีดมาก ๆ เธอมีพลังจิตอะไรต่าง ๆ มากมาย เธอกลายเป็น superhuman

 

แต่ใน RESIDENT EVIL: AFTERLIFE (2010, Paul W.S. Anderson) หรือ RESIDENT EVIL ภาคสี่ ตัวละคร Alice ถูกฉีดยาใส่ตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งส่งผลให้เธอสูญเสียพลังจิต และสูญเสียความเป็น superhuman ไป

 

เราก็เลยเดาว่า ผู้สร้างหนังชุด RESIDENT EVIL คงมองว่า ถ้าหากปล่อยให้ Alice มีพลังจิตสูงสุดขีดแบบใน RESIDEN EVIL ภาคสามต่อไป แล้วหนังภาคต่อ ๆ ไปมันจะ “ลุ้นระทึก” ได้ยังไง 55555 ผู้สร้างหนังชุดนี้ก็เลยต้องหาทางทำให้ตัวละคร Alice กลับมาเป็น “ตัวละครฝ่ายธรรมะ ที่ไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป” อีกครั้ง เพราะไม่เช่นนั้นหนังชุดนี้คงจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว

 

7. Jean Grey

 

นี่ก็เป็นตัวละครที่มีอิทธิฤทธิ์สูงมาก ๆ หนังก็เลยต้องหาทางทำให้ตัวละครนี้เดี๋ยวอยู่ฝ่ายธรรมะ เดี๋ยวอยู่ฝ่ายอธรรม 55555 เพราะถ้าหากตัวละครตัวนี้ “นิสัยดีแบบ Superman” ฝ่ายธรรมะก็คงหาทางเอาชนะฝ่ายอธรรมได้อย่างง่ายดายจนเกินไป

 

Jean Grey ก็เลยต้องไปอยู่กับฝ่ายอธรรมบ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่นใน X-MEN: THE LAST STAND (2006, Brett Ratner) และใน X-MEN: DARK PHOENIX (2019, Simon Kinberg, A+30)

 

8. Sailor Saturn

 

Sailor Saturn ถือเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE CHARACTERS OF ALL TIME เธอมี “พลังในการทำลายล้างดาวเคราะห์ทั้งดวง” ได้ แต่ถ้าหากเธอใช้พลังดังกล่าว เธอก็จำเป็นจะต้องพลีชีพตนเองด้วย

 

ผู้สร้างการ์ตูน/anime series ชุด SAILOR MOON ก็เลยเหมือนต้องแต่งเรื่องให้ตัวละครตัวนี้มี “ฝ่ายอธรรม” ที่ชื่อว่า Mistress 9 แฝงอยู่ในตัวด้วย ทำให้ตัวละครตัวนี้เหมือนมีทั้งด้านดีและด้านชั่วในตัวคนคนเดียวกัน เพราะถ้าหากตัวละครนี้อยู่ฝ่ายธรรมะอย่างเต็มตัว ฝ่ายธรรมะก็จะดูมีอานุภาพสูงล้นจนเกินไป ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด

 

เพื่อน ๆ นึกถึงตัวละครตัวไหนอีกบ้าง “ตัวละครฝ่ายธรรมะที่ดูเหมือนมีอิทธิฤทธิ์สูงเกินไป” จนผู้สร้างการ์ตูน/หนัง/ละครโทรทัศน์ ต้องหากลวิธีต่าง ๆ ในการสกัดกั้นไม่ให้ตัวละครดังกล่าวออกปราบปรามเหล่าร้ายได้ง่าย ๆ

++++++

 

Favorite Quote from a friend for the character Cat Grant (Mikaela Hoover) in SUPERMAN (2025, James Gunn, A+30)

 

ชอบตัวละครตัวนี้มาก ๆ ใน SUPERMAN แล้วก็ชอบความเห็นของเพื่อนคนนึงที่มีต่อตัวละครตัวนี้ด้วย

 

“ไม่รู้​เธอมีหน้าที่อะไรในหนังเรื่องนี้”

 

“จริงๆคือไม่รู้​อาชีพอะไรในบริษัท​นั้น”

 

“เด้งผมเด้งนมไปวันๆบ้ามาก”

 

“มาในคอนเสบ เนิรดๆแต่รั้นนิดๆ ?

+++++++

 

ได้ไปดูนิทรรศการ REMNANTS OF FADING SHADOWS ของคุณ Wantanee Siripattananuntakul มาในวันที่ 16 ก.ค. ประทับใจมาก ๆ แต่ปรากฏว่าเรากะเวลาผิด เพราะว่าในนิทรรศการนี้มีงาน video installations ราว 8 ชิ้น ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาดูรวมกันราว 90 กว่านาที แต่เราไปถึงนิทรรศการช่วงหลัง 4 โมงเย็นไปแล้ว ก็เลยยังดูไม่หมด ทันดูงาน video ไปแค่ 7 ชิ้น เดี๋ยวกะว่าวันหลังจะต้องไปดูต่อให้ครบ (เรายังไม่ได้ดู THE WEB OF TIME ที่ยาว 27 นาที)

No comments: