Sunday, July 31, 2005

PLAYGIRL (MICHAEL SHAOWANASAI, A+)

STEVEN GERRARD

http://www.robbiekeanecentral.com/gerrard/images/040401airport.jpg

http://www.robbiekeanecentral.com/gerrard/images/uefacup.jpg

http://www.bbc.co.uk/liverpool/content/images/2005/01/05/ecard_lfc_gerrard_main_240x350.jpg

http://www.robbiekeanecentral.com/gerrard/images/englandtraining.jpg


FRANK LAMPARD

http://web5.vs248007.vserver.de/lamp/lamp-40515.jpg

http://www.chelseathailand.com/images/lampard.jpg

http://www.englandfc.com/Profiles/images/ProfileImages/FrankLampard180x180.jpg


ALAN SMITH

http://gfx.dagbladet.no/sport/2004/05/21/smith02.jpg

http://www.malestarfeet.com/fmales/alan/alan-4-02-08f.jpg


ROBIN VANPERSIE

http://members.lycos.nl/vanpersie22/VanPersie11.jpg

http://gfx.dagbladet.no/sport/2004/08/06/vanpersie.jpg

http://members.lycos.nl/vanpersie22/RobinenSaid.jpg


FREDRIK LJUNGBERG

http://www.southcn.com/sports/gossip/sexyman/ljungberg/200401020526_531753.jpg


JOSE MOURINHO

http://monkeytamer.blogsome.com/uploads/monkeytamer/mourinho_cover.jpg

http://www.givemefootball.com/images/mourinho_jose_bi.jpg

รูปของนักแสดงในวัยอลวน 4

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3637024/A3637024-2.jpg

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3637024/A3637024-1.jpg

เพื่อนคนนึงที่เรียนด้านรัฐศาสตร์ เล่าว่ามีอาจารย์คนนึงตอนเข้ามาสอนในชั่วโมงแรก เขาเขียนคำคำนึงบนกระดาน ดิฉันจำไม่ได้แล้วว่าเป็นคำว่าอะไร แล้วเขาก็บอกว่าถ้าหากนักเรียนคนไหนตอบถูกว่าคำที่เขาเขียนผิดตรงไหน นักเรียนคนนั้นจะได้เกรด A ไปเลยโดยไม่ต้องเรียนไม่ต้องสอบในวิชานี้ นักเรียนก็ไม่ตอบกัน เพราะคำคำนั้นก็ไม่ได้สะกดผิดตรงไหน แต่มีนิสิตชายคนหนึ่งกล้าตอบไปตามความจริงว่า คำคำนั้นเขียนผิดเพียงเพราะตัวอักษร i หรือ j (ดิฉันจำไม่ได้แล้ว) ที่อาจารย์เขียนบนกระดาน ไม่มี “จุด” อยู่ข้างบน ปรากฏว่านิสิตชายคนนั้นก็เลยได้เกรด A ไปเลย อย่างไรก็ดี ถึงแม้นิสิตชายคนนั้นจะได้เกรด A ไปแล้ว เขาก็ยังคงมาเข้าห้องเรียนในเวลาต่อมาอยู่ดี

เพื่อนดิฉันเล่าอีกด้วยว่าอาจารย์ชายคนนั้นเคยมีเรื่องด่าทอกับอาจารย์หญิงคนหนึ่งในคณะ ด่าทอกันอย่างรุนแรงมากจนอาจารย์หญิงคนนั้นปัสสาวะราดออกมากลางห้องพักอาจารย์ (ดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ก็ถือเป็นเรื่องเล่าที่ประทับใจมากเรื่องนึง)

หนังที่ได้ดูเมื่อวานนี้

1.PLAYGIRL (2005, MICHAEL SHAOWANASAI, A+)
วิดีโอสั้นเรื่องนี้ฉายที่ PLAYGROUND ซอยทองหล่อ
2.EARTHCORE (A+)
3.LIFE SHOW (2005, THUNSKA PANSITTIVORAKUL, A+)
4.ONE DAY… (2001, MICHEL GONDRY, A)
http://www.imdb.com/title/tt0393556/

ทั้ง PLAYGIRL, EARTHCORE และ LIFE SHOW มีแง่มุมเกี่ยวกับเกย์ค่ะ

ได้ดู THE LONGEST YARD (B) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคุกชายแล้ว ก็เลยนึกถึงหนังเกี่ยวกับคุกชายอีกหลายเรื่องที่ได้ดูค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะพูดถึงความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชายกับชายด้วยกันในคุก

หนังกลุ่มนี้รวมถึง

1.KISS OF THE SPIDER WOMAN (1985, HECTOR BABENCO, A+)

2.THE SHAWSHANK REDEMPTION (1994, FRANK DARABONT, A+)

3.MIDNIGHT EXPRESS (1978, ALAN PARKER, A+/A)

4.DEATH WARRANT (1990, DERAN SARAFIAN, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0099385/

JEAN-CLAUDE VAN DAMME ในเรื่องนี้หล่อเซ็กซี่ถูกใจดิฉันมากๆๆๆเลยค่ะ

5.AN INNOCENT MAN (1989, PETER YATES, A-/B+)
http://www.imdb.com/title/tt0097579/

6. นช.นักโทษชาย (B+)

7.CARANDIRU (2003, HECTOR BABENCO, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0293007/

ส่วนหนังเกี่ยวกับคุกชายที่อยากดู ก็รวมถึงหนังอิตาลีเรื่อง WHY? เพราะรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีฉากข่มขืนระหว่างชายกับชาย


WHY? (DETENUTO IN ATTESA DI GUIDIZIO) (1971, NANNI LOY)

หนังเรื่องนี้ตั้งใจจะประณามระบบยุติธรรมในอิตาลีที่ไร้มนุษยธรรมและเต็มไปด้วยความฉ้อฉลจนไม่อาจจะแก้ไขได้ โดยในเรื่องนี้ ALBERTO SORDI ดาวตลกชื่อดังชาวอิตาลีรับบทเป็น Guiseppe Di Noi วิศวกรที่ไปทำงานต่างประเทศ เขากลับมาเยี่ยมอิตาลีในช่วงวันหยุดพร้อมกับพาภรรยาชาวสวีเดนกับลูกๆมาด้วย แต่อยู่ดีๆเขาก็ถูกจับกุมโดยไม่มีเหตุผล

จูเซปเปถูกส่งตัวจากคุกหนึ่งไปสู่อีกคุกหนึ่งและเผชิญกับกระบวนการยุติธรรมที่แปลกประหลาด เขากังวลกับปัญหามากจนกระทั่งเขาถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลสำหรับอาชญากรโรคจิตก่อนที่เขาจะได้ขึ้นศาล

หนังเรื่องนี้มีลักษณะเหมือนหนังตลกของฮอลลีวู้ด และการแสดงของ SORDI ในเรื่องนี้ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีโทนอารมณ์แตกต่างไปจากหนังเรื่อง THE TRIAL ที่สร้างจากบทประพันธ์ของฟรานซ์ คาฟกา ซึ่งพูดถึงผู้ชายที่ถูกจับกุมโดยไม่มีสาเหตุเหมือนกัน

จุดที่เด่นมากๆในเรื่องนี้คือฉากข่มขืนแบบโฮโมเซ็กชวล, บทของผู้ว่าการเรือนจำ, การนำเสนอความน่าเบื่อหน่ายและความรู้สึกไม่สบายขณะนั่งรถไฟเป็นเวลานาน และความรู้สึกอับอายขณะถ่ายอุจจาระต่อหน้าสายตาของคนอื่นๆ

ข้อมูลของ NANNI LOY ผู้กำกับหนังเรื่องนี้
http://www.imdb.com/name/nm0523439/
http://railibro.lacab.it/emma/zoom.phtml?ns=1737

WHY?
http://www.imdb.com/title/tt0066988/
http://www.bloopers.it/images/locandine/bloopers3675.jpg

ถ้าหากพูดถึงหนังเกี่ยวกับความฉ้อฉลในอิตาลีในยุคเดียวกับ WHY? (1971) แล้ว ดิฉันจะนึกถึงหนังอีกเรื่องนึงด้วยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง INVESTIGATION OF A CITIZEN ABOVE SUSPICION (1969, ELIO PETRI, A/A-) ที่เพิ่งมาฉายที่ธรรมศาสตร์ และนำแสดงโดย GIAN MARIA VOLONTE ดาราหนุ่มชาวอิตาลีที่ดิฉันชอบมากๆ

ตัวละครเอกของ INVESTIGATION OF A CITIZEN ABOVE SUSPICION
คือตำรวจยศสูงที่ไม่มีการระบุชื่อในเรื่อง ตำรวจคนนี้เป็นโรคจิตและเป็นตัวละครประเภทแอนตี้ฮีโร่ เขาเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดแบบฟาสต์ซิสต์ โดยเขา, ผู้ช่วย และสายข่าวของเขาเน้นการปราบปรามผู้นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์แนวเหมาเจ๋อตุง, เกย์ และนักศึกษาหัวรุนแรง

Investigation of a Citizen Above Suspicion เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอิตาลี และเป็นต้นกำเนิดของกระแสภาพยนตร์การเมืองในอิตาลีในทศวรรษ 1970

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ INVESTIGATION OF A CITIZEN ABOVE SUSPICION ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1471

เว็บไซท์ของ GIAN MARIA VOLONTE
http://thanitart.com/gianmaria/

รูปของ GIAN MARIA VOLONTE จากหนังเรื่อง FOR A FEW DOLLARS MORE (1965, SERGIO LEONE)
http://www.americanphoto.co.jp/pages/eiga/YU/Previews/Plans-34281.jpg


นอกจาก WHY? แล้ว หนังเกี่ยวกับคุกชายที่อยากดูมากๆยังรวมถึง

1.DOING TIME, DOING VIPASSANA (1997, EILONA ARIEL + AYELET MENAHEMI)
http://www.brightlightsfilm.com/44/caps.htm

หนังสารคดีเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการสอน “วิปัสสนา” ให้กับนักโทษในคุกส่งผลดีแก่นักโทษเป็นอย่างมาก


2.TURNED OUT: SEXUAL ASSAULT BEHIND BARS (2004, JONATHAN SCHWARTZ)
http://www.brightlightsfilm.com/47/stabs.htm

หนังสารคดีเรื่องนี้สำรวจพฤติกรรมการข่มขืนในกลุ่มนักโทษชาย

3.DOING TIME (2002, YOICHI SAI) หนังญี่ปุ่นที่นำเสนอชีวิตประจำวันของนักโทษ
http://www.imdb.com/title/tt0340195/

YOICHI SAI กำกับหนังเรื่อง BLOOD AND BONES (2004, A/A-) ที่เพิ่งเข้ามาฉายที่ HOUSE RCA
http://www.imdb.com/name/nm0756406/


4.RIKERS HIGH (2005, VICTOR BUHLER)
http://www.tribecafilmfestival.org/tixSYS/filmguide/images/filmstills/1322.jpg
http://www.imdb.com/title/tt0437454/

หนังสารคดีเรื่องนี้พูดถึงชีวิตเด็กหนุ่มในสถานดัดสันดานแห่งหนึ่งในสหรัฐ


นอกจาก THE TRIAL ของคาฟกา และ WHY? แล้ว หนังที่พูดถึงกระบวนการยุติธรรมที่ยอกย้อนสับสนอีกเรื่องหนึ่งก็คือหนังสารคดีเรื่องTHE JAUNDICED EYE (1999, NONNY DE LA PENA) ที่เล่าเรื่องจริงของพ่อกับปู่ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกอย่างผิดๆในข้อหาลวนลามลูกชายของตัวเอง
http://www.imdb.com/title/tt0218359/

STEPHEN MATTHEWS เคยแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งและมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน แต่เมื่อเขาค้นพบว่าที่จริงแล้วตัวเองเป็นเกย์ เขาก็เลยแยกทางจากภรรยา อย่างไรก็ดี ต่อมาภรรยาเก่าของเขากับแฟนหนุ่มคนใหม่ของเธอก็ยุยงให้ลูกชายวัย 5 ขวบของสตีเฟนฟ้องร้องศาลว่าสตีเฟนลวนลามเขา นอกจากนี้ พ่อของสตีเฟนก็ถูกจับกุมในข้อหาลวนลามหลานชายตัวเองด้วย สตีเฟนกับพ่อถูกศาลตัดสินจำคุก 35 ปีทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆว่าทั้งสองกระทำผิดนอกจากคำให้การของลูกชายเท่านั้น

สตีเฟนถูกข่มขืนขณะอยู่ในคุก แต่ในเวลาต่อมาเขาก็สามารถต่อสู้คดีจนหลุดออกมาจากคุกได้
http://www.brightlightsfilm.com/31/jaundicedeye.html

ดีวีดีหนังเรื่อง THE JAUNDICED EYE มีขายแล้วที่สหรัฐ หนังเรื่องนี้เหมาะดูควบกับCAPTURING THE FRIEDMANS (2003, ANDREW JARECKI, A+) เป็นอย่างมาก

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00006LPH1/ref=ase_imdb-adbox/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

http://images.amazon.com/images/P/B00006LPH1.01.LZZZZZZZ.jpg


นอกจาก THE JAUNDICED EYE แล้ว ดีวีดีหนังสารคดีเกย์ที่น่าดูสุดๆในตอนนี้ก็คือดีวีดีหนังไตรภาคสารคดีเกย์ของ ARTHUR DONG ค่ะ หนังไตรภาคชุดนี้มีชื่อว่า STORIES FROM THE WAR ON HOMOSEXUALITY ซึ่งประกอบด้วยเรื่อง

1.LICENSED TO KILL (1997) หนังเรื่องนี้ติดตามสัมภาษณ์ฆาตกรหลายคนที่ฆ่าเกย์เพราะความเกลียดชัง

อาร์เธอร์ ดองเปิดเผยในเว็บไซท์ nitrateonline.com ว่าสาเหตุที่เขากำกับภาพยนตร์เรื่อง Licensed to Kill เป็นเพราะเขากับเพื่อนเคยถูกวัยรุ่น 4 คนรุมทำร้ายในเดือนพ.ค.ปี 1977 โดยในตอนนั้นเขากับเพื่อนเพียงแค่เดินไปตามถนนโดยไม่ได้จับมือกันและไม่ได้แต่งตัวพิสดาร แต่ก็ถูกวัยรุ่นกลุ่มนี้ทำร้ายและด่าว่าเป็นเกย์ โดยวัยรุ่นกลุ่มนี้ยังทำร้ายพระอีกรูปหนึ่งด้วย และดองก็ได้พบกับพระรูปนี้อีกครั้งในเวลา 20 ปีต่อมาเมื่อเขาตัดสินใจค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ดองกล่าวว่าเขาเริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1970 และเชื่อว่าสื่อสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงสังคมและแก้ไขปัญหาของสังคม

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009PW3QU/qid=1122790707/sr=1-3/ref=sr_1_3/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

http://images.amazon.com/images/P/B0009PW3QU.01.LZZZZZZZ.jpg

LICENSED TO KILL เหมาะดูควบกับ THE LARAMIE PROJECT (2002, MOISES KAUFMAN)
http://www.imdb.com/title/tt0257850/


2.COMING OUT UNDER FIRE (1994) หนังเรื่องนี้พูดถึงการที่กองทหารสหรัฐปฏิบัติต่อเกย์และเลสเบียนอย่างเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009PW3QK/qid=1122790707/sr=1-4/ref=sr_1_4/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

http://images.amazon.com/images/P/B0009PW3QK.01.LZZZZZZZ.jpg

COMING OUT UNDER FIRE เหมาะดูควบกับ SOLDIER’S GIRL (2003, FRANK PIERSON) อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ SOLDIER’S GIRL ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=7131


3.FAMILY FUNDAMENTALS (2002)
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009PW3QA/qid=1122790707/sr=1-2/ref=sr_1_2/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4118

FAMILY FUNDAMENTALS เหมาะดูควบกับหนังสารคดีเรื่อง GAY REPUBICANS (2004, WASH WESTMORELAND) เพราะทั้งสองเรื่องนี้พูดถึงเกย์ที่ทำงานให้พรรครีพับลิกันทั้งๆที่ปธน.บุชต่อต้านการแต่งงานของเกย์
http://www.imdb.com/title/tt0430131/


ข้อมูลของ ARTHUR DONG
http://www.imdb.com/name/nm0232472/

ARTHUR DONG เป็นผู้กำกับหนังเกย์เชื้อสายเอเชีย-อเมริกัน เหมือน GREGG ARAKI แต่ดองถนัดหนังสารคดี ส่วนอารากิถนัดหนังเรื่องแต่ง

นอกจากสองคนนี้แล้ว ผู้กำกับหนังเชื้อสายเอเชียที่น่าสนใจสุดๆอีกสองคนในอเมริกาก็คือ

1.TRINH T. MINH-HA
http://www.imdb.com/name/nm0872954/
http://www.trinhminh-ha.com/
http://www.wmm.com/Catalog/_makers/fm5.htm

เธอเป็นผู้กำกับหญิงชาวเวียดนามที่อพยพมาสหรัฐ หนังดังของเธอก็คือ SURNAME VIET GIVEN NAME NAM (1989) ที่พูดถึงตัวตนของผู้หญิงเวียดนาม

ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์มีตำราภาพยนตร์เล่มโตชื่อ FRAMER FRAMED ที่เขียนโดยเธอ แต่ดิฉันยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ

FRAMER FRAMED
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/0415905621/qid=1122794636/sr=8-10/ref=sr_8_xs_ap_i10_xgl14/002-8038210-3111243?v=glance&s=books&n=507846


อ่านบทความของ TRINH T. MINH-HA ได้ที่
http://humwww.ucsc.edu/CultStudies/PUBS/Inscriptions/vol_3-4/minh-ha.html


2.JON MORITSUGU
http://www.imdb.com/name/nm0605748/
http://www.jonmoritsugu.com/

ผู้กำกับตัวแสบคนนี้เคยมีหนังเรื่อง FAME WHORE (1997, A) เข้ามาเปิดฉายในกรุงเทพในปี 1998 ซึ่งเป็นหนังที่แบ่งเป็นเรื่องย่อยๆ 3 เรื่อง และเป็นหนังที่ฮาสุดๆ
http://jonmoritsugu.com/films/fame_whore//images/stills/13.jpg

รูปจากหนังของ JON MORITSUGU

SCUMROCK (2003)
http://jonmoritsugu.com/films/scumrock/closeup.php?still=10

MOD F*** EXPLOSION (1994)

TERMINAL, USA (1993)
http://jonmoritsugu.com/films/terminal_usa//images/stills/14.jpg

HIPPY PORN (1991)
http://jonmoritsugu.com/films/hippy_porn//images/stills/1.jpg

MY DEGENERATION (1989)
http://jonmoritsugu.com/films/my_deg//images/stills/7.jpg


นอกจาก MYSTERIOUS SKIN ของ GREGG ARAKI ที่กลับมาฉายในกรุงเทพอีกครั้งในตอนนี้แล้ว ยังมีหนังอีกเรื่องหนึ่งที่พูดถึงชายหนุ่มที่ยังคงได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากประสบการณ์ทางเพศในวัยเด็ก ซึ่งก็คือหนังเรื่อง RUNAWAY (2005, TIM MCCANN) ที่น่าดูอย่างสุดๆ โดยหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของชายหนุ่มอายุ 21 ปีที่ถูกพ่อของตัวเองลวนลามมาตลอดชีวิต
http://www.imdb.com/title/tt0425414/

AMY TAUBIN นักวิจารณ์หญิงชื่อดังชื่นชอบ RUNAWAY มาก อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอกับ TIM MCCANN ได้ที่
http://www.filmlinc.com/fcm/artandindustry/tribint.htm


TIM MCCANN เคยกำกับหนังเรื่อง DESOLATION ANGELS (1995, A-) ที่เคยมีวิดีโอเข้ามาขายในกรุงเทพ โดยหนังที่ TIM MCCANN กำกับมักจะเป็นการสำรวจสภาพจิตของชายหนุ่มภายใต้ภาวะกดดัน
http://www.imdb.com/name/nm0564928/

นอกจากเนื้อเรื่องและตัวผู้กำกับแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ RUNAWAY น่าดูอย่างสุดๆก็คือการที่หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย AARON STANFORD ดาราหนุ่มน่ารักและร้อนแรงจาก X2: X-MEN UNITED (2003, BRYAN SINGER, A+) และ TADPOLE (2002, GARY WINICK, B)
http://www.imdb.com/name/nm0822155/
http://stage.frate.free.fr/superdev2003/kandan-samir/xmen2%2BAaron%20Stanford-13.jpg
http://www.cosmomovieawards.com/actors/images/aaronstanford.jpg


เพิ่งรู้ค่ะว่าวิทยุช่อง 94.5 FM มีรายการ CLUBCLASS ที่เปิดเพลงแดนซ์ยุค 1980 ให้ฟังทุกคืนวันเสาร์เวลา 22.00-02.00 น. เมื่อคืนวันเสาร์ได้ฟังรายการนี้แล้ว รู้สึกมีความสุขสุดๆเลยค่ะ นึกถึงอดีตสมัยเรียนมัธยม

เพลงที่ชอบมากๆใน CLUBCLASS เมื่อคืนนี้

1.THE HARDER I TRY ของ BROTHER BEYOND
เพลงนี้เคยขึ้นถึงอันดับ 2 ในอังกฤษในปี 1988 นักร้องนำของวงนี้คือ NATHAN MOORE ซึ่งต่อมาได้เข้าไปเป็นสมาชิกวง WORLDS APART ในทศวรรษ 1990
http://nathanmoore.free.fr/

http://www.poplife.info/Bilder/239055.jpg

2.I’M NOT SCARED ของ EIGHTH WONDER
3.SURRENDER ของ SWING OUT SISTER

วันนี้ได้ดูหนังทางช่อง HBO เรื่อง THE FINAL CURTAIN (2002, A-) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการตบตีกันระหว่างพิธีกรรายการเกมโชว์ทางโทรทัศน์ค่ะ หนังนำแสดงโดย PETER O’TOOLE และ AIDAN GILLEN ซึ่งเล่นได้ดีมากๆ

หลายคนคงจดจำ AIDAN GILLEN ได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเคยรับบทเป็นหนุ่มเจ้าชู้ใน QUEER AS FOLK (A+) เวอร์ชันประเทศอังกฤษ ดิฉันรู้สึกว่าเขาน่ารักแบบกวนๆคล้ายๆ GARY OLDMAN สมัยหนุ่มๆ
http://www.imdb.com/name/nm0318821/
http://www.tonyawards.com/images/pics/large/b_v_meet_gillen.jpg



ชอบ I CAPTURE THE CASTLE (2003, TIM FYWELL, A) มากๆเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะตัวละครนางเอกกับแม่เลี้ยงนางเอก ดิฉันเคยดู ROMOLA GARAI ในหนังเรื่อง DIRTY DANCING: HAVANA NIGHTS (2004, GUY FERLAND) แล้วรู้สึกว่าเธอเป็นดาราสาวสวยผมบลอนด์ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แต่พอได้มาดูการแสดงของเธอใน I CAPTURE THE CASTLE กับ VANITY FAIR (2004, MIRA NAIR, A) ก็รู้สึกว่าจริงๆแล้วเธอมีความสามารถสูงมาก
http://www.imdb.com/name/nm0304801/



คิดว่าถ้าคุณแฟรงเกนสไตน์ได้ดูหนังชุด “โทร่าซัง” ก็อาจจะชอบก็ได้ค่ะ ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยอินกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อจนถึงขั้นทนไม่ได้ รู้สึกว่ามันเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ สบายใจ เห็นหน้าพระเอกแล้วรู้สึกอารมณ์ดี

ในบรรดาหนังชุดโทร่า-ซังที่ได้ดูนั้น มีพล็อตของตอนนึงที่ทำให้ดิฉันประทับใจเล็กน้อยค่ะ นั่นก็คือตอน TORA-SAN’S FORBIDDEN LOVE (1984) ที่มีเนื้อหาจุดนึงเกี่ยวกับ “การสลับบุคลิกภาพ” เพราะในตอนนี้โทร่า-ซังได้เจอกับชายวัยกลางคนคนนึงที่เป็นผู้จัดการบริษัท โดยหลังจากที่ทั้งสองรู้จักกัน โทร่า-ซังก็ตกหลุมรักภรรยาของผู้จัดการคนนี้ แต่ผู้จัดการคนนี้กลับหายสาบสูญไป และต่อมาความจริงก็เปิดเผยว่าผู้จัดการคนนี้ได้เดินทางท่องเที่ยวตะลอนไปตามสถานที่ต่างๆทั่วญี่ปุ่นโดยปลอมชื่อเป็นโทร่า-ซัง มันเหมือนกับว่าหลังจากที่เขาได้รู้จักกับโทร่า-ซังแล้ว เขาก็ได้รับเอาบุคลิกภาพของโทร่า-ซังเข้ามาไว้ในตัวเขาเองด้วยจนทำให้บุคลิกภาพของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

พล็อตตรงจุดนี้ทำให้รู้สึกประหลาดใจค่ะ เพราะตอนแรกไม่นึกว่าหนังชุด “โทร่า-ซัง” จะมีอะไรอย่างนี้ด้วย ปกติแล้วพอพูดถึงการสลับบุคลิกภาพ ก็มักจะนึกถึงหนังอย่าง PERSONA (INGMAR BERGMAN, A+) มากกว่า

ตัวละครผู้จัดการใน TORA-SAN’S FORBIDDEN LOVE ทำให้นึกถึงตัวละครในหนังเรื่อง MONDAY MORNING (2002, OTAR IOSSELIANI) ด้วยค่ะ เพราะผู้จัดการใน TORA-SAN เป็นผู้ชายที่เคยชินกับการเดินทางไปทำงานทุกๆเช้า เขาใช้ชีวิตที่ซ้ำซากอย่างนี้ทุกๆวัน จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตัดสินใจไม่ไปทำงาน, ตัดสินใจทิ้งครอบครัว, ทิ้งภรรยาและลูก และออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ

ส่วนพล็อตของ MONDAY MORNING สามารถอ่านได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5290
http://www.imdb.com/title/tt0284277/


Monday Morning มีเนื้อหาเกี่ยวกับแวงซองท์ (ฌากส์ บิดู) ผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เพื่อเดินทางไปทำงานที่โรงงานโดยใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง งานของเขาเป็นงานที่น่าเบื่อมากและเขาไม่สามารถสูบบุหรี่ทั้งในเวลาเดินทางและเวลาทำงาน เมื่อเขากลับบ้านในตอนเย็น สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือการวาดภาพ แต่เขาก็ต้องให้เวลากับสมาชิกในครอบครัว ซึ่งรวมถึงภรรยา (อานน์ คราฟซ์-ทาร์นาฟสกี), แม่ และลูกชาย 2 คน แวงซองท์รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตแบบนี้มาก เขารู้สึกเบื่อทั้งภรรยา, ลูกๆ และผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเขา ซึ่งรวมถึงอัลแบร์ท ชายชราที่ชอบเดินตามเส้นทางเดิมทุกๆวัน, บุรุษไปรษณีย์ที่แอบอ่านจดหมายทุกฉบับในหมู่บ้าน และพระที่ชอบใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูผู้หญิงแก้ผ้า โดยสมาชิกในครอบครัวของเขานั้นแทบไม่เคยสนใจในตัวเขาเลย และทำเหมือนกับว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหน วันหนึ่งแวงซองท์ตัดสินใจเดินทางออกไปดูโลกกว้าง เขาตัดสินใจไม่เดินเข้าโรงงานเมื่อถึงเวลาทำงานแต่กลับเดินออกไปหาที่สูบบุหรี่ให้หมดมวน และการเดินออกจากโรงงานในครั้งนั้นกลายเป็นการเดินทางไปยังกรุงปารีสและเวนิซในเวลาต่อมา

--ชื่อหนัง MONDAY MORNING ยังทำให้นึกถึงชีวิตจริงของตัวเองด้วยค่ะ เพราะดิฉันจะรู้สึก “ขี้เกียจ” เมื่อถึงเช้าวันจันทร์และต้องออกไปทำงานอีกครั้ง

เมื่อเช้าวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันก็ทำในสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้ตัวเองค่ะ เพราะเช้าวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันตื่นนอนขึ้นมา และก็กำลังจะออกไปทำงาน แต่พอเหลือบไปเห็นตุ๊กตาในห้อง ดิฉันก็เปลี่ยนใจไม่ไปทำงาน ตัดสินใจลางาน และนั่งเล่นตุ๊กตาในห้องแทน สรุปว่าวันจันทร์ที่แล้วก็เลยไม่ได้ไปทำงานเพราะความขี้เกียจ และอยากเล่นตุ๊กตามากกว่าค่ะ

--ความสุขเล็กๆอย่างนึงที่ได้จากการดูหนังชุด TORA-SAN ก็คือการได้ดู CHISHU RYU (1904-1993) ดาราขาประจำของ YASUJIRO OZU ในหนังชุดนี้ค่ะ จริงๆแล้วดิฉันไม่ได้ประทับใจกับบทของ CHISHU RYU ในหนังของ OZU มากนัก (เพราะดิฉันไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับบทที่เขามักแสดงในหนังของ OZU) แต่ก็รู้สึกว่าเขาเล่นได้เก่งมากตามบทที่เขาได้รับ อย่างไรก็ดี ในหนังชุดโทร่า-ซังนั้น CHISHU RYU รับบทประกอบเป็นเจ้าอาวาสที่เหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโทร่า-ซัง บทของเขาออกมาเพื่อคอยเสียดสีโทร่า-ซังและเรียกเสียงฮาเป็นระยะๆ ก็เลยรู้สึกดีกับบทของเขาค่ะ และก็รู้สึกดีใจที่ดาราสูงวัยอย่างเขายังคงมีหนังให้เล่นอยู่อย่างสม่ำเสมอ

CHISHU RYU
http://www.imdb.com/name/nm0753479/



ชอบโปสเตอร์ EVERYTHING IS ILLUMINATED มากๆเหมือนกันค่ะ

เอาใจช่วยให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จค่ะ เพราะชอบ LIEV SCHREIBER มาก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ดังเท่าที่ควรในทางการแสดง ทั้งๆที่เขาก็เล่นหนังได้ดี ก็เลยเอาใจช่วยให้เขาประสบความสำเร็จทางการกำกับหนัง

ดีวีดีหนังเพลงที่อยากดูมากๆในตอนนี้ก็คือดีวีดีหนัง 5 เรื่องของ FRED ASTAIRE + GINGER ROGERS ค่ะ ดีวีดีชุดนี้จะออกจำหน่ายในสหรัฐในวันที่ 16 ส.ค.
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009NSCR6/qid=1122802198/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

ดีวีดีชุดนี้ประกอบด้วย

1.TOP HAT (1935, MARK SANDRICH)
--หนังเรื่องนี้มีโครงสร้างคล้ายหนังเรื่อง THE GAY DIVORCEE (1934, MARK SANDRICH) ที่นำแสดงโดย ASTAIRE กับ ROGERS เหมือนกัน

--เพลงในหนังเรื่องนี้เป็นของ IRVING BERLIN ซึ่งรวมถึงเพลง

1.1 NO STRINGS
1.2 ISN’T THIS A LOVELY DAY
1.3 WHITE TIES AND TAILS
1.4 CHEEK TO CHEEK


2.SWING TIME (1936, GEORGE STEVENS)

--GEORGE STEVENS เป็นผู้กำกับหนังคลาสสิคเรื่อง SHANE, GIANT และ THE DIARY OF ANNE FRANK

--เพลงในหนังเรื่องนี้เป็นของ JEROME KERN + DOROTHY FIELDS ซึ่งรวมถึงเพลง

2.1 A FINE ROMANCE
2.2 THE WAY YOU LOOK TONIGHT
2.3 PICK YOURSELF UP
2.4 BOJANGLES OF HARLEM


3.FOLLOW THE FLEET (1936, MARK SANDRICH)
http://images.amazon.com/images/P/B0009NSCQ2.01.LZZZZZZZ.jpg

--IRVING BERLIN ทำเพลงให้หนังเรื่องนี้ ซึ่งรวมถึงเพลง

3.1 I’M PUTTING ALL MY EGGS IN ONE BASKET
3.2 LET YOURSELF GO
3.3 LET’S FACE THE MUSIC AND DANCE

--จุดเด่นของหนังคือลีลาการเล่นเปียโนของเฟรด แอสแตร์


4.SHALL WE DANCE (1937, MARK SANDRICH)

--เพลงในหนังเรื่องนี้เป็นของ GEORGE GERSHWIN + IRA GERSHWIN ซึ่งรวมถึงเพลง

4.1 LET’S CALL THE WHOLE THING OFF
4.2 THEY CAN’T TAKE THAT AWAY FROM ME


5.THE BARKLEYS OF BROADWAY (1949)

--ตอนแรกทางสตูดิโอ MGM ตั้งใจจะให้แอสแตร์แสดงคู่กับจูดี้ การ์แลนด์ในหนังเรื่องนี้ต่อจาก EASTER PARADE แต่จูดี้ถอนตัวออกไป ดังนั้น GINGER ROGERS ก็เลยได้กลับมาเล่นหนังกับแอสแตร์อีกครั้งหลังจากไม่ได้ร่วมงานกันมานาน 10 ปี

--หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักเต้นรำคู่หนึ่งที่แต่งงานกันก่อนที่จะแยกทางกันเมื่อฝ่ายหญิงตัดสินใจจะยึดอาชีพเป็นนักแสดง

--เพลงในหนังเป็นของ HARRY WARREN + IRA GERSHWIN ซึ่งรวมถึงเพลง SHOES WITH WINGS ON และ THEY CAN’T TAKE THAT AWAY FROM ME


--ดู SOMERSAULT แล้วก็คิดถึง A GIRL (2002, DOROTHEE VAN DEN BERGHE, A+) เหมือนกันเลยค่ะ

--ชอบเพลง TAKE ME HOME มากๆเหมือนกันค่ะ ชอบมิวสิควิดีโอเพลงนี้อย่างสุดๆเหมือนกันด้วย

--ยังไม่เคยดู A LOVING FATHER เลยค่ะ แต่ท่าทางจะน่าสนใจดี

--หนังเกี่ยวกับพ่อ-ลูกที่อยากดูมากในตอนนี้ก็รวมถึง

1.BROKEN FLOWERS ของจิม จาร์มุช ที่พูดถึงพ่อ (BILL MURRAY) ที่ตามหาลูกชาย

2.DON’T COME KNOCKING ของ WIM WENDERS ที่พูดถึงพ่อ (SAM SHEPARD) ที่ออกตามหาลูกเหมือนกัน

http://a69.g.akamai.net/7/69/7515/v1/img5.allocine.fr/img_cis/images/festivaldecannes/img/photo/009584.jpg

GABRIEL MANN ดาราหนุ่มน่ารักจาก A LOT LIKE LOVE (2005, NIGEL COLE, A+) รับบทเป็นลูกชายในเรื่องนี้ค่ะ โดยมี EVA MARIA SAINT และ JESSICA LANGE ร่วมประชันบทบาทในเรื่องด้วย

ดิฉันชอบ SAM SHEPARD มากๆเลยค่ะ เวลาเห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกว่าถูกโฉลกกับดาราชายวัยกลางคนคนนี้

--หนังเกี่ยวกับพ่อ-ลูกอีกเรื่องนึงที่น่าดูคือ AROUND THE BEND ค่ะ หนังเรื่องนี้มีขายในไทยในแบบดีวีดี/วีซีดีลิขสิทธิ์ ถ้าเข้าใจไม่ผิดอ่านข้อมูลของ AROUND THE BEND ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=19753

--KOKTEBEL ก็น่าดูอย่างสุดๆเหมือนกันค่ะ อ่านข้อมูลของหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=7868

--ตอนนี้ที่สหรัฐอเมริกาออกดีวีดีหนังของ BELA TARR อีก 3 เรื่องค่ะ ซึ่งได้แก่เรื่อง
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009HLBYS/qid=1122805834/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-8038210-3111243?v=glance&s=dvd

1.FAMILY NEST (1977)
2.THE OUTSIDER (1981)
3.THE PREFAB PEOPLE (1982)
http://images.amazon.com/images/P/B0009HLBY8.01.LZZZZZZZ.jpg


อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ BELA TARR ที่คุณสาวรกโลกแปลไว้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1424


ถ้าหากพูดถึง “สายตา” ของตัวละครแล้วล่ะก็ “สายตา” ของตัวละครที่บาดใจ, แทงใจ, กรีดลึกกรีดเฉือนเข้าไปในหัวใจ และทำให้ดิฉันต้องร้องไห้ออกมาทุกครั้งเมื่อนึกถึง ก็คือสายตาที่เซลบี (คริสตินา ริชชี) มองนางเอกใน MONSTER (2003, PATTY JENKINS, A+) ในศาลในตอนจบค่ะ ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันเข้าใจความรู้สึกของ AILEEN WUORNOS ได้เป็นอย่างดีว่าเธอรู้สึกอย่างไรตอนที่เซลบีมองเธอในศาลอย่างนั้น มันเป็นความร้าวรานใจที่ดิฉันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

Saturday, July 30, 2005

CRASH (PAUL HAGGIS, A+)

หนังเกย์เรื่อง MYSTERIOUS SKIN กลับมาฉายที่โรงภาพยนตร์ลิโด สยามสแควร์อีกครั้งแล้วในสัปดาห์นี้ โดยฉายเวลา 20.45 น. ถ้าใครยังไม่ได้ดู ก็อย่าลืมไปดูกันนะคะ

หนังออสเตรเลียเรื่อง SOMERSAULT ที่ฉายอยู่ที่ลิโดตอนนี้ ก็มีตัวละครประกอบเป็นเกย์เหมือนกันค่ะ หนังเรื่องนี้มีฉายรอบ 12.00, 14.00, 16.30, 18.30 และ 20.30


เว็บไซท์ของหนัง MYSTERIOUS SKIN
http://www.mysteriousskinthemovie.com/


หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.CRASH (2005, PAUL HAGGIS, A+)

2.วัยอลวน 4: ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (A+)

3.SOMERSAULT (2004, KATE SHORTLAND, A+/A)

4.HERBIE FULLY LOADED (2005, ANGELA ROBINSON, A/A-)
http://www.imdb.com/title/tt0400497/

5.TORA-SAN TO THE RESCUE (1995, YOJI YAMADA, B/B-)

6.DREAMSHIP SURPRISE – PERIOD 1 (2004, MICHAEL BULLY HERBIG, B-)

7.มือปืนเก๋าเจ๋ง (C-)


อ่านเพิ่มเติมเรื่องของ YESIM USTAOGLU ผู้กำกับ WAITING FOR THE CLOUDS (A+) และ JOURNEY TO THE SUN ได้ที่

http://www.filmfestivals.com/berlin99/html/us/star7.htm
http://www.wsws.org/articles/2000/may2000/sff2-m24.shtml


ตอนนี้อยากได้ดีวีดี THE TWILIGHT ZONE SEASONS 2 & 3 (1986-1988) อย่างสุดๆเลยค่ะ เพราะได้ข่าวว่าในซีซันนี้มีผู้กำกับน่าสนใจหลายคนมาร่วมกำกับ ซึ่งรวมถึง

1.ATOM EGOYAN กำกับตอน THE WALL
http://www.imdb.com/name/nm0000382/

2.WES CRAVEN กำกับหลายตอน
http://www.imdb.com/name/nm0000127/

3.JIM MCBRIDE กำกับตอน THE ONCE AND FUTURE KING
http://www.imdb.com/name/nm0564319/

4.CURTIS HARRINGTON กำกับตอน VOICES IN THE EARTH
http://www.imdb.com/name/nm0364252/

5.MARTHA COOLIDGE กำกับ 3 ตอน ซึ่งได้แก่ NIGHT OF THE MEEK, QUARANTINE และ SHELTER SKELTER
http://www.imdb.com/name/nm0004838/


http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B00092ZLDK/qid%3D1122662615/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/102-9162962-3569714

SEASON 2 & 3 Episode List: * The Once And Future King * A Saucer Of Loneliness * What Are Friends For? * The Storyteller * Nightsong * Aqua Vita * The After Hours * Lost and Found * The World Next Door * The Toys Of Caliban * The Convict's Piano * The Road Less Travelled * The Card * The Junction * Joy Ride * Shelter Skelter * Private Channel * Time And Teresa Golowitz * Voices In The Earth * Song Of The Younger World * The Girl I Married * The Curious Case Of Edgar Witherspoon * Extra Innings * The Crossing * The Hunters * Dream Me A Life * Memories * The Hellgrammite Method * Our Selena Is Dying * The Call * The Trance * Acts Of Terror * 20/20 Vision * There Was An Old Woman * The Trunk * Appointment On Route 17 * The Cold Equations * Stranger In Possum Meadow * Street Of Shadows * Something In The Walls * A Game Of Pool * The Wall * Room 2426 * The Mind Of Simon Foster * Cat And Mouse * Rendezvous In A Dark Place * Many, Many Monkeys * Love Is Blind * Crazy As A Soup Sandwich * Special Service * Father And Son Game

อยากดู THE BUTTERFLY MURDERS มากเลยค่ะ ส่วน TRI-STAR ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน

ระดับความชอบที่มีต่อหนังที่คุณ ar พูดถึง

1.PEKING OPERA BLUES (A+/A) ชอบบุคลิกของสามสาวในเรื่องนี้มาก และก็ชอบฉาก “ข้ามสมุทร” ในเรื่องนี้มากๆ

2.ONCE UPON A TIME IN CHINA (A)

3.ONCE UPON A TIME IN CHINA 3 (A-)

4.ONCE UPON A TIME IN CHINA 2 (A-)

5.GREEN SNAKE (B+)

6.ZU: WARRIORS FROM THE MAGIC MOUNTAIN (B+)

7.THE CHINESE FEAST (B)

8.ONCE UPON A TIME IN CHINA 4 (C+)

9.THE LEGEND OF ZU (C)

จำไม่ได้ว่าตัวเองได้ดู “หวงเฟยหง ภาค 5” หรือเปล่า ไม่ค่อยแน่ใจ

--ชอบ STEVE HOWEY ที่รับบทเป็นลูกเขยใน REBA มากๆค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm0992538/
http://www.thewb.com/THEWB/Images/Dynamic/i5/RB-SHowey-A_2x3_240.jpg

--รายการโทรทัศน์บางรายการได้รับการผลิตเป็นดีวีดีบ็อกซ์เซ็ทแล้ว โดยดีวีดีรายการโทรทัศน์ที่ดิฉันอยากดูอย่างสุดๆในตอนนี้ก็คือ ERROL MORRIS’S FIRST PERSON – THE COMPLETE SERIES (1993-2000)

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00094AS7W/qid=1122669697/sr=1-1/ref=sr_1_1/104-1405630-9441547?v=glance&s=dvd

ERROL MORRIS เจ้าพ่อวงการหนังสารคดีที่ทุกคนรู้จักกันดี เคยทำรายการโทรทัศน์ FIRST PERSON ที่สัมภาษณ์บุคคลที่น่าสนใจมากมาย

ดีวีดีชุดนี้ประกอบด้วย 3 แผ่น และประกอบด้วยรายการทั้งหมด 17 ตอน รวมกันเป็นความยาวราว 8 ชม.กว่า (491 นาที)

http://www.geraldpeary.com/essays/def/first-person.html

1.Mr. Debt



2.Eyeball to Eyeball


3.Stairway to Heaven
อ่านบทวิจารณ์ตอนนี้ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/01/13/stairway.html

4.The Killer Inside Me

a macabre program about Sondra London, serial-killer groupie

5.I Dismember Mama

6.The Stalker
7.The Parrot

a Morris live-cartoon classic about someone's Polly-in-residence which is the only witness to a murder

8.Smiling in a Jar
9.In the Kingdom of the Unabomber
10.The Little Gray Men
11.You're Soaking in It
12.Mr. Personality
13.The Only Truth
14.Harvesting Me
15.One in a Million Trillion
16.Leaving the Earth
17.The Smartest Man in the World

--เว็บไซท์น่าสนใจ
http://www.joymodels.com/

--ชอบ SAM WORTHINGTON พระเอกของ SOMERSAULT มากค่ะ ดูรูปของเขาได้ที่
http://www.imdb.com/gallery/ss/0280605/Ss/0280605/dirty_deeds_1.jpg?path=pgallery&path_key=Worthington,%20Sam

http://www.imdb.com/gallery/hh/0941777/HH/0941777/iid_897316.jpg?path=pgallery&path_key=Worthington,%20Sam

เห็น SAM WORTHINGTON แล้วรู้สึกว่าเขาน่ารักเหมือน CHRIS O’DONNELL

--เมื่อพูดถึงการสอบแล้ว การสอบที่ดิฉันประทับใจมากที่สุดในชีวิตก็คือการสอบคณิตศาสตร์ตอนเอ็นทรานซ์เข้ามหาลัยค่ะ เพราะมันเป็นการสอบที่ยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิต ถึงแม้มันจะเป็นข้อสอบแบบปรนัยก็เถอะ ดิฉันจำรายละเอียดในการสอบตอนนั้นไม่ได้แล้ว (ดิฉันสอบประมาณช่วงต้นปี 1990) แต่จำได้ประมาณว่า ถ้าข้อสอบมี 100 ข้อ ดิฉันก็ใช้เวลาคิดเลขไปได้แค่ประมาณ 30 ข้อเท่านั้น ส่วนอีก 70 ข้อมั่วหมดเลย เพราะไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไปแล้ว เป็นการสอบที่ตื่นเต้นลุ้นระทึกที่สุดในชีวิต ไม่เคยรู้สึกว่าเวลามันจะผ่านไปเร็วเท่านั้นมาก่อน เวลาผ่านไปแล้ว 3 ชั่วโมง ปรากฏว่าคิดเลขไปได้แค่ไม่กี่ข้อเอง

--พูดถึงข้อสอบแบบให้เขียนตอบเป็นเล่มๆ ก็จะนึกถึงเรื่องที่เล่าต่อๆกันมาที่ดิฉันเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า หนึ่งในตำนานที่ได้ยินมาก็คือว่ามีอยู่ครั้งนึง วิชาปรัชญาออกข้อสอบมาสั้นๆง่ายๆนิดเดียวว่า “ฆ่าตัวตายผิดหรือไม่” และก็ให้นักศึกษาเขียนตอบมาเป็นเล่มๆ เพื่อนดิฉันบอกว่าถ้าหากเธอเจอข้อสอบข้อนี้ เธอก็จะเขียนตอบไปสามคำว่า “ฉันไม่ผิด” แล้วก็ส่งไปเลย จบ ไม่มานั่งเขียนตอบเป็นเล่มๆหรอก

--ดู FAR FROM HEAVEN (A+/A) แล้ว ถ้ามีโอกาส ก็อย่าลืมหา ALL THAT HEAVEN ALLOWS (1954, DOUGLAS SIRK, A+) และ ALI: FEAR EATS THE SOUL (1973, RAINER WERNER FASSBINDER, A) มาดูด้วยนะคะ จะได้ครบไตรภาค (ทั้ง FAR FROM HEAVEN และ ALI: FEAR EATS THE SOUL ต่างก็ดัดแปลงมาจาก ALL THAT HEAVEN ALLOWS เหมือนกัน) ดิฉันชอบ ROCK HUDSON พระเอก ALL THAT HEAVEN ALLOWS มากๆเลยค่ะ
(ROCK HUDSON เป็นหนึ่งในเกย์ที่หล่อมากๆในทศวรรษ 1950 เกย์อีกคนหนึ่งที่หล่อมากๆในยุคนั้นคือ MONTGOMERY CLIFT)

อ่านข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับ FAR FROM HEAVEN และ ALL THAT HEAVEN ALLOWS (ชอบชื่อหนังเรื่องนี้จัง) ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2100

อ่านบทวิจารณ์ ALI: FEAR EATS THE SOUL ของคุณเจ้าชายน้อยได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=19154

--ในขณะที่ราคาน้ำมันแพงลิบในปีนี้ ปีนี้ก็รู้สึกจะมีหนังเกี่ยวกับนักแข่งรถออกฉายหลายเรื่องด้วยกัน ทั้ง HERBIE FULLY LOADED, INITIAL D, THE DUKES OF HAZZARD และ DUST TO GLORY (2005, DANA BROWN)

THE DUKES OF HAZZARD (2005)
http://www.imdb.com/title/tt0377818/

DUST TO GLORY
http://www.imdb.com/title/tt0386423/


--ตัวละครนักแข่งรถที่หล่อถูกใจมากๆก็คือ

1.นักแข่งรถหนุ่มหล่อสุดๆ (DAGMAR JANS) ที่เป็นขวัญใจของนางเอกใน I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT (2003, GENEVIEVE MERSCH, A+)
http://www.festivalcinemadelledonne.com/2004/eltoujours.htm

2.บทพระเอกที่แสดงโดย JEAN-LOUIS TRINTIGNANT ใน A MAN AND A WOMAN (1966, CLAUDE LELOUCH, A+)

3.นักแข่งรถ 3 คนใน DRIVEN (2001, RENNY HARLIN, B-/C+) ซึ่งได้แก่ KIP PARDUE, TIL SCHWEIGER และ CRISTIAN DE LA FUENTE

http://www.imdb.com/title/tt0132245/




ดิฉันยังไม่ได้ดู CASABLANCA เลยค่ะ และแทบไม่เคยได้ดูหนังของ HUMPHREY BOGART เลย แต่หนึ่งในหนังของ BOGART ที่อยากดูอย่างสุดๆก็คือ TO HAVE AND HAVE NOT (1945, HOWARD HAWKS) ค่ะ
ใน MY BEST FRIEND’S WEDDING ดิฉันจะชอบเพลง I’LL SAY A LITTLE PRAYER มากค่ะ รู้สึกว่า DIANA KING จะเป็นคนร้องเพลงนี้

อ่านเนื้อเพลง I’LL SAY A LITTLE PRAYER ได้ที่
http://www.soundtracklyrics.net/song-lyrics/my-best-friends-wedding/ill-say-a-little-prayer.htm


พูดถึงร้านที่มีพาสต้าขายแล้ว ดิฉันจะนึกถึงอยู่ 2-3 ร้านค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือร้าน THE PASTA SHOP ที่อยู่ในศูนย์อาหารของเอ็มโพเรียม ร้านนี้จะขายอาหารราคาค่อนข้างถูก เวลาดิฉันไปดูเทศกาลหนังที่เอ็มโพเรียม ดิฉันก็ชอบไปกินลาซานย่าผักขมเห็ดที่ร้านนี้ ตอนแรกเขาขายจานละ 40 บาท แต่ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 60 บาทแล้ว แต่ก็ยังถือว่าถูกกว่าลาซานย่าร้านอื่นๆอยู่ดี

อีกร้านที่ชอบไปกินบ่อยๆเวลาไปดูหนังที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ก็คือร้านที่ชื่อคล้ายๆ PASTA CHARLIE หรืออะไรทำนองนี้ ร้านจะอยู่ชั้นเดียวกับโรงหนัง และเขาให้เราเลือกผสมเส้น, ซอส, เนื้อ ได้เองตามใจชอบ และมีสลัดบาร์บุฟเฟต์ในราคา 80 กว่าบาท

นอกจาก MARCH OF TH E PENGUINS แล้ว หนังเกี่ยวกับนกอีกเรื่องหนึ่งที่ดิฉันอยากดูอย่างสุดๆในตอนนี้ก็คือหนังสารคดีเรื่อง THE WILD PARROTS OF TELEGRAPH HILL (2003, JUDY IRVING) ค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0424565/
http://www.wildparrotsfilm.com/

http://www.ruggedelegantliving.com/sf/a/images/wild.parrots.telegraph.jpg

คำวิจารณ์ THE WILD PARROTS OF TELEGRAPH HILL

--A thoroughly absorbing portrait of one man's discipline and commitment -- and, es, spiritual transformation….Quite simply, a beautiful film, in both form and content. You'll laugh. You'll cry. And your heart is guaranteed to soar.-- Ann Hornaday, WASHINGTON POST

--The film is that rare documentary that has romance, comedy and a surprise ending that makes you feel as if you could fly out of the theater....-- Bruce Newman, SAN JOSE MERCURY NEWS

--By the end of the movie, you might find yourself so wrapped up in Bittner and the parrots that you have tears in your eyes.-- Russell Scott Smith, NEW YORK POST


ตอนนี้รู้สึกว่าผู้กำกับญี่ปุ่นที่น่าสนใจสุดๆๆๆๆก็คือ MITSUO YANAGIMACHI ค่ะ เพราะนอกจากเขาจะกำกับ FIRE FESTIVAL (1984) แล้ว เขายังกำกับหนังใหม่ที่น่าดูอย่างสุดขีดเรื่อง WHO’S CAMUS ANYWAY? ด้วย โดยหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งที่เตรียมตัวจะถ่ายทำหนังที่สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับวัยรุ่นคนหนึ่งที่ฆาตกรรมหญิงชรา อย่างไรก็ดี ในระหว่างการสร้างหนังเรื่องนี้ นักศึกษาก็เริ่มสับสนระหว่างความรัก, การแข่งขัน และเนื้อหาของภาพยนตร์ที่พวกเขากำลังจะสร้าง

นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่ามีตัวละครตัวนึงในเรื่องนี้ที่เป็นอาจารย์วัยกลางคนที่ตกหลุมรักนักศึกษาอย่างหัวปักหัวปำทั้งๆที่รู้ว่ายากจะสมหวัง และอาจารย์คนนี้ก็เอาสีมาทาหน้าตัวเองในลักษณะที่คล้ายกับตัวละครใน DEATH IN VENICE

http://www.hollywoodreporter.com/thr/reviews/review_display.jsp?vnu_content_id=1000927727

http://images.amazon.com/images/P/1400041147.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

LIVE SCHREIBER ดาราหนุ่มน่ารักจาก THE MANCHURIAN CANDIDATE ตอนนี้หันมากำกับหนังแล้วด้วย โดยหนังที่เขากำกับมีชื่อว่า EVERYTHING IS ILLUMINATED ซึ่งได้รับเลือกให้ฉายในสายHORIZONS ในเทศกาลหนังเวนิซปีนี้

Monday, July 25, 2005

WAITING FOR THE CLOUDS (A+)

เคยประทับใจอย่างสุดๆกับการแสดงและการกำกับของคุณทัตเทพใน "แหวน" (A+) และใน "เปลือก" (A+)

ชอบการแสดงและบทบาทของคุณทัตเทพในหนังสองเรื่องใหม่ (รักไม่รู้จบ + สิ่งสุดท้าย) มากค่ะ แต่น่าเสียดายที่บทบาทของคุณทัตเทพในหนังสองเรื่องนี้น้อยไปหน่อย อยากให้เธอได้เล่นเป็นนางเอกอีก

ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ 16+17 ก.ค.ไม่ได้ไปดูหนังของมูลนิธิหนังไทยเลยค่ะ เพราะเสาร์อาทิตย์นั้นต้องทำงาน ก็เลยพลาดไป เสียดายจัง

หนังที่ได้ดูในวันอาทิตย์+จันทร์
1.WAITING FOR THE CLOUDS (2004, YESIM USTAOGLU, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0418309/
2.A LOVE IN GERMANY (1983, ANDRZEJ WAJDA, A+)
3.หวานหมู (โกสินทร์ วงษ์เทศ, A+/A)
4.มื้อสุข (ปรัชญ์ สืบสันติ, A)
5.กาก (ขวัญชาติ เสมาทอง + อาจอง ชุมมานนท์, A)
6.มัจฉา...ลำพัง (ภูษิต น้อยพึ่งบุญ, A)
7.KAMIKAZE GIRLS (2004, TETSUYA NAKASHIMA, B)
http://www.imdb.com/title/tt0416220/

Sunday, July 24, 2005

TOSSAPOL BOONSINSUK

http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=19753

หนังที่ได้ดูในวันเสาร์

1. 0.29s (บุญชัย กัลยาศิริ, A+)

2.สัมพัทธ์ภาพบนหลักของความไม่แน่นอน (ศาสตร์ ตันเจริญ, A+)

3.NICE TO MEET YOU (ทศพล บุญสินสุข, A+)

4.PILLOW TALK (อารยะ สุริหาร, A+)

5.โอกาส (นิติพงศ์ ถิ่นทัพไทย, A+)

6.แม่จ๋ากอดหนูหน่อย (ณัชพล โชติสุระกัลยา, A+)
ชอบความตอแหลของคุณแม่และคุณลูกในหนังเรื่องนี้อย่างมากๆๆๆๆ

7.EAT (ชุมพล เจริญกุล, A+)

8.โตเต้ (ณัฏฐา หอมทรัพย์, ธัญ เปลวเทียนยิ่งทวี, A+)
หวังว่าจะมีการสร้างภาคต่อๆไปของหนังเรื่องนี้ออกมาอีก นี่คือหนังที่เสียสติในแบบที่ชอบมากๆ

9.ณ จุดสีหนึ่ง (วรรณนิศา เอี่ยมละออง, A+/A)

10.ราโจมอน (อุดมคลัง วัฒนาพรรณิกร, A+/A)

11.ON THE SIDEWALK (พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ, A+/A)

12.อย่างไรก็แล้วแต่ (ชลาลัย รุธิรพงษ์, A)

13.STUDENT (เจมส์ พฤทธิวรสิน, A)

14.THE SOUND (ธารา ศิรินิกรวงศ์, A)

15.THE OPPOSITE DOOR (วัลยา สุภาพ, A)

16.ABOUT EVE (อรรณพ สงวนชาติ, A)

17.THE TRUTH ABOUT LOVE (2004, JOHN HAY, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0407269/


DESIRABLE ACTOR

1.TOM BOYD—THE TRUTH ABOUT LOVE
http://www.imdb.com/gallery/hh/1684912/HH/1684912/DSC00568.JPG?path=pgallery&path_key=Boyd,%20Tom%20(VI)

2.VINCENT DENIARD—RED LIGHTS (2004, CEDRIC KAHN, A+) ดูหนังเรื่องนี้นานแล้ว แต่เพิ่งมีเวลาว่างไปค้นชื่อนักแสดงคนนี้
http://www.artificial-eye.com/dvd/ART285dvd/p-04.jpg

3.SAVA LOLOV—RED LIGHTS ชอบคุณหมอหนุ่มในหนังเรื่องนี้มาก แต่ไม่แน่ใจว่านักแสดงชื่อนี้หรือเปล่า



FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

1.BRANKA KATIC—THE TRUTH ABOUT LOVE
http://www.imdb.com/name/nm0441287/
ดาราชาวเซอร์เบียคนนี้เคยเล่นหนังโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง IN JULY (2000, FATIH AKIN, A)

2.KATE MILES—THE TRUTH ABOUT LOVE
http://www.imdb.com/name/nm0587168/


FAVORITE MUSIC

สัมพัทธ์ภาพบนหลักของความไม่แน่นอน


FAVORITE SONG

SHOJO A ร้องโดย AKINA NAKAMORI อยู่ในหนังเรื่อง “ราโจมอน”


FAVORITE EDITING

PILLOW TALK


เพลงที่ควรใช้ประกอบหนัง

ได้ดูหนังเรื่อง THE TRUTH ABOUT LOVE แล้วนึกถึงเพลง BABOOSHKA ของ KATE BUSH ค่ะ รู้สึกว่าเพลง BABOOSHKA เหมาะจะใช้ประกอบหนังเรื่องนี้มากๆ



ความรู้สึกจากการดูหนัง

ในขณะที่คุณศะศิธร อริยะวิชา คือผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่ทำให้ดิฉันมีความสุขที่สุดในปี 2004 ตอนนี้ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่ทำให้ดิฉันมีความสุขที่สุดในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2005 อาจจะเป็นคุณทศพล บุญสินสุข และคุณอุรุพงศ์ รักษาสัตย์ค่ะ คุณทศพล บุญสินสุขเคยได้รับรางวัลจาก THE LAST SKY PASSENGER (A) ในปีที่แล้ว และในปีนี้เขาก็ทำให้ดิฉันประทับใจมากๆกับ

1.ห้ามอุ่นไข่ในไมโคเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม!

ดิฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้นในหนังของคุณทศพล แต่ก็ดูเพลินมากๆ ปกติแล้วดิฉันจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับหนังโรแมนติก แต่ดิฉันกลับรู้สึกถูกโฉลกกับอารมณ์โรแมนติกบางอย่างในหนังของเขา ปกติแล้วเมื่อดิฉันได้ดูหนังของผู้กำกับคนอื่นๆ ดิฉันจะรู้สึก “ห่างเหิน” เมื่อได้ดูฉากที่ตัวละครยิ้ม และรู้สึก “ใกล้ชิด” เมื่อได้ดูฉากที่ตัวละครทุกข์ทรมาน แต่หนังที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้คนเรื่องนี้ กลับไม่ทำให้ดิฉันรู้สึกห่างเหินเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ แต่กลับทำให้ดิฉันต้องเผลอยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย

ดิฉันจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยในหนังเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีทั้งส่วนที่เป็นเหมือนชีวิตประจำวัน, แอนิเมชั่น, มิวสิควิดีโอ, etc. มาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ดิฉันไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่าส่วนต่างๆในหนังเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกันยังไง มันเชื่อมร้อยเข้าด้วยกันด้วย “หลักเหตุผล” อะไร แต่รู้สึกว่า “อารมณ์” ในหนังเรื่องนี้มันต่อเนื่องเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดีในความรู้สึกของดิฉัน

ปกติแล้ว เมื่อพูดถึงหนังที่ประกอบขึ้นด้วยส่วนต่างๆที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ดิฉันมักจะนึกถึงหนังของ ALEXANDER KLUGE และ DUSAN MAKAVEJEV แต่หนังของสองคนนี้ต่างกันตรงที่เมื่อดิฉันดูหนังของ DUSAN MAKAVEJEV ดิฉันจะพอเดาได้บ้างในบางครั้งว่าส่วนต่างๆในหนังมันเชื่อมโยงกันด้วยหลักเหตุผลอะไร แต่รู้สึกว่าอารมณ์ในหนังของเขามันสะดุดๆ ในขณะที่หนังของ ALEXANDER KLUGE เป็นหนังที่ดิฉันเดาไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าส่วนต่างๆในหนังมันเชื่อมโยงกันด้วยเหตุผลอะไร แต่รู้สึกว่าอารมณ์ในหนังของเขามันต่อเนื่องและให้อารมณ์รุนแรงสุดๆมาก

เนื่องจากดิฉันรักหนังของ ALEXANDER KLUGE มาก ดิฉันก็เลยหวังว่าจะมีการสร้างหนังไทยในแบบใกล้เคียงกับเขาออกมาบ้าง และก็เลยทำให้ดีใจมากที่ได้ดู “ห้ามอุ่นไข่ในไมโคเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม!” อย่างไรก็ดี หนังไทยเรื่องนี้ไม่ได้ให้อารมณ์ในแนวทางเดียวกับหนังของ ALEXANDER KLUGE แต่อย่างใด เพียงแต่ “โครงสร้าง” เท่านั้นที่ทำให้นึกถึงหนังของ KLUGE ส่วนอารมณ์ของหนังไทยเรื่องนี้นั้น ดิฉันรู้สึกว่ามันช่างโรแมนติกสุดๆ เลย

นี่เป็นหนึ่งในหนังที่ดิฉันไม่สามารถให้คำจำกัดความอะไรได้เลยค่ะ


2.THE AUDIENCE

ขณะที่ดูหนังเรื่องนี้ ก็นึกไปถึงหนังเกี่ยวกับงานคอนเสิร์ตต่างๆ แต่ในขณะที่หนังเกี่ยวกับงานคอนเสิร์ตต่างๆ จะเต็มไปด้วยเสียงเพลงและกล้องที่หันหน้าเข้าหาศิลปิน หนังเรื่องนี้กลับไม่มีเสียง (หวังว่าคงไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดทางการฉายนะคะ) และกล้องที่หันหน้าเข้าหาผู้ชม

ขณะที่ดูหนังของคุณทศพล ในบางครั้งก็นึกไปถึงหนังของ MARGUERITE DURAS ด้วยเหมือนกัน หนังของสองคนนี้ไม่ได้คล้ายกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ที่นึกไปถึง ก็เพราะว่าหนังของสองคนนี้ทำให้ดิฉันประหลาดใจมากๆว่าทำไมดิฉันจึงรู้สึกอินสุดๆกับหนังของทั้งสองคนนี้ ทั้งๆที่หนังของทั้งสองคนนี้เอื้อให้เกิดความรู้สึกน่าเบื่อได้ง่ายมากๆ หนังเรื่อง THE AUDIENCE ให้กล้องแช่จับใบหน้าอาการของผู้ชมกลุ่มหนึ่งเป็นเวลานานๆ และมีการแช่กล้องปรากฏอยู่ในหนังเรื่องอื่นๆของเขาด้วยเหมือนกัน ส่วนหนังของ DURAS ก็เต็มไปด้วยการจับภาพประตูนานๆ, จับภาพหน้าต่างนานๆ, จับภาพสถานที่นานๆ แต่ทั้งคุณทศพลและ MARGUERITE DURAS มีวิธีการบางอย่างที่ดิฉันไม่เข้าใจ วิธีการที่สามารถทำให้ภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเลยกลายเป็นภาพที่ก่อให้เกิดความรู้สึกอินสุดๆได้

ชอบภาพแฟนเพลงยิ้มเผล่ที่ตัดสลับกันไปมาใน THE AUDIENCE ด้วยค่ะ ภาพเหล่านี้คล้ายกับภาพที่พบได้บ่อยๆในมิวสิควิดีโอโปรโมทศิลปิน ซึ่งปกติแล้วดิฉันจะรู้สึก “ผลักไส” ภาพเหล่านี้ แต่พอภาพเหล่านี้ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้โดยไม่มีเสียงประกอบ ดิฉันกลับรู้สึกดีมากๆกับภาพเหล่านี้ แทนที่จะรู้สึกผลักไสเหมือนเมื่อเห็นในมิวสิควิดีโอ


3.NICE TO MEET YOU

ฉากที่ชอบมากในเรื่องนี้คือฉากที่ผู้ชายนั่งเล่นกีตาร์อยู่คนเดียวกลางลานกว้าง, ฉากผู้หญิงกับผู้ชายนั่งติดกันในช่วงต้นเรื่อง แล้วผู้หญิงทำหน้าตายหรือหน้าเฉยๆเป็นเวลานานมาก, ฉากผู้ชายเล่นกีตาร์ให้ผู้หญิงฟัง และผู้หญิงยืนอยู่เป็นเวลานาน, ฉากที่เหมือนพวกเขาเป่ายิ้งฉุบกัน และมีการกระโดดๆกัน (ไม่แน่ใจว่าตัวเองมองถูกหรือเปล่า เพราะเป็นภาพที่ถ่ายจากระยะไกล)

ได้ดูหนังไทยเกี่ยวกับชายหนุ่มหญิงสาวมากมายหลายเรื่อง แต่แทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่จะทำให้ดิฉันรู้สึกอินและมีความสุขมากเท่าหนังเรื่องนี้ บางทีนี่อาจจะไม่ใช่หนังรัก, บางทีนี่อาจจะไม่ใช่หนังโรแมนติก แต่นี่คือหนังที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามันช่างสุดแสนจะน่ารักและก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆอย่างรุนแรง


4.CHICKEN SMILE

ถึงแม้จะรู้สึกงงกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ชอบช่วงต้นเรื่องมากที่เป็นการถ่ายภาพจากระยะไกลเป็นเวลานาน


ส่วนคุณอุรุพงศ์ รักษาสัตย์ เคยกำกับหนังสั้นเรื่อง “กาล” (A+++++++++) และเรื่อง “ก่อน” (A+) ที่เคยได้รับรางวัลในปี 2000 ส่วนในปีนี้นั้น ดิฉันได้ดูหนังของเขา 3 เรื่อง และก็ชอบสุดๆทั้งสามเรื่อง หนังของเขายังคงถ่ายทอดบรรยากาศในชนบทและชีวิตคนในชนบทออกมาได้อย่างน่าหลงใหลสุดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำได้ยังไง มีหนังสั้นหลายเรื่องมากๆที่พูดถึงชีวิตคนในชนบท แต่ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันสามารถสัมผัสชนบท, รู้สึกถึงชนบท หรือสูดกลิ่นไอของชนบทได้มากที่สุดจากหนังของเขา

อีกจุดนึงที่คิดว่าน่าสนใจดีในหนังของเขา ก็คือสัดส่วนระหว่าง “เรื่องจริง” กับ “เรื่องแต่ง” ที่ผสมกันอยู่ในหนัง หนังของเขาบางเรื่องดูเหมือน “เรื่องแต่ง” แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ให้ความรู้สึก “จริง” มากๆไม่แพ้หนังสารคดี

http://www.thaifilm.com/awardsDetail.asp?id=38

หนังของเขาที่ได้ดูในปีนี้ก็คือ
1.นักดนตรี
2.วันที่ยาวนาน
3.จักรยานลานนา

ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่อง “กาล” จะมาฉายอีกครั้งที่ TK PARK ชั้น 6 ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าในวันเสาร์ที่ 3 ก.ย.ค่ะ โดยฉายรวมกับหนังสั้นหลายเรื่องด้วยกัน และเริ่มฉายเวลา 15.00 น.



ตอบน้อง merveillesxx

--หนังเรื่อง CRUEL INTENTIONS (ROGER KUMBLE, B-/C+) เกี่ยวกับกลกามแห่งความรักของนักเรียนไฮสกูลที่มีซาราห์ มิเชล เกลลาร์เป็นผู้บงการค่ะ หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์เรื่อง DANGEROUS LIAISONS เหมือนกับหนังเรื่อง UNTOLD SCANDAL (2003, LEE JE-YONG, A/A-) และมีฉากคลาสสิคคือฉากที่ซาราห์ มิเชล เกลลาร์จูบกับเซลมา แบลร์ นักแสดงอีกคนที่ดิฉันชอบสุดๆในหนังเรื่องนี้ก็คือ CHRISTINE BARANSKI ที่รับบทเป็นแม่ของเซลมา แบลร์ เพราะหน้าตาของเธอดูตอแหลมาก
http://www.imdb.com/name/nm0004724/

--จำ RYAN PHILLIPPE ได้ครั้งสุดท้ายก็จาก GOSFORD PARK (2001, ROBERT ALTMAN, A+)

--นักแสดงอีกคนที่รู้สึกว่ามาแรงในทศวรรษ 1990 เหมือน RYAN PHILLIPPE แต่ชื่อเสียงแผ่วไปมากในทศวรรษ 2000 ก็คือ JULIA ORMOND
http://www.imdb.com/name/nm0000566/

-- SAW (2004, JAMES WAN, A+)

--THE ROAD HOME (B-) ตามความหล่อ (น้อย) ของพระเอก โฮะ โฮะ โฮะ แต่ปกติแล้วดิฉันมักจะอินกับหนังสยองขวัญและไม่อินกับหนังโรแมนติกอยู่แล้วล่ะค่ะ

--WINGED MIGRATION (2001, JACQUES PERRIN, B+)

--หนังเกี่ยวกับสัตว์โลกผู้น่ารักที่อยากดูมากในตอนนี้คือ MARCH OF THE PENGUINS (2005, LUC JACQUET)
http://www.imdb.com/title/tt0428803/

--หนังสัตว์โลกที่ชอบสุดๆคือ THE BEAR (1988, JEAN-JACQUES ANNAUD, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0095800/

--ถ้าจำไม่ผิด หนังสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ทะเลเรื่อง THE SILENT WORLD (1956, LOUIS MALLE + JACQUES-YVES COUSTEAU) เคยมีขายในไทยในแบบวิดีโอลิขสิทธิ์ และหนังเรื่องนี้เหมาะดูควบกับ THE LIFE AQUATIC WITH STEVE ZISSOU (2004, WES ANDERSON)
http://www.imdb.com/title/tt0049518/

--THE HOURS (A+)

--ถ้าชอบการแสดงของ JULIANNE MOORE อย่าลืมหา SAFE (TODD HAYNES, A+) มาดู และอาจจะหาวีซีดีลิขสิทธิ์เรื่อง THE FORGOTTEN (2004, JOSEPH RUBEN, A) มาดูไปพลางๆด้วยได้

--ชอบประโยคต่างๆจาก THE HOURS ที่เอามาโพสท์มากเลยค่ะ

--ยังไม่ได้ฟังทั้ง ROYKSOPP และ ANNIE เลยค่ะ แต่ถ้าจำไม่ผิด หนังสือพิมพ์ “กรุงเทพธุรกิจ BIZWEEK” (อย่าจำสลับกับนสพ. “กรุงเทพธุรกิจ” เฉยๆนะคะ) ฉบับประจำวันศุกร์ที่ผ่านมา มีบทความเกี่ยวกับ ROYKSOPP ด้วย นอกจากนี้ นสพ.นี้ยังเคยแนะนำ ANNIE เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยมีคุณอาทิตย์ พรหมประสิทธิ์เป็นคนเขียนแนะนำ (ถ้าจำไม่ผิด)

--ได้ซื้อนิตยสาร SUPERSWEET เล่ม 4 ด้วย สาเหตุที่ซื้อก็มีเพียงประการเดียว นั่นก็คืออยากอ่านบทสัมภาษณ์บก. GENERATION TERRORISTS

--ในบรรดาหนังที่กำกับโดยเด็กๆที่ฉายที่ HOUSE นั้น มีเรื่องนึงที่ดิฉันชอบสุดๆเลยค่ะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่องนั้นมีชื่อเรื่องว่า “อิจฉาเพราะรวย” และมีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าแม่และนักฆ่าหญิง

--เคยดูหนังของ GIANNI AMELIO 5 เรื่อง เรียงตามลำดับความชอบได้ดังนี้

1.THE WAY WE LAUGHED หรือ COSI RIDEVANO (1998, A+) หนังเรื่องนี้มีขายในไทยในแบบวีซีดีลิขสิทธิ์ และนำเสนอความผูกพันระหว่างพี่ชายน้องชายออกมาได้อย่างซึ้งสุดๆ ดูแล้วแทบร้องไห้

ชอบโครงสร้างของหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะหนังจะเล่า “ห้วงชีวิต” ของตัวละคร เป็นปีๆไป แทนที่จะเล่าเรื่องต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โครงสร้างของหนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึง A LOT LIKE LOVE (2005, NIGEL COLE, A+) ที่นำเสนอชีวิตของตัวละครแบบกระโดดข้ามปีไปเรื่อยๆเหมือนกัน

2.THE KEYS TO THE HOUSE (2004, A+)

3.LAMERICA (1994, A)

หนังนำเสนอเรื่องราวชีวิตบัดซบของตัวละครกลุ่มหนึ่งที่พยายามเดินทางไปแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า

4.THE STOLEN CHILDREN (1992, A-)

หนังเล่าเรื่องราวความผูกพันระหว่างชายหนุ่มกับเด็กๆที่เดินทางไปด้วยกัน หนังโร้ดมูฟวี่เรื่องนี้อาจจะเหมาะดูควบกับหนังอิหร่านเรื่อง THE CHILD AND THE SOLDIER (2000, SEYYED REZA MIR-KARIMI, A-)

http://www.imdb.com/title/tt0266705/


THE CHILD AND THE SOLDIER ติดสิบอันดับหนังที่ JONATHAN ROSENBAUM ชื่นชอบที่สุดในปี 2000 ด้วย โดยอันดับของเขาในปีนั้นมีดังนี้
http://alumnus.caltech.edu/~ejohnson/critics/rosenbaum.html



5.OPEN DOORS (1990, A-)

หนังเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้พิพากษากับฆาตกร


หนังที่อาจจะเหมาะดูควบกับ OPEN DOORS ก็คือเรื่อง THE JUDGE AND THE ASSASSIN (1976, BERTRAND TAVERNIER, A-) ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้พิพากษากับฆาตกรต่อเนื่อง
http://www.imdb.com/title/tt0073219/



ตอบคุณเจ้าชายน้อย

ยังไม่ได้ดู GERRY เลยค่ะ แต่เห็นคุณเจ้าชายน้อยเขียนว่า “ผมต้องออกมาหยุดมองดูเมฆเคลื่อนไหวช้าๆ” ก็เลยนึกถึงหนังสองเรื่องที่อยากดูอย่างสุดๆค่ะ นั่นก็คือเรื่อง TEN SKIES (2004, JAMES BENNING) และ CLOUDS: LETTERS TO MY SON (2001, MARION HANSEL) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับก้อนเมฆทั้งสองเรื่อง

อ่านข้อมูลของ CLOUDS: LETTERS TO MY SON ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3016

ข้อมูลของ TEN SKIES
http://cinema.cornell.edu/Apr05/tenskies.html

อ่านบทสัมภาษณ์ JAMES BENNING ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/04/33/james_benning.html




FASSBINDER’S LIST

เนื่องจากภาพยนตร์ความยาว 15 ชั่วโมงครึ่งเรื่อง BERLIN ALEXANDERPLATZ ของ RAINER WERNER FASSBINDER กำลังจะมาฉายที่ธรรมศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 21 ส.ค. ก็เลยขอแนะนำเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ FASSBINDER ก่อนชมอภิมหาภาพยนตร์ของเขาค่ะ (ส่วนประวัติของฟาสบินเดอร์นั้นจำได้ว่านิตยสาร BIOSCOPE เคยลงไปแล้วอย่างยาวมาก ถ้าจำไม่ผิด คุณมโนธรรม เทียมเทียบรัตน์เป็นผู้เขียนบทความนั้น)
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=19837

หนัง 10 เรื่องที่ FASSBINDER ชื่นชอบที่สุดในชีวิต
http://jclarkmedia.com/fassbinder/
Luchino Visconti, The Damned (1969)
Raoul Walsh, The Naked and the Dead (1958)
Max Ophuls, Lola Montes (1955)
Michael Curtiz, Flamingo Road (1949)
Pier Paolo Pasolini, Salo, or the 120 Days of Sodom (1975)
Howard Hawks, Gentlemen Prefer Blondes (1953)
Josef von Sternberg, Agent X27 (US release title: Dishonored) (1931)
Charles Laughton, The Night of the Hunter (1955)
Nicholas Ray, Johnny Guitar (1954)
Vasili Shukshin (or Shuksin, Shukchin), Red Elderberry (Kalina Krasnaya) (1974)

อ่านประวัติของฟาสบินเดอร์เพิ่มเติมได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1880


หนังญี่ปุ่นที่อยากดูมากในตอนนี้คือเรื่อง FIRE FESTIVAL (HIMATSURI) (1984, MITSUO YANAGIMACHI) เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ออกเกย์ๆระหว่างช่างตัดฟืนที่ดูเป็นแมนอย่างมากๆๆกับเด็กหนุ่มวัยรุ่น

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/6302664837/ref=pd_sxp_f/103-9024760-6883833?v=glance&s=video


เห็นหนังสือ MINGHELLA ON MINGHELLA มีขายที่ร้านคิโนะคุนิยะ สาขาเอ็มโพเรียมด้วย

http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/0571207111/qid=1122155233/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_ur_2_1/103-9024760-6883833



หนังสือเล่มอื่นๆที่อยากซื้อมากๆที่คิโนะคุนิยะ

1.CINEMA: THE ARCHAEOLOGY OF FILM AND THE MEMORY OF A CENTURY—JEAN-LUC GODARD + YOUSSEF ISHAGHPOUR
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/1845201973/qid=1122155282/sr=1-1/ref=sr_1_1/103-9024760-6883833?v=glance&s=books


2.PROFONDO ARGENTO: THE MAN, THE MYTHS AND THE MAGIC หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ DARIO ARGENTO

http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/1903254248/qid=1122155488/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_ur_2_1/103-9024760-6883833


3.BEYOND PARADISE: THE LIFE OF RAMON NOVARRO
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/0312282311/qid=1122155559/sr=1-1/ref=sr_1_1/103-9024760-6883833?v=glance&s=books


หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตจริงของ RAMON NOVARRO (1899-1968) ดาราหนุ่มชื่อดังในอดีตที่เป็นเกย์!!!!!!

http://www.goldensilents.com/stars/ramonnovarro.html
http://www.divasthesite.com/images/NormaShearer/novarro.jpg
http://www.wolfsden3.homestead.com/files/PinUps/Male/Navarro.jpg
http://www.silentsaregolden.com/photos/ramonnovarrophoto.jpg
http://www.goldensilents.com/stars/ramonmay.jpg


หนังเกย์เรื่อง MY FIRST BOYFRIEND (A++++++++++++) จะมาเปิดฉายให้ชมฟรีที่ TK PARK ชั้น 6 ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ในวันเสาร์ที่ 13 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น.

Saturday, July 23, 2005

JESSE JAMES IS CUTE

ตอนนี้รู้สึกอิจฉา SANDRA BULLOCK อย่างมากๆ เพราะเธอเพิ่งแต่งงานกับสามีที่มีอายุน้อยกว่าเธอราว 6 ปีซึ่งเป็นคนทำธุรกิจมอเตอร์ไซค์ และมีรูปร่างหน้าตาในแบบที่ดิฉันชอบมากๆ

สามีของแซนดรา บุลล็อคมีชื่อว่า JESSE JAMES ดูรูปเขาได้ที่
http://media.popularmechanics.com/images/jesse_james-lg.jpg

http://www.cubically-contained.net/jesse/pics/enter.gif
http://dsc.discovery.com/fansites/monstergarage/photo/gallery/gallery1_hzoom.jpg

ขอแสดงความยินดีกับ BULLOCK ด้วยค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เมื่อต้นปีนี้เธอเพิ่งบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อสึนามิ และก่อนหน้านั้นเธอก็เคยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้สภากาชาดหลังเหตุการณ์ 11 ก.ย.ด้วย

รู้สึกว่าหนังเรื่อง CRASH ของแซนดรา บุลล็อคกำลังจะเข้าฉายในไทยในเร็วๆนี้ด้วยค่ะ

ดูรูปของ RYAN PHILIPPE ดารานำของ CRASH (2005) ได้ที่
http://www.blank-smile.org/scans/male/philippe5.jpg
http://www.bloggers.it/pinkangel/itcommenti/philippe_ryan10SITO.jpg
http://moumouille66601.skyblog.com/pics/85136739_small.jpg
http://www.glitter.it/modules/My_eGallery/gallery/ryan_philippe/19.jpg
http://lamiss9191.skyblog.com/pics/91014099_small.jpg

DINNER (A+)

หนังที่ได้ดูในระยะนี้

1.มื้อค่ำ (ศิวโรจน์ คงสกุล, A+)

2.นักดนตรี (อุรุพงศ์ รักษาสัตย์, A+)

ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังเกี่ยวกับนักดนตรีอีกเรื่องนึงที่ชอบมากๆๆ นั่นก็คือเรื่อง THE CHRONICLE OF ANNA MAGDALENA BACH (1968, DANIELE HUILLET + JEAN-MARIE STRAUB, A)


3.THE AUDIENCE (ทศพล บุญสินสุข, A+)

4.วันที่ยาวนาน (อุรุพงศ์ รักษาสัตย์, A+)

“วันที่ยาวนาน” มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงชราคนหนึ่ง ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงดีวีดีหนังสารคดีเรื่องหนึ่งที่อยากดูอย่างสุดขีด นั่นก็คือเรื่อง SUNSET STORY (2003, LAURA GABBERT) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงชราสองคนที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราของกลุ่มนักปฏิวัติหัวรุนแรง!!!!

http://popmatters.com/film/reviews/s/sunset-story-dvd.shtml

http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B0007M01N2/104-2378889-2775158


ส่วนหนังเกี่ยวกับคนแก่ชายที่อยากดูอย่างสุดขีดก็คือหนังสารคดีเรื่อง FIGHTER (2001, AMIR BAR-LEV) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายชราชาวเชคสองคนที่รอดชีวิตมาจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั้งสองต่างก็ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปในสงคราม แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองมีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกันก็คือผู้ชายคนหนึ่งถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของเชคโกสโลวาเกียจับขังคุกในช่วงหลังสงคราม แต่อีกคนหนึ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์

AMY TAUBIN เคยเขียนถึงหนังเรื่อง FIGHTER ไว้อย่างดีมากๆในเว็บไซท์ VILLAGE VOICE ค่ะ อ่านบทวิจารณ์ของเธอได้ที่
http://www.villagevoice.com/film/0134,taubin,27439,20.html


GERALD PEARY เคยเขียนถึง FIGHTER ด้วยเช่นกัน อ่านงานเขียนของเขาได้ที่
http://www.geraldpeary.com/reviews/def/fighter.html


5.เสือร้องไห้ (2005, สันติ แต้พานิช, A+)

6.ท่วงท่าพระจันทร์ (ภัทรศรันย์ เจนการ, A+/A)

7.Echo (วีรชาติ งามศิลป์, A+/A)

8.Box (มานุสส วรสิงห์, A+/A)

9.Stray dog (ศศิธร สกุลชัยสิริวิช, A)

10.ย้อนกลับ (ดิษพงศ์ วงศ์อร่าม, A)

11.THE ISLAND (2005, MICHAEL BAY, B+)


DESIRABLE ACTOR

เนตร อินทรีเหล็ก—เสือร้องไห้


FAVORITE SUPPORTING ACTOR/ACTRESS

ทัตเทพ ทองทาบ—รักไม่รู้จบ + สิ่งสุดท้าย


ลุค เมบลี พระเอก THE PRINCE AND ME น่ารักดี แต่ดิฉันก็ไม่ได้ติดใจมากเหมือนกัน เขาเกิดปี 1976 และเคยแสดงภาพยนตร์กับละครโทรทัศน์เรื่อง 28 Days Later, Uprising, In the Begining, Dream Team และ Holby City

http://www.agirlsworld.com/rachel/hangin-with/pix/princeluke.jpg

เอารูปของเจ้าชายตัวจริงมาให้ดูเปรียบเทียบค่ะ อันนี้เป็นรูปของเจ้าชาย FREDERIK แห่งเดนมาร์กที่เคยเสด็จมาเที่ยวเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน

http://worldroots.com/brigitte/gifs2/frederikdenmark2.jpg

อันนี้เป็นรูปของเจ้าชาย JOACHIM ที่เป็นพระอนุชาของเจ้าชาย FREDERIK
http://worldroots.com/brigitte/gifs2/joachimdenmark.jpg


คิดว่า MARTHA COOLIDGE ผู้กำกับ THE PRINCE AND ME (B-) น่าสนใจดีเหมือนกันค่ะ ดิฉันเคยประทับใจกับหนังเรื่อง RAMBLING ROSE (1991, A) ที่เธอกำกับ ลอรา เดิร์น แสดงได้ดีมากในหนังเรื่องนั้น
http://www.imdb.com/name/nm0004838/

มาร์ธา คูลิดจ์เคยกำกับหนังอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นก็คือหนังเรื่อง NOT A PRETTY PICTURE (1975) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตจริงของมาร์ธา คูลิดจ์เองที่เคยถูกข่มขืนขณะอายุ 16 ปี นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังผสมผสานหนังสารคดีกับหนังเรื่องแต่งเข้าด้วยกัน โดยนักแสดงหญิงที่มารับบทเป็น “มาร์ธา คูลิดจ์” ในหนังเรื่องนี้ ก็เคยถูกข่มขืนในชีวิตจริงด้วยเช่นกัน

(หนังอีกเรื่องหนึ่งที่มีความใกล้เคียงกับ NOT A PRETTY PICTURE ก็คือหนังเรื่อง THINGS BEHIND THE SUN (2001) ที่กำกับโดยแอลลิสัน แอนเดอร์ส และมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตจริงของแอลลิสัน แอนเดอร์สที่เคยถูกรุมข่มขืน)
http://www.imdb.com/title/tt0245501/


เห็นหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเคยลงข้อมูลเกี่ยวกับมาร์ธา คูลิดจ์ไว้ด้วยค่ะ ก็เลยก็อปปี้ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจมาให้อ่าน

ผลงานกำกับเรื่องอื่นๆของคูลิดจ์ได้แก่ The Ponder Heart, The Flamingo Rising, If These Walls Could Talk 2, Out to Sea, Three Wishes, Angie, Lost in Yonkers, Crazy in Love (1992), Bare Essentials, Trenchcoat in Paradise, Plain Clothes, Real Genius, Joy of Sex และ City Girl

Valley Girl (1983) ที่กำกับโดยคูลิดจ์ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่มาจากพื้นเพที่แตกต่างกันเช่นกัน โดยนางเอกของเรื่องนี้คือจูลี (เดบอราห์ โฟร์แมน) เธอมีแฟนหนุ่มอยู่แล้วชื่อทอมมี (ไมเคิล โบเวน) แต่ทอมมีเป็นคนที่โง่มาก ดังนั้นจูลีจึงเปลี่ยนใจไปคบหากับแรนดี (นิโคลัส เคจ) หนุ่มพังค์จากฮอลลีวู้ดที่อัธยาศัยดีและรักการผจญภัย

อย่างไรก็ดี เพื่อนๆของจูลีคิดว่าจูลีควรคบหากับชายหนุ่มที่มาจากละแวกเดียวกัน และในเวลาไม่นานจูลีก็ต้องตัดสินใจว่าเธอควรทำตามสิ่งที่หัวใจของตัวเองเรียกร้อง หรือทำตามสิ่งที่เพื่อนๆต้องการเพื่อที่ว่าตัวเองจะได้เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียนต่อไป

Valley Girl ใช้ทุนสร้างเพียง 35,000 ดอลลาร์ และมีพล็อตเรื่องบางส่วนคล้ายกับโรมีโอและจูเลียต อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์ให้ความเห็นว่า Valley Girl โดดเด่นกว่าภาพยนตร์ในทศวรรษ 1980 เรื่องอื่นๆที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงคนสองคนที่ต้องการจะอยู่ด้วยกัน ถึงแม้คนรอบข้างพร่ำบอกว่าพวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้น และพูดถึงความเจ็บปวดที่ทั้งสองได้รับจากคนรอบข้าง

โรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ชื่อดังของชิคาโก ซัน-ไทม์ส ระบุว่า Valley Girl เป็นหนึ่งในภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยรุ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเข้าใจวัยรุ่นมากที่สุดในยุคนั้น เนื่องจากคูลิดจ์ปล่อยให้ตัวละครในภาพยนตร์ของเธอมีอิสระมากพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง แทนที่จะเป็นตัวละครวัยรุ่นที่พบเห็นได้อย่างดาษดื่นทั่วไป

นักวิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า Valley Girl มีอิทธิพลในการทำให้คำสแลงบางคำในยุคนั้นกลายเป็นคำฮิตที่คนใช้กันทั่วไปจนกระทั่งคนไม่คิดว่าคำดังกล่าวเป็นคำที่แปลกหูอีกต่อไปในปัจจุบัน และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้ดนตรีนิวเวฟหลายเพลงมาเป็นเพลงประกอบ ซึ่งส่งผลให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคุณค่าอย่างมากต่อผู้ชมที่ต้องการหวนรำลึกถึงบรรยากาศยุคต้นทศวรรษ 1980

เพลงประกอบ Valley Girl รวมถึงเพลงของวงโมเดิร์น อิงลิช, สปาร์คส์, เดอะ ไซคีดีลิค เฟอร์ส และเมน แอท เวิร์ค

นอกจาก Valley Girl แล้ว ภาพยนตร์ดังอีกเรื่องของคูลิดจ์คือ Real Genius (1985) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมิทช์ (เกบ จาร์เรท) นักเรียนไฮสกูลที่ฉลาดปราดเปรื่องมาก โดยเขานำทฤษฎีเทคโนโลยีลำแสงเลเซอร์มาวิเคราะห์ใหม่และนำผลงานของเขาไปแสดงในงานโชว์ทางวิทยาศาสตร์

ศาสตราจารย์แฮธาเวย์ (วิลเลียม แอเธอร์ทัน) ซึ่งเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ชื่อดังต้องการเด็กมาช่วยงานในห้องทดลองส่วนตัว และเขาชวนให้มิทช์มาทำงานให้กับเขา และเมื่อมิทช์ได้เข้าไปในมหาวิทยาลัย เขาก็ได้รู้จักกับคริส ไนท์ (วาล คิลเมอร์) หนึ่งในนักศึกษาปี 1 ที่ฉลาดที่สุด โดยเขากับไนท์ได้พักอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่ามีบุคคลที่ 3 อยู่ในห้องนั้นด้วย โดยคนนี้ไว้เครา, ทำตัวแปลกประหลาด และชอบปรากฏตัวในลักษณะที่คล้ายกับผี อีกทั้งยังชอบหายตัวด้วยการเดินเข้าไปในตู้เสื้อผ้า

ไนท์และมิทช์ไม่รู้ความจริงที่ว่าแฮธาเวย์ทำสัญญาลับกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เลเซอร์ที่สามารถยิงจากอวกาศลงมายังพื้นโลกเพื่อเผาร่างมนุษย์บนโลกได้อย่างแม่นยำ และแฮธาเวย์ใช้นักศึกษาของเขาทำงานในโครงการนี้ ส่วนตัวเองก็นำเงินที่ได้จากรัฐบาลไปสร้างบ้านใหม่

Real Genius ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์และรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม (จาร์เรท) จากเทศกาลภาพยนนตร์ปารีส


SENSES OF CINEMA ลงบทความใหม่ๆที่น่าสนใจไว้ด้วยค่ะ ซึ่งรวมถึง

1.MICHAEL BRYNNTRUP
http://www.imdb.com/name/nm0117428/
http://www.brynntrup.de/

ไมเคิล บรินน์ทรุปเป็นผู้กำกับหนังเกย์ชาวเยอรมันที่เคยมาเยือนกรุงเทพในช่วงราวเดือนธ.ค.ปี 2001 เพราะมีการจัดงาน RETROSPECTIVE หนังของเขาที่กรุงเทพในตอนนั้น

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับไมเคิล บรินน์ทรุปก็คือว่า เขามักได้ทุนในการกำกับหนังเกย์จาก “รัฐบาล” ของรัฐต่างๆในเยอรมนี

เมื่อปีที่แล้วก็ได้ข่าวว่าโรซ่า วอน เพราน์ไฮม์ ได้ทุนในการกำกับ “หนังเกี่ยวกับเกย์ที่เป็นฆาตกรโรคจิต” จากรัฐบาลของบางรัฐในเยอรมนีเหมือนกัน

อ่านบทความเกี่ยวกับไมเคิล บรินน์ทรุปได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/36/michael_brynntrup.html


หนังของไมเคิล บรินน์ทรุปที่เคยมาฉายในกรุงเทพ (ถ้าจำไม่ผิด)

1.1 THE HIERONYMUS – DEATH DANCE 6 (1989, A+)

1.2 AIDE MEMOIRE – GAY DOCUMENT FOR REMEMBERING (1995, A)

1.3 THE STATICS – ENGINEERING MEMORY BRIDGES (1990, A)

1.4 ACHTUNG (2001, A)

1.5 ALL YOU CAN EAT (1993, A)

1.6 NY ‘NY ‘N WHY NOT (1999, B+)

1.7 LOVE, JEALOUSY AND REVENGE (1991, B+)


2.THE INTRUDER ของ CLAIRE DENIS
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/36/intrus.html


3.บทวิจารณ์หนังสือ ANDY WARHOL’S BLOW JOB ที่เขียนโดย ROY GRUNDMANN

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/1566399726/qid=1122066861/sr=8-1/ref=sr_8_xs_ap_i1_xgl14/104-2378889-2775158?v=glance&s=books&n=507846

http://www.sensesofcinema.com/contents/books/05/36/blow_job.html


4.A CANTERBURY TALE (1944, MICHAEL POWELL + EMERIC PRESSBURGER, A+)
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/05/36/canterbury_tale.html

Friday, July 22, 2005

OLAF LUBASZENKO

--ชอบ CURSED (A) มากเลยค่ะ แต่นั่นคงเป็นเพราะว่าชอบหนังทำนองนี้อยู่แล้ว แถมยังมีประเด็นเกย์อีก อย่างไรก็ดี รู้สึกเหมือนกันว่าหนังไม่ค่อยมีข้อดีที่เห็นได้ชัดเท่าไหร่ แถมยังดู clich e ด้วย แต่โดยรวมๆแล้วขณะที่ดูก็รู้สึกมีความสุขกับหนังเรื่องนี้มาก

--ชอบฉากลานจอดรถมากๆเหมือนกันค่ะ

หนังมนุษย์หมาป่าที่น่าสนใจ
1.GINGER SNAPS (2000, JOHN FAWCETT, A) http://www.imdb.com/title/tt0210070/
2.“คนหอนคืนโหด” (1981, JOHN LANDIS, A-) http://www.imdb.com/title/tt0082010/
3.WOLF (1994, MIKE NICHOLS, A-) http://www.imdb.com/title/tt0111742/

--แบร์นฮาร์ด วิคกีได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง PARIS, TEXAS (1984, WIM WENDERS, A+) ด้วย โดยรับบทเป็นตัวละครชื่อ DR. ULMER


--OLAF LUBASZENKO พระเอกหนังเรื่อง A SHORT FILM ABOUT LOVE (A+) น่ารักดีค่ะ ดูรูปของเขาได้ที่

http://www.filmkultura.hu/2003/articles/films/images/szerencsel/szerencsel03.jpg


LUBASZENKO เกิดปี 1968 หนังที่เขาแสดงเคยมาเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งรวมถึงเรื่อง
http://www.imdb.com/name/nm0523821/

1.SCHINDLER’S LIST (A+)

2.EDGES OF THE LORD (2001, YUREK BOGAYEVICZ, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0245090/

3.LES AMOUREUX (1994, CATHERINE CORSINI, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0109110/

Pascal Cervo ดาราหนุ่มฝรั่งเศสที่น่ารักสุดๆร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย
http://pascalcervo.free.fr/images/cervo_denis.jpg
http://pascalcervo.free.fr/images.html

4.THERE AND BACK (2002, WOJCIECH WOJCIK, B)
http://www.imdb.com/title/tt0338481/

5.KILER (1997, JULIUSZ MACHULSKI, B-)
http://www.imdb.com/title/tt0127626/

LUBASZENKO รับบทเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้นในหนังฮาๆปนแอคชันเรื่องนี้ ในขณะที่ JERZY STUHR พระเอกของ THREE COLORS: WHITE (B+) รับบทนำบทนึงในเรื่อง


เคยดูหนังเรื่อง LOVE STORIES (1997, A+) ที่กำกับและนำแสดงโดย JERZY STUHR ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ JERZY STUHR แสดงเป็นตัวละครหลายตัวด้วยกันในหนังเรื่อง นี้

--ชอบฉากสุดท้ายของชาร์ลอทท์ แรมพลิงใน THE KEYS TO THE HOUSE (A+) มากๆเหมือนกันค่ะ

--ฉากที่ชอบมากในเรื่องนี้คือฉากที่เด็กฝึกเดินจนเหน็ดเหนื่อย แต่นักบำบัดก็สั่งให้เด็กเดินต่อไป


หนังที่ได้ดูระหว่างวันที่ 14-21 ก.ค.

1.ห้ามอุ่นไข่ในไมโครเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม! (ทศพล บุญสินสุข, A+)

2.GRAY SCALE (ดำรง หอดำรง, A+)

3.สีดา? (สันติภาพ อินกองงาม, A+)

4.THE MACHINIST (2004, BRAD ANDERSON, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0361862/

5.THE KEYS TO THE HOUSE (2004, GIANNI AMELIO, A+)

6.จักรยานลานนา (อุรุพงศ์ รักษาสัตย์, A+)
http://www.thaifilm.com/shortFilmDetail.asp?id=20

7.CHICKEN SMILE (ทศพล บุญสินสุข, A+)

8.BLIND SPOT (ศุภฤกษ์ คณิตวรานันท์, A+)

9.CHURCHILL: THE HOLLYWOOD YEARS (2004, PETER RICHARDSON, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0359078/

นี่คือหนังที่จงใจล้อ CLICH E ทุกอย่างในหนังฮอลลีวู้ด

10.TORA-SAN: TORA-SAN MY UNCLE (1990, YAMADA YOJI, B)

11.TORA-SAN: TORA-SAN’S FORBIDDEN LOVE (1984, YAMADA YOJI, B/B-)

12.THE LONGEST YARD (2005, PETER SEGAL, B/B-)

13.พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า B- (แต่ชอบฉากแผ่นเสียงตกร่องในหนังเรื่องนี้ในระดับ A+)


หนังที่ดูทางเคเบิลทีวี

1.THE MISSING (2003, RON HOWARD, A)
2.BLUE CRUSH (2002, JOHN STOCKWELL, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0300532/

ละครเวที
กุหลาบสีเลือด A+


MOST DESIRABLE ACTOR

1.KIM ROSSI STUART—THE KEYS TO THE HOUSE
2.AARON ECKHART—THE MISSING
3.MATTHEW DAVIS—BLUE CRUSH
http://www.agirlsworld.com/rachel/hangin-with/mattdavis.html
http://www.agirlsworld.com/rachel/hangin-with/pix/mattdavis2.jpg
http://www.imdb.com/name/nm0205127/
http://www.celebrity-ltd.com/cgi-bin/search/search.cgi?keywords=matthew%20davis&imgstart=1&imgsearch=1
4.CHRIS TALOA—BLUE CRUSH
5.กลุ่มนักแสดงในหนังเรื่อง MY GUITAR



FAVORITE ACTOR

CHRISTIAN BALE—THE MACHINIST



FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

1.CHARLOTTE RAMPLING—THE KEYS TO THE HOUSE
2.AITANA SANCHEZ-GIJON—THE MACHINIST
3.JENNIFER JASON LEIGH—THE MACHINIST
4.ANNA MASSEY—THE MACHINIST
5.CLORIS LEACHMAN—THE LONGEST YARD



FAVORITE SUPPORTING ACTOR

1.JOHN SHARIAN—THE MACHINIST
2.SIR ANTONY SHER—CHURCHILL: THE HOLLYWOOD YEARS

SIR ANTONY SHER รับบทเป็นฮิตเลอร์ในหนังเรื่องนี้ แต่ในชีวิตจริงนั้น เขาเพิ่งแสดงละครเวทีโดยรับบทเป็น PRIMO LEVI นักประพันธ์ชื่อดังชาวอิตาลีที่เคยถูกจับเข้าค่ายกักกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ชีวิตของ PRIMO LEVI ช่วงหลังสงครามโลกเคยถูก FRANCESCO ROSI นำไปสร้างเป็นหนังเรื่อง THE TRUCE (A-))

SIR ANTONY SHER เป็นเกย์

3.HARRY ENFIELD—CHURCHILL: THE HOLLYWOOD YEARS (เขารับบทเป็นกษัตริย์จอร์จที่ 5 ในเรื่องนี้)


FAVORITE CINEMATOGRAPHY
XAVI GIMENEZ + CHARLIE JIMINEZ—THE MACHINIST


FAVORITE SONG

MYSELF KAZE NI NARITAI ร้องโดย HIDEAKI TOKUNAGA ในหนัง TORA-SAN MY UNCLE (1990)

Monday, July 18, 2005

berlin alexanderplatz

MR.FILMHERALD ได้แจ้งข่าวไว้ในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ว่าจะมีหนังเรื่อง BERLIN ALEXANDERPLATZ มาฉายในกรุงเทพในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ค่ะ หนังเรื่องนี้กำกับโดย RAINER WERNER FASSBINDER ซึ่งเป็นเกย์

ข้อมูลข้างล่างนี้มาจากกระทู้นี้ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=19837

Berlin Alexanderplatz ภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่องยิ่งใหญ่ของ Rainer Werner Fassbinder สร้างจากนิยายชื่อดังของ Alfred Doblin ที่เพิ่งจะได้รับการ คัดเลือกให้เป็น หนึ่งในร้อยหนังสือที่ดีที่สุดในโลก (จากการ vote ของนักเขียนนานาประเทศทั่วโลก)โดย Fassbinder ได้ตีความงานชิ้นนี้ในมุมมองแบบรักร่วมเพศ!!! หนังเรื่องนี้เคยฉายทางโทรทัศน์ก่อนที่จะได้ลงโรง (แบบเดียวกับหนัง Heimat ของ Edgar Reitz) รวมความยาวหนังทั้งหมด 15 ชั่วโมงเต็มๆ !!! ยิ่งใหญ่กว่า Lord of the Ring สามภาครวมกันซะอีกครับ!

สำหรับกำหนดการฉายก็ดังนี้
อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม เวลา 12.00-18.00 ฉายตอนที่ 1-5
อาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม เวลา 12.00-18.00 ฉายตอนที่ 6-10
อาทิตย์ที่ 4 กันยายน เวลา 12.00-18.00 ฉายตอนที่ 11-13

สถานที่ก็ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เจ้าเก่าครับ ชมฟรีเช่นเคยถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ จะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งนะครับขอย้ำว่างานนี้พลาดแล้วอาจพลาดเลย เพราะหนังยังไม่มีการผลิตเป็น DVD ไม่ว่าที่ใดในโลก!!! ใครอยากดู ก็เตรียมเคลียร์คิวเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เลยนะครับ!

(ข้อมูลข้างล่างนี้มาจากคุณ NEW YORK, NEW YORK)

มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Berlin Alexanderplatz ครับ

1. มันคือหนังทีวีเยอรมันที่ลงทุนสูงที่สุดในเวลานั้น ด้วยทุนสร้างสูงถึง 13 ล้านมาร์ค และเป็นการร่วมสร้างของสองสถานีโทรทัศน์เยอรมัน และหนึ่งสถานีโทรทัศน์อิตาเลี่ยน และที่สำคัญคือหนังทั้งซีรี่ส์ถ่ายทำด้วยฟิล์มหนัง 35 มม. ซึ่งต่างจากหนังทีวีปกติทั่วไป อันที่จริง ฟาสบินเดอร์มีแผนจะทำเป็นหนังใหญ่อีกต่างหาก แต่ไม่มีทุนสร้างพอ

2. หนังเรื่องนี้เป็นโปรเจ็คท์ในฝันของ ฟาสบินเดอร์มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัยรุ่น หลายเสียงที่ได้ชมหนังตีความกันว่านี่คือการตีความชีวิตของ อัลเฟรด เดิบบลิน ที่ผ่านร่างทรงของฟาสบินเดอร์ และตัวละครนี้เป็นตัวละครที่แยกไม่ออกจากชีวิตจริงขิงฟาสบินเดอร์เลย

3. ตั้งแต่หนังยังไม่ทันออกฉาย สื่อมวลชนก็ลงข่าวโหมโจมตีผู้กำกับฟาสบินเดอร์ที่บังอาจมาจับหนังสือคลาสสิคเล่มนี้ โดยที่สื่อมวลชนมุ่งความสนใจไปที่การนำเสนอภาพบางฉากที่เกี่ยวกับครอบครัวพระเยซูในสภาพเปลือย และแทนที่นิตยสารจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาของหนัง ภาพประชาสัมพันธ์หนังส่วนใหญ่กลับเป็นภาพเซ็กส์ ภาพความรุนแรง และภาพจากกองถ่ายที่เน้นภาพมือของผู้กำกับฟาสบินเดอร์ที่ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเป้ากางเกงของตัวเอง ดังนั้นก่อนที่หนังจะถึงสายตาผู้ชม หนังก็ได้กลายเป็นหนังอื้อฉาวไปเสียแล้ว

4. องค์การศาสนาแคทอลิกออกประโคมข่าวโจมตีกว่า 6 เดือนเพื่อสั่งให้สถานีโทรทัศน์หยุดแพร่ภาพรายการนี้

5. จดหมายจากกลุ่มแม่บ้านเขียนเข้าไปต่อว่าทางสถานีโทรทัศน์มากมาย

6. แม้ว่าจะมีกลุ่มเสียงชมจากบางสำนักวิจารณ์ แต่กลุ่มที่ก่นด่ามีจำนวนมากกว่า ในจำนวนที่ด่ามากที่สุดคือกลุ่มแม่บ้านและคนชนชั้นงาน (ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เรื่องราวของหนังฟาสบินเดอร์หลายเรื่องมักไปเกี่ยวข้อง)

7. เพราะเสียงต่อต้านหนังค่อย ๆ ถูกร่นเวลาฉายจากเวลาเดิม 2 ทุ่มครึ่งไปเป็น สามทุ่มครึ่งและจบลงประมาณห้าทุ่มครึ่ง หลายคนที่ต้องเดินทางไปทำงานในวันรุ่งขึ้นไม่มีโอกาสได้ชมรายการนี้ และมักจะได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับตัวรายการมากกว่าได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง

8. ลิขสิทธิ์หนังถูกขายไปให้ประเทศต่าง ๆ เช่น สวีเดน เดนมาร์ค ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ยูโกสลาเวีย ยกเว้นแต่ ออสเตรีย (ที่ใช้ภาษาเยอรมัน) ด้วยเหตุว่าหนังมีฉากล่อแหลมทางเพศขัดกับกฎหมายของประเทศออสเตรีย ต่อมาหนังได้ไปฉายในเทศกาลหนังที่อังกฤษและอเมริกา และได้ออกฉายซ้ำในสถานีโทรทัศน์อเมริกันท้องถิ่นในบางรัฐ

9. นอกจากตัวนิยายจะเป็นหนึ่งในหนังสือคลาสสิกของมรดกวรรณกรรมตะวันตก มันยังติด หนึ่งใน 100 จากการจัดตำแหน่งนิยายอมตะของโลกอีกด้วย และหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นงานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่งของฟาสบินเดอร์ ผู้ตายก่อนวัยอันควร

http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/02/fassbinder.html


http://images.amazon.com/images/P/0826414877.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

http://images.amazon.com/images/P/8423326810.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


--ดิฉันชอบดาราหญิง 3 คนใน BERLIN ALEXANDERPLATZ มากเลยค่ะ ซึ่งก็คือ

1.HANNA SCHYGULLA ดาราหญิงขาประจำของฟาสบินเดอร์ ที่เคยฝากฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของเธอไว้ใน THE BITTER TEARS OF PETRA VON KANT (1972, A), LILI MARLEEN (1981, A-), THE MARRIAGE OF MARIA BRAUN (1979, A+) และ WERCKMEISTER HARMONIES (2000, BELA TARR)
http://www.imdb.com/name/nm0778016/

http://www.filmportal.de/public/pics/IEPics/30/A22A478BA28E4E20A356A4E61A79C406_Schygullax_Hanna_05.jpg

2.BRIGITTE MIRA คุณป้าที่มักเล่นหนังให้ฟาสบินเดอร์เป็นประจำ ผลงานการแสดงของเธอที่ลืมไม่ลงก็คือหนังเรื่อง ALI: FEAR EATS THE SOUL (1974, A) ที่เธอหลงรักหนุ่มผิวดำรุ่นลูก และเรื่อง MOTHER KUSTERS GOES TO HEAVEN(1975, A) ที่เธอรับบทเป็นหญิงชนชั้นแรงงานที่มีเรื่องตบตีกับนายทุน และถูกกลุ่มคอมมิวนิสต์กับกลุ่ม ANARCHIST พยายามใช้เป็นเครื่องมือ
http://www.imdb.com/name/nm0591930/
http://dvdtoile.com/ARTISTES/9/9969.jpg


3.ELISABETH TRISSENAAR
http://www.imdb.com/name/nm0873142/

ดิฉันประทับใจกับการแสดงของดาราหญิงชาวออสเตรียคนนี้มากๆจากหนังเรื่อง CHARLOTTE S. (1981, FRANS WEISZ, A-) ที่เธอรับบทเป็นแม่เลี้ยงผู้ใจบุญของนางเอก นอกจากนี้ เธอยังเล่นได้ดีมากๆในหนังเรื่อง

3.1 ANGRY HARVEST (1986, AGNIESZKA HOLLAND, A+)

3.2 THE STATIONMASTER’S WIFE (1977, FASSBINDER, B+)


SUSAN SONTAG ผู้หญิงที่ดิฉันชอบมากๆ เคยเขียนถึงหนังเรื่อง BERLIN ALEXANDERPLATZ ไว้ในหนังสือชื่อ WHERE THE STRESS FALLS ด้วยค่ะ ดิฉันเห็นหนังสือเล่มนี้เคยมีขายที่ร้านคิโนะคุนิยะ สาขาเอ็มโพเรียม แต่ไม่รู้ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า

ดูข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ WHERE THE STRESS FALLS ของ SUSAN SONTAG ได้ที่
http://www.powells.com/biblio?isbn=0312421311

อย่างไรก็ดี ถ้าเข้าใจไม่ผิด JONATHAN ROSENBAUM นักวิจารณ์หนังที่ดิฉันชอบมากๆคนนึงไม่ค่อยชอบบทวิจารณ์ BERLIN ALEXANDERPLATZ ของ SUSAN SONTAG เท่าไหร่ อ่านเกี่ยวกับความเห็นของ ROSENBAUM ที่มีต่อเรื่องนี้ได้ที่
http://www.synoptique.ca/core/en/articles/rosenbaum/


ก่อนที่ SUSAN SONTAG จะเสียชีวิต เธอเคยสัมภาษณ์ HANNA SCHYGULLA เกี่ยวกับหนังเรื่อง BERLIN ALEXANDERPLATZ ด้วยค่ะ อ่านบทสัมภาษณ์นี้ฉบับเต็มๆได้ในเว็บไซท์ของ VILLAGE VOICE
http://www.villagevoice.com/film/0309,sontag,42133,20.html

Sunday, July 17, 2005

BECKET

--ลืมบอกไปว่า CHANTAL AKERMAN ผู้กำกับหนังเรื่อง SUD เป็นเลสเบียน

--เห็นคุณ porky บอกไว้ในหน้า 59 ว่าชอบ JONATHAN RHYS MEYERS พระเอกหนังเรื่อง VELVET GOLDMINE (1998, TODD HAYNES, A+) ดิฉันก็อยากบอกว่าดิฉันชอบเขามากๆๆๆเหมือนกันค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm0001667/
http://www.highwaygirl.com/archive/cosmo2.jpg

ผลงานหนังเรื่องนึงของ JONATHAN RHYS MEYERS ที่ดิฉันอยากดูมากคือเรื่อง THE LION IN WINTER (2003, ANDREI KONCHALOVSKY, 153 นาที)
http://www.imdb.com/title/tt0319754/

สาเหตุที่อยากดูหนังเรื่องนี้เป็นเพราะว่า

1.GLENN CLOSE นำแสดงในหนังเรื่องนี้

2.ชอบเวอร์ชันเก่าของหนังเรื่องนี้มาก เวอร์ชันเก่าสร้างในปี 1968 และเป็นผลงานการกำกับของ ANTHONY HARVEY
http://www.imdb.com/title/tt0063227/

3.สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชอบ THE LION IN WINTER (1968, A+) มากเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ โดยมี ANTHONY HOPKINS (รับบทเป็นเจ้าชายริชาร์ด) กับ TIMOTHY DALTON (รับบทเป็นกษัตริย์ฟิลิปแห่งฝรั่งเศส) เล่นเป็นคู่เกย์กัน

4.JONATHAN RHYS-MEYERS รับบทเป็นกษัตริย์ฟิลิปรูปงามในเวอร์ชันใหม่ และมี ANDREW HOWARD รับบทเป็นเจ้าชายริชาร์ดในเวอร์ชันใหม่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าในเวอร์ชันใหม่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์มากเท่าเวอร์ชันเก่าหรือเปล่า

5.ANDREI KONCHALOVSKY ผู้กำกับเวอร์ชันใหม่ เคยกำกับหนังสองเรื่องที่ดิฉันชอบพอสมควร ซึ่งก็คือ MARIA'S LOVERS (1984, A) และ RUNAWAY TRAIN (1985, A)
http://www.imdb.com/name/nm0464846/

เกร็ดเกี่ยวกับตัวละครใน THE LION IN WINTER
--ตัวละครสำคัญในหนังเรื่องนี้คือกษัตริย์เฮนรี่ที่สองของอังกฤษ (ซึ่งรับบทโดย PATRICK STEWART ในเวอร์ชันใหม่) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เป็นตัวละครในหนังเรื่อง BECKET (1964, PETER GLENVILLE) ด้วยเหมือนกัน โดยมี PETER O'TOOLE รับบทเป็นกษัตริย์เฮนรี่ที่สองทั้งใน BECKET และใน THE LION IN WINTER (1968)
http://www.imdb.com/title/tt0057877/

หนังเรื่อง BECKET เป็นหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มากมายหลายสาขา และมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์เฮนรี่ที่สองกับพระสหายชายหนุ่มชื่อโธมัส เบคเกต (รับบทโดย RICHARD BURTON) ทั้งนี้ ถึงแม้ตัวละครทั้งสองคนนี้จะดูเหมือนเป็น HETEROSEXUAL แต่หนังเรื่อง BECKET ก็นำเสนอความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนนี้ในแง่ก้ำกึ่งอย่างมากๆว่าทั้งสองอาจจะมีความชอบพอซึ่งกันและกันอยู่ภายในใจในระดับที่มากกว่าเพื่อน เรียกได้ว่าหนังเรื่อง BECKET เป็นหนัง "แอบเกย์" รุ่นแรกๆที่โด่งดังมากเรื่องนึงของฮอลลีวู้ด

รูปของ RICHARD BURTON
http://www.vnn.vn/dataimages/original/images128847_Richard_Burton.jpg

BECKET เต็มไปด้วยประโยคสนทนาที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น

1.King Henry II: Your body, madam, was a desert that duty forced me to wander in alone. But you have never been a wife to me!

2.จักรพรรดินีมาทิลดาทรงพูดถึงความหมกมุ่นของกษัตริย์เฮนรีที่สองที่มีต่อพระสหายหนุ่มว่า
Empress Matilda : You have an obsession about him that is unhealthy and unnatural!

http://images.amazon.com/images/P/6300198731.01.LZZZZZZZ.jpg

THE WHITE SOUND

นสพ.ผู้จัดการฉบับวันเสาร์ที่ 16 ก.ค. ลงข่าวที่น่าสนใจไว้ในคอลัมน์ “เมืองปากโป้ง” ในฉบับแถม METROLIFE ค่ะ ข่าวนี้เขียนโดย “ปาปลาร้าซี่” โดยอยู่ที่หน้า 31 ของ METROLIFE

เนื้อข่าวมีว่าดังนี้

“ตะลึง! กันทั้งเมืองกับ 2 หนุ่ม ที่ตกเป็นข่าวแต๋วจ๋าสาวแตกกันทั้งคู่ ระหว่างนักร้องหนุ่มเสียงดีจากบ้านอคาเดมี “อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์” และพระเอกหนุ่มผิวเข้ม “โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์” ที่งานนี้ก็มีข่าวเมาท์เล็ดลอดออกมาจากตึกแกรมมี่ว่าทั้งคู่กำลังกิ๊กกันอยู่ โอ้ว แถมพระเอกหนุ่มก็ยังเคยให้สัมภาษณ์ประมาณว่าปลื้มอ๊อฟสุดๆ แต่ไหงได้วันก่อน “ปาปลาร้าซี่” เจออ๊อฟในงานเปิดตัวหนังสือเล่มหนึ่ง เห็นเดินคนเดียว เลยได้ที่เข้าไปสอบสวน เอ๊ย! ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของนักร้องหนุ่ม ซึ่งเขาบอกว่าไม่มีอะร้าย อะไรในกอไผ่หรอกฮ่ะ แค่เคยรู้จัก ทำงานด้วยกัน และปลื้มผลงานของกันและกันเท่านั้น! “ปาปลาร้าซี่” ถามจบ เลยนึกขึ้นได้ว่า ความแปลก! แปร่งๆ อย่างนี้คงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องจริง เอาเป็นว่าความรักไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีข่าวดี แจกการ์ดเมื่อไหร่ก็บอกกันบ้างนะจ๊ะ จะได้เลี้ยงฉลองความสุขด้วยคน 555”


ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยค่ะ แต่บางทีก็ได้ไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังบางเรื่องในเว็บบอร์ด bioscope อยู่บ้าง ล่าสุดก็ไปโพสท์ไว้ที่กระทู้นี้ค่ะ

http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=19753

นสพ.โพสท์ทูเดย์ ฉบับวันเสาร์ที่ 16 ก.ค. ลงบทวิจารณ์หนังเกย์เรื่อง THE EVENT (2003, THOM FITZGERALD) ด้วยค่ะ บทวิจารณ์เขียนโดยคุณปิ่นอนงค์ วัชรปาณ
http://www.imdb.com/title/tt0314039/



ดิฉันเคยชอบ CHRIS EVANS อย่างมากๆเลยค่ะจากหนังเรื่อง CELLULAR (2004, DAVID R. ELLIS, A) ตอนนี้ก็อยากหาหนังเก่าของเขาเรื่อง THE PERFECT SCORE มาดูเหมือนกัน เพราะเห็นว่าเขาเล่นคู่กับสการ์เลทท์ โยฮันสันในหนังเรื่องนี้ด้วย

THE PERFECT SCORE

(ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ เสาร์สวัสดี เมื่อราวเดือนเม.ย.ปี 2004)


ภาพยนตร์เรื่อง The Perfect Score ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความพยายามโกงข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเปิดฉายในสหรัฐแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2004 โดยมีสการ์เลทท์ โยฮันสัน นางเอกภาพยนตร์เรื่อง Lost in Translation และ Girl with a Pearl Earring นำแสดง ในขณะที่ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้เรื่อง Marathon ก็เปิดฉายในสหรัฐในช่วงนี้เช่นกัน

The Perfect Score เดินเรื่องเกี่ยวกับนักเรียนไฮสกูลกลุ่มหนึ่งที่พยายามขโมยคำตอบของข้อสอบ SAT ที่ใช้ในการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยผู้นำของวัยรุ่นกลุ่มนี้คือไคล์ (คริส อีแวนส์) ชายหนุ่มที่ต้องการจะเป็นสถาปนิกและเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยคอร์แนล โดยเขาต้องการทำคะแนน SAT ให้ได้ถึง 1,430 คะแนน แต่เขายังคงทำคะแนนได้เพียง 1,020

ไคล์ดึงตัวฟรานเซสก้า (โยฮันสัน) ซึ่งเป็นเด็กหัวขบถประจำห้องมาร่วมงานนี้ด้วย เนื่องจากพ่อของฟรานเซสก้าทำงานในสำนักงานใหญ่ของ SAT ดังนั้นเธอจึงอาจช่วยให้เขาเข้าไปในสำนักงานใหญ่ได้ อย่างไรก็ดี ตัวฟรานเซสกาเองนั้นไม่ได้จริงจังกับเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยมากนัก

ลูกทีมของไคล์ประกอบด้วยเดสมอนด์ (ดาริอุส ไมล์ส) นักบาสเกตบอลชื่อดัง โดยแม่ของเดสมอนด์ต้องการให้ลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมากกว่าจะไปลงแข่งขัน NBA ดังนั้นเดสมอนด์จึงจำเป็นต้องทำคะแนนให้ได้ดี, แอนนา (เอริกา คริสเตนเซน) สาวหัวดีที่เข้าร่วมในแผนการนี้เพื่อความสนุกสนาน, แมทตี (ไบรอัน กรีนเบิร์ก) เพื่อนสนิทของไคล์ โดยแมทตีไม่ได้หวังที่จะได้คะแนนสูงมากนัก แต่เขาต้องการทำคะแนนให้ดีพอเพื่อจะได้ไปเรียนในมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์พร้อมกับแฟนสาวของเขา และรอย (ลีโอนาร์โด นาม) วัยรุ่นที่ชอบเสพยาเสพติดที่เข้าร่วมในแผนด้วย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้รับจากการทำตามแผนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ เพราะแต่ละคนในกลุ่มต่างก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง, เพื่อนๆของพวกเขา และได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตมากกว่าได้รู้คำตอบของข้อสอบ

The Perfect Score ได้เรท PG-13 (ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีควรมีผู้ปกครองมาชมด้วย) เนื่องจากมีการใช้ภาษาไม่เหมาะสม, มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ และมีการพาดพิงถึงยาเสพติด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ในสหรัฐไปแล้วกว่า 10 ล้านดอลลาร์

The Perfect Score กำกับโดยไบรอัน ร็อบบินส์ ซึ่งมีอายุ 40 ปี โดยก่อนหน้านี้เขาเคยกำกับเรื่อง Close to Home, Hard Ball, Ready to Rumble, Varsity Blues, Good Burger และ The Show

คริส อีแวนส์เกิดปี 1981 และเคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง Saved!, Exposed, The Paper Boy, Eastwick, Not Another Teen Movie และ The Newcomers

http://eur.yimg.com/i/xp/premier_photo/d/d0992b26a9.jpg



MY NAME IS RACHEL CORRIE
http://tinypic.com/2m041j
http://www.guardian.co.uk/arts/features/story/0,11710,1454963,00.html



--ขำ FANTASTIC FOUR ที่มีสาวๆถามตัวละครในเรื่องว่า “คนคนนั้นเขายืดอวัยวะใดก็ได้ของตัวเองให้ยาวได้ตามใจชอบใช่ไหมคะ”

--ชอบ LAW OF DESIRE (A+/A) มากๆเลยค่ะ ฉากที่ชอบมากในเรื่องนี้คือฉากช่วงเปิดเรื่อง โดยเฉพาะตอนที่คาร์เมน เมาราโผล่ออกมาจากม่าน และฉากที่คาร์เมน เมาราแสดงละครเวที



ตอนนี้มีหนังของ DANIEL BRUEHL ที่อยากดูหลายเรื่องเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่อง LOVE IN THOUGHTS ที่เขาประกบคู่กับหนุ่มน่ารัก AUGUST DIEHL และมีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ และหนังเรื่อง THE WHITE SOUND

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเคยลงข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE WHITE SOUND ที่นำแสดงโดย DANIEL BRUEHL ไว้ด้วยค่ะ ก็เลยก็อปปี้ข้อมูลมาให้อ่าน


ก่อนหน้าการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Edukators (B+) ฮันส์ ไวน์การ์ทเนอร์และดาเนียล บรูล เคยร่วมงานกันมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง The White Sound โดยบรูลได้รับรางวัลเยอรมัน ฟิล์ม อวอร์ด สาขาดารานำชายในปี 2002 จากเรื่องนี้

ในเรื่อง The White Sound บรูลรับบทเป็นลูคัส ชายหนุ่มที่เป็นโรคจิตเภทและมักก่อปัญหาวุ่นวาย เขาย้ายมาอยู่ที่เมืองโคโลญจ์เพื่ออาศัยอยู่ในแฟลตของคัทยา ซึ่งเป็นพี่สาวของเขา (อนาเบลล์ ลาชัทเทอ) และโจเคน (แพทริค โยสวิก) ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาว และทั้งสามก็ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานด้วยกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งลูคัสตัดสินใจเลิกเรียนมหาวิทยาลัยในวันแรกเพียงเพราะเขาหาสำนักทะเบียนไม่พบ และเขายังพบปัญหาขณะออกเดทอีกด้วย เขาเริ่มก่อเรื่องยุ่งยากมากมาย และทำให้คัทยารู้สึกเหนื่อยหน่ายที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้เขา ซึ่งลูคัสคิดว่าโลกทั้งโลกพยายามกลั่นแกล้งเขา และความพยายามครั้งสุดท้ายของคัทยาในการช่วยเหลือเขาก็ประสบกับความล้มเหลวเมื่อลูคัสตัดสินใจโดดลงแม่น้ำ

ลูคัสได้รับความช่วยเหลือจากชายพเนจร และลูคัสก็ได้เรียนรู้กับชีวิตแบบใหม่ขณะที่เขาติดสอยห้อยตามชายพเนจรคนนี้ เขาพบว่าสังคมของคนพเนจรมีแบบแผนที่แตกต่างจากสังคมของคนทั่วไป และสังคมใหม่นี้ไม่คาดหวังที่จะเห็นเขาประพฤติตัวเป็นคนปกติ สังคมนี้ยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็นและในแบบที่เขาต้องการจะเป็น ดังนั้นเขาจึงติดตามคนกลุ่มนี้ในการเดินทางลงใต้ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของลูคัสมักทำให้คนอื่นๆในกลุ่มตกอยู่ในอันตราย

จุดเด่นของ The White Sound คือการที่ตัวละครหลักของเรื่องต้องเผชิญกับปัญหาที่ร้ายแรงในชีวิตแต่ก็ไม่รู้สึกสิ้นหวัง ตัวละครเหล่านี้ลุกขึ้นสู้กับปัญหาในชีวิตและพยายามคิดหากลวิธีต่างๆที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จและมีชีวิตอยู่ต่อไป

ดาเนียล บรูลซึ่งเกิดปี 1978 เปิดเผยว่าการเตรียมรับบทใน The White Sound "ถือเป็นการเตรียมตัวที่รุนแรงและหนักหนาสาหัสที่สุด เพราะผมยืนยันว่าผมต้องได้รู้จักกับคนที่เป็นโรคจิตเภทจริงๆก่อนจะแสดง นั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องแสดงอะไรที่ซ้ำซากเหมือนกับคนอื่นๆ เป็นเรื่องดีที่ผมได้รับบทที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ แต่คงเป็นเรื่องที่น่าละอายมากถ้าผมจะเล่นออกมาแย่"

ในระหว่างที่บรูลศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับบทนี้ เขาก็ได้พบกับชายหนุ่มชื่อมาร์คที่ป่วยเป็นโรคจิตเภทและสามารถพูดคุยกับบรูลเกี่ยวกับอาการของเขา ซึ่งบรูลเล่าว่า "หลังจากนั้นผมก็ตัดตัวเองออกจากทุกสิ่งทุกอย่างและลองสวมบทบาทนั้นอย่างจริงจัง" นอกจากนี้ บรูลยังให้ความเห็นอีกด้วยว่า "เป็นเรื่องดีที่ได้รู้ว่าเรามีเวลาพอสำหรับการเตรียมตัวรับบทหรือไม่ แต่เรื่องนี้มักไม่เกิดขึ้นในเยอรมนีเพราะคุณมักจะได้เข้าร่วมในโครงการสร้างหนังก็ต่อเมื่อถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งถ้าหากคุณได้บทนำในเรื่อง คุณก็จะมีปัญหาเรื่องการเตรียมตัว นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญก็คือคุณจำเป็นจะต้องมีเวลามากพอในการพูดคุยกับผู้กำกับเพื่อจะได้ดูว่าคุณกับเขามองตัวละครตรงกันหรือเปล่า"

The White Sound เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของบรูลที่ใช้กล้องดิจิตัลในการถ่ายทำ ซึ่งบรูลให้ความเห็นว่าประสบการณ์ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ในทางบวกอย่างมาก และประกาศว่า "พอผมรู้เช่นนี้แล้ว ผมก็จะแสดงกับกล้องดิจิตัลอีกถ้าหากได้เนื้อเรื่องและผู้กำกับที่เหมาะสม"

"ผู้กำกับ The White Sound ต้องการทำงานในแบบที่เหมือนกับภาพยนตร์สารคดี และนั่นคือเหตุผลที่เราใช้กล้องดิจิตัล มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับนักแสดงเพราะกระบวนการถ่ายจะมีความแอคทีฟกว่ามาก การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากเมื่อผมอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะแสดง นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการถ่ายทำแบบทั่วไปที่คุณต้องใช้เวลารอราว 3 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนวิธีการจัดแสง การเล่นหนังเรื่องนี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำงานรับใช้กล้อง แต่รู้สึกว่ากล้องทำงานรับใช้ผม" บรูลกล่าว

http://images-eu.amazon.com/images/P/B00007DXEN.03.LZZZZZZZ.jpg