--ศิลปินยุคเก่าที่ตอนนี้ดิฉันสนใจอยากหามาฟังมากๆ ก็คือผลงานเพลงที่ทำโดย JOE MEEK เกย์หนุ่มชื่อดัง เพราะตอนนี้กำลังจะมีหนังสารคดีเรื่อง SOMETHING I’VE GOT TO TELL YOU: A LIFE IN THE DEATH OF JOE MEEK (2006, HOWARD S. BERGER) ออกฉายในสหรัฐ และพอได้อ่านประวัติของโจ มีคแล้ว ก็รู้สึกว่าชีวิตเขาน่าสนใจจริงๆ
JOE MEEK มีชีวิตระหว่างปี 1929-1967 เขาเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอิสระคนแรกๆของวงการเพลง และเขาโปรดิวซ์เพลงฮิตออกมาถึง 45 เพลงก่อนจะจบชีวิตลง อ่านรายละเอียดแนวทางการทำงานเพลงอันน่าสนใจของเขาได้ที่
http://en.wikipedia.org/wiki/Joe_Meek
He was a pioneering British record producer and songwriter acknowledged as one of the world's first and most imaginative independent producers. His most famous work was The Tornados' hit "Telstar" (1962), which became the first record by a British group to hit #1 in the US Hot 100. It also spent five weeks atop the UK singles chart, with Meek receiving an Ivor Novello Award for this production as the "Best-Selling A-Side" of 1962.
โจ มีคเป็นคนที่หลงใหลในไสยาศาสตร์จนถอนตัวไม่ขึ้น เขามักจะนำเครื่องเล่นเทปไปอัดเสียงตามสุสาน โดยหวังว่าจะสามารถอัดติดเสียงของวิญญาณได้ด้วย นอกจากนี้ เขายังมีความหลงใหลใน BUDDY HOLLY และศิลปินเพลงร็อคที่ตายไปแล้วอีกหลายคน
โจ มีคเป็นโรคหวาดระแวงอย่างรุนแรง เขาเชื่อว่าสังกัดดนตรีบางสังกัดแอบซ่อนไมโครโฟนไว้ในวอลล์เปเปอร์ในห้องของเขาเพื่อพยายามขโมยไอเดียของเขา นอกจากนี้ เขายังมีอาการซึมเศร้าหดหู่ และการเป็นเกย์ของเขาก็ทำให้เรื่องแย่ลงเพราะเกย์ยังคงถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในยุคนั้น
ในเดือนม.ค.ปี 1967 ตำรวจในซัฟโฟล์คค้นพบกระเป๋าใบหนึ่งที่บรรจุศพที่ถูกชำแหละหั่นแล้วของ BERNARD OLIVER ซึ่งเป็นผู้ชายขายตัวที่มีความสัมพันธ์กับโจ มีค และโจ มีคก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนี้
ในวันที่ 3 ก.พ.ปี 1967 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตปีที่ 8 ของบัดดี้ ฮอลลี่ โจ มีคก็ฆ่าเจ้าของบ้านของเขาและฆ่าตัวตายขณะอายุ 37 ปี
ดูหนังตัวอย่างของ SOMETHING I’VE GOT TO TELL YOU: A LIFE IN THE DEATH OF JOE MEEK ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=3-WTj9y236A
JOE MEEK
http://www.cherryred.co.uk/books/images/thelegendaryjoemeekt.jpg
http://r.duffy.home.att.net/meek/meek.jpg
http://www.sixtiescity.com/Events/Images/EVE105.jpg
วง MATMOS ซึ่งเป็นวงดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกที่ประกอบด้วยสมาชิก 2 คน ได้ทำเพลงชื่อ SOLO BUTTONS FOR JOE MEEK ด้วย โดยเพลงนี้บรรจุอยู่ในอัลบัมชุด THE ROSE HAS TEETH IN THE MOUTH OF A BEAST (2006)
อันนี้เป็นมิวสิควิดีโอ STARS & STRIPES FOREVER (A+++++) ของ MATMOS
http://www.youtube.com/watch?v=ZEXgNM9MAMY
ปกอัลบัม THE ROSE HAS TEETH IN THE MOUTH OF A BEAST
http://www.amazon.com/Rose-Has-Teeth-Mouth-Beast/dp/B000F3AJKI/sr=1-1/qid=1165308859/ref=pd_bbs_sr_1/002-2380366-1429669?ie=UTF8&s=music
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000F3AJKI.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V53867424_.jpg
อัลบัมชุดนี้ประกอบด้วยเพลง 10 เพลงที่ทำขึ้นเพื่อบุคคลชื่อดัง 10 คน ซึ่งได้แก่เพลง
1. Roses and Teeth for Ludwig Wittgenstein
นักปรัชญาชื่อดังที่เป็นที่มาของหนังเรื่อง WITTGENSTEIN (1993, DEREK JARMAN, A-)
2. Steam and Sequins for Larry Levan
ดีเจเพลงแดนซ์ชื่อดังในนิวยอร์คในทศวรรษ 1980
3. Tract for Valerie Solanas (คนที่ยิง ANDY WARHOL)
4. Public Sex for Boyd McDonald
นักเขียนเกย์ชื่อดัง
อันนี้เป็นปกหนังสือ WADS: TRUE HOMOSEXUAL EXPERIENCES FROM S.T.H. WRITERS VOL.6 ของ BOYD MCDONALD
http://www.amazon.com/Wads-Homosexual-Experiences-S-T-H-Writers/dp/0943595819/sr=8-1/qid=1165310293/ref=sr_1_1/002-2380366-1429669?ie=UTF8&s=books
5. Semen Song for James Bidgood
ผู้กำกับหนังเกย์ชื่อดัง เจ้าของผลงาน PINK NARCISSUS (1972, A-)
6. Snails and Lasers for Patricia Highsmith
นักแต่งนิยายชื่อดัง เจ้าของผลงานนิยายชุด TOM RIPLEY ซึ่งเป็นตัวละครเกย์
7. Germs Burn for Darby Crash
ดาร์บี้ แครชเป็นนักร้องวง THE GERMS เขาฆ่าตัวตายในเดือนธ.ค.ปี 1980 ด้วยการใช้ยา ขณะอายุเพียง 22 ปี โดยเขาเคยปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง THE DECLINE OF WESTERN CIVILIZATION (1981, PENELOPE SPHEERIS) ด้วย
http://home.earthlink.net/~aladato/darby.html
http://images.amazon.com/images/P/0922915709.01.LZZZZZZZ.jpg
8. Solo Buttons for Joe Meek
9. Rag for William S. Burroughs
นักประพันธ์ชื่อดัง
10. Banquet for King Ludwig II of Bavaria
กษัตริย์เกย์ชื่อดังที่เป็นที่มาของภาพยนตร์ที่กำกับโดย HANS-JURGEN SYBERBERG และ LUCHINO VISCONTI
ภาพยนตร์ที่ได้ดูเมื่อวานนี้
1.เก๋า เก๋า หรือ THE POSSIBLE (2006, วิทยา ทองอยู่ยง, A)
2.MATERIAL GIRLS (2006, MARTHA COOLIDGE, B+)
FAVORITE QUOTE FROM MOVIE
“I DIE, THEREFORE I AM”
จาก THE DEATH KING (1990, JORG BUTTGEREIT, A+)
--“แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” (2006, RERGCHAI POUNGPETCH, A) จัดเป็นหนังที่เซอร์ไพรส์ดิฉันมากที่สุดเรื่องนึงในปีนี้ เพราะชอบมากกว่าที่คาดเป็นอย่างมาก ตอนแรกนึกว่าจะชอบแค่ในระดับ C- แต่กลับชอบในระดับ A
สาเหตุที่ทำให้เสี่ยงตายเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ ก็เพราะแดน ดีทูบีนี่แหละ ฮ่าๆๆๆ
เคยดู พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า หรือ DUMBER HEROES (2005) ของฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ แต่เรื่องนั้นชอบในระดับแค่ B- เท่านั้น
ชอบตัวละครนางเอกของ “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” เพราะมันดู “ติดดิน” กว่านางเอกหนังไทยเรื่องอื่นๆนิดนึง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้เขียนบทโดยพิง ลำพระเพลิง เพราะบทนางเอกของ “โคตรรักเอ็งเลย” LOVEAHOLIC (2006, พิง ลำพระเพลิง, A+) ก็ดูติดดินกว่านางเอกหนังไทยเรื่องอื่นๆเหมือนกัน
สิ่งนึงที่ชอบมากใน แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า ก็คือการที่รู้สึกว่า “หนังมันไม่ฝืนตัวเอง” เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามเล่าเรื่อง แต่ทำเพียงแค่ใส่ฉากตลกเข้ามาต่อๆกันเรื่อยๆในจังหวะที่เหมาะสม และบทลงท้ายของพระเอกก็ผิดไปจากที่คาดหมาย แต่ก็เข้ากับหนังเป็นอย่างดี ก็เลยรู้สึกว่าอารมณ์ในหนังเรื่องนี้มันราบรื่นมากกว่าหนังอย่าง NACHO LIBRE (2006, JARED HESS, B+)
--ชอบบทนักข่าวสาวใน DEATH NOTE 2 : THE LAST NAME เป็นอย่างมาก เธอดูร้ายดี
Tuesday, December 05, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
Roses and Teeth for Ludwig Wittgenstein
เพลงนี้ Bjork มาบ่นๆ ประโยค..
The rose has teeth in the mouth of the beast.
Post a Comment