Tuesday, February 27, 2007

pc's comments part 5

ข้อมูลข้างล่างนี้เป็นความเห็นของคุณ pc และคุณพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ค่ะ ดิฉันชอบความเห็นของพวกเขามาก ก็เลยขอก็อปปี้มาเก็บไว้ในบล็อกนี้ด้วย

56676
ตอนแรกว่าจะมาเขียนตอบคุณชาญช่วงค่ำๆ
บังเอิญมาเห็นความเห็นของคุณกนกเข้าเสียก่อน
ต้องขออนุญาติตอบสั้นๆก่อนนะครับ
เพราะผมต้องออกไปธุระ
บางทีกลับมาแล้วอาจจะเขียนตอบทั้งคุณชาญและคุณกนกไปด้วยพร้อมๆกันเลย
เพราะดูๆไปแล้วทั้งสองท่านก็มีเหตุผลที่คล้ายๆกันนะครับ


เวลาที่คุณกนกพูดถึงสังคมที่เอาแต่โทษกันไปโทษกันมา
เท่าที่ผมเขียนมา
มันก็ดูเหมือนเป็นประเด็นที่ผมกำลังจะบอกอยู่ไม่ใช่หรือครับ
ทุกคนที่บรรลุนิติภาวะจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
ถ้าเอาแต่โทษสิ่งยั่วยุว่าเป็นสาเหตุแห่งอาชญากรรมและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น
ก็เท่ากับว่าผู้กระทำไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขากระทำขึ้น


ในกรณีของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
อย่าลืมนะครับว่าผู้ที่ควรจะมีอิทธิพลและมีความรับผิดชอบกับพฤติกรรมของเด็กเหล่านั้นมากที่สุดก็คือบรรดาผู้ปกครองของพวกเขาเอง
ที่คุณยกมาว่า พ่อแม่โทษครูที่โรงเรียนว่าไม่ดูแล
สิ่งแวดล้อมเฮงซวย แต่ประทานโทษ
มันควรจะเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องตระหนักให้รอบคอบถึงภาระหน้าที่ความเป็นพ่อเป็นแม่ก่อนที่พวกเขาคิดจะมีลูกกันไม่ใช่หรือครับ
เคยได้ยินหรือเปล่าครับว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กในช่วงสี่ปีแรก
จะส่งผลต่อพัฒนาการของบุคลิกภาพได้ตลอดชั่วชีวิต
สี่ปีแรกนั้นเด็กใช้เวลาอยู่กับใครล่ะครับ

ผมสงสัยว่า
ทำไมแทนที่คุณจะเที่ยวออกมาเรียกร้องให้คนอื่นๆช่วยกันประคับประคอง
เหมือนกับที่พวกผู้ปกครองทั้งหลายชอบทำกัน
ทำไมคุณไม่ลองเรียกร้องให้คนเหล่านั้นคิดกันให้ดีก่อนจะสร้างครอบครัว
อย่าลืมนะครับ ว่าที่พวกเขามีครอบครัว
พวกเขาสนองความอยากให้กับตัวเองกันทั้งนั้น
ไม่ได้มาสนองความอยากให้คุณ หรือให้ผม
หรือให้กับคนอื่นๆ พอทำได้ไม่ดี
หรือในภายหลังพบว่ามันเป็นภาระที่พวกเขารับมือกันไม่ไหว
ก็คิดจะเที่ยวมาโยนภาระให้คนนู้นคนนี้มาช่วยกันประคับประคองกับสิ่งที่พวกเขาทำให้เกิดขึ้น


พวกพ่อแม่จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเด็กๆในปกครองของตัวเองไม่ได้เลย
การดึงเอาคนๆหนึ่งมาเวียนว่ายบนโลกใบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ
ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ทำกันแบบไถไปเรื่อย
ผมว่าถ้าคุณกนกไม่เรียกร้องเอากับคนพวกนี้บ้าง
มันก็คงจะมีปัญหาให้ทุกๆคน
รวมทั้งคนที่ไม่ได้อยากมีลูก
ให้ต้องมาคอยประคับประคองกับภาระที่พวกเขาไม่ได้ก่อ
ให้ต้องคอยเสียสิทธิ์ที่ควรจะมีไปเรือยๆ
ในขณะที่พวกพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่ยั้งคิดก็มักจะรอดตัวไปได้เรื่อยๆ
สร้างภาระแล้วก็ออกมาโวยวายเรียกร้องกันอยู่เรื่อยๆ

ค่านิยมเรื่องการมีครอบครัว
การสร้างครอบครัวเป็นเสมือนกับหน้าที่ทางสังคม
ที่ทุกคนต้องเริ่มคิดเมื่อย่างเข้าปลายยี่สิบหรืออายุเท่าไรก็แล้วแต่
ผมสงสัยว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คุณกนกเรียกมันว่าเป็นสิ่งดีงามหรือเปล่า
ยุคแห่งความดีงามของคุณกนกมันยุคไหนกันล่ะครับ
ยุคในอดีตเมื่อห้าสิบปีที่แล้วหรือเปล่า
ผมเชื่อมาโดยตลอดนะครับว่าปัจจุบันที่เรามีเป็นผลผลิตของทุกอย่างในอดีต
ถ้าเราไม่มีอดีตที่เป็นแบบนั้น
เราคงไม่มีปัจจุบันที่เป็นแบบนี้
ถ้าวัฒนธรรมของคนยุคก่อนๆมันดีของมันจริงๆ
สังคมที่เราอยู่กันมันคงจะไม่ออกมาอย่างที่เราเห็นกันหรอกครับ
คุณว่าเป็นเพราะความเสื่อมที่เรามองข้ามมันอยู่ในเนื้อในของวัฒนธรรมที่คุณเห็นว่าดีงามได้หรือเปล่า


อดีตที่คุณว่าดีงาม
มันอยู่ในยุคที่สังคมนี้ถูกปกครองโดยพวกทรราชหรือเปล่า
ยุคนั้นจำได้ว่ามีการกวาดล้างแหล่งมั่วสุม
แหล่งอบายมุข กันอย่างมโหราฬ บ้านเมืองดูสะอาดสะอ้าน
ผู้คนไม่ต้องคิดอะไรมาก
มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้ผู้นำเท่านั้นพอ
แต่เรามีผู้นำที่มีอนุภรรยาเป็นร้อย มีอำนาจล้นหลาม
จนได้ตายในตำแหน่ง
และนโยบายการบริหารประเทศก็ส่งผลเสียระยะยาวในเวลาต่อมาเป็นเวลาหลายสิบปี
หรือคุณกนกจะย้อนไปในยุคที่ไกลขึ้นกว่านั้นล่ะครับ
ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นไงครับ
ในยุคที่พวกจ้าวใหญ่นายโตมีสิทธิ์จะฉุดคร่าลูกสาวหรือแม้แต่เมียของชาวบ้านได้โดยไม่ต้องมีความผิด
คุณคิดว่าสิ่งที่คุณว่าดีงาม
มันแฝงวัตถุประสงค์ในการควบคุมโดยผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือหรือเปล่า


และฝ่ายที่อยู่ในอำนาจก็มักจะอ้างคำว่าส่วนรวมอย่างที่คุณหรือหลายคนชอบใช้กันนั่นแหละครับ
เราใช้คำว่าส่วนรวมกันพร่ำเพรื่อเกินไปหรือเปล่า
ส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเศรษฐกิจ สังคม
หรือรัฐชาติ
มันควรจะดำรงอยู่เพื่อความผาสุกของมวลหมู่สมาชิก
หรือสมาชิกควรเสียสละความสงบสุขและเสรีภาพที่พึงมี
เพื่อการดำรงอยู่ของมันกันล่ะครับ
ระบบทั้งหลายแหล่มันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาตินะครับ
มันเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราคิดค้นค้นเพื่อจัดสรรอำนาจในการเข้าถึงทรัพยากร
และคำว่าส่วนรวมนี้มันก็มักจะนำมาอ้างโดยผู้ที่มีอำนาจผูกขาดอยู่เสมอ
เวลาต้องการไล่ที่ชาวบ้านเพื่อจะเอาไปสร้างเขื่อน
ก็มักจะบอกให้พวกชาวบ้านเห็นแกส่วนรวม โทษทีครับ
ส่วนรวมที่ว่ามันพวกไหน
หรือเป็นพวกที่ชอบใช้ไฟฟ้ากันอย่างสิ้นเปลือง
ในกรณีของหัวข้อกระทู้
เวลาที่บอกว่าพวกนักแสดงควรเห็นแก่ส่วนรวม
ส่วนรวมในที่นี้หมายถึงบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ชอบเรียกร้อง
ไม่สามารถอบรมหรือเป็นตัวอยากให้กับเด็กที่พวกเขานำมาอยู่บนโลกนี้เองได้
หรือรวมทั้งพวกบ้าจารีตที่ชอบตั้งความคาดหวังของตัวเองเอากับชีวิตของคนอื่นๆด้วยใช่ไหมครับ


คุณยกกรณีที่ว่า ต่อไปถ้าใครอยากดัง
ก็สามารถทำได้โดยการแต่งตัววาบหวิวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อได้
ถ้าทำไปบนพื้นฐานของการไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น
ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาครับ
ส่วนจะได้ผลหรือไม่ได้นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่า
สมาชิกในสังคมอย่างคุณและผมทำให้มันได้ผลหรือเปล่า
คุณมีสิทธิ์จะไม่ชอบด้วยการปฏิเสธที่จะให้ความสนใจในตัวพวกเขา
หรือผลงานของพวกเขา
หรือแสดงความไม่ชอบผ่านสื่ออย่างในบอร์ดนี้
และใช้บทลงโทษทางสังคมเท่าที่สิทธิ์ของคุณจะเอื้ออำนวย
อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิ์ของใครเลยนะครับ
จะมาเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยลงโทษ จะเรียกได้ว่า
พวกที่เรียกร้องนั้นทำตามอำเภอใจโดยที่ไม่คำนึงถึงขอบเขตของตัวเองได้หรือเปล่าครับ


สังคมนี้มันเป็นสังคมของการโทษกันไปโทษกันมา
เหมือนกับที่คุณชอบโทษสื่อ
และพยายามโยงมันเข้ากับการยั่วยุนั่นแหละครับ ว่าแต่
ถ้าจะอ้างเรื่องอิทธิพลของการยั่วยุโดยใช้ตรรกะของคุณ
ผมว่ามันก็ใช้ได้กับกรณีของกีฬาที่มีส่วนยั่วยุต่อพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้เช่นกันใช่ไหมครับ
เพราะถ้าสื่อมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ
มันก็ไม่มากไปกว่ากีฬามอิทธิพลต่อพฤติกรรมก้าวร้าว
ดูเรื่องการตีกันหลังการแข่งขันที่เกิดขึ้นบ่อยๆสิครับ
มันเจอได้บ่อยกว่าคดีข่มขืนที่ผู้ต้องหาสารภาพว่าดูหนังเอ็กซ์เสียอีก
คุณคิดว่าเราจะใช้เหตุผลเดียวกันไปกล่าวโทษกีฬาได้ไหมล่ะครับ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว
กีฬาคือการจำลองสภาพการต่อสู้ของคู่ปรปักษ์
และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายคล้ายกับการทำสงครามระหว่างคนสองกลุ่ม
แต่สังคมเราคงไม่นำมาพิจารณาหรอกครับ
เพราะกีฬามันช่วยสร้างสำนึกของการเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม
มันไปด้วยกันได้กับคติชาตินิยมที่หลายคนยึดถืออยู่
ถึงผมจะไม่ชอบกีฬา
แต่ถ้าจะมีการห้ามเล่นกีฬาเพราะเหตุผลที่ว่ามันส่งพลต่อพฤติกรรมรุนแรง
ผมก็จะไม่เห็นด้วยพอๆกับการที่จะมาเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เพราะเห็นว่าบางฉากอาจจะมีการยั่วยุ
เพราะทุกๆคนต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตนเองครับ
มันไม่ใช่จุดประสงค์ของการแข่งขันกีฬาเพื่อยั่วยุให้คนมีพฤติกรรมก้าวร้าว
เช่นเดียวกับที่มันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของภาพยนต์หรือสื่ออื่นๆ
ที่จะยั่วยุให้ผู้ที่เสพย์
ออกไปก่ออาชญากรรมหรือข่มขืนใคร ใช่ไหมครับ

ดึกๆผมจะกลับมาอีกที

จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 17:47:29 ]




56715
การรับผิดชอบต่อส่วนรวมมันไม่เสียหายแน่นอนครับ
แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่คุณจะเที่ยวไปยัดเยียดให้ใครต่อใครได้ตามอำเภอใจนะครับ
หรือบังคับให้ใครต่อใครต้องทำเพราะคุณเห็นว่ามันควร
ไม่ใช่เพราะต้องเห็นแก่ส่วนรวมตามที่กล่าวอ้างหรอกเหรอครับ
เราถึงได้มีกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงไอซีทีมาคอยเซ็นเซอร์
ปิดกั้นสิทธิ์ในการรับรู้
อย่างที่เรามีกันอยู่เวลานี้
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องให้เอากลไกเหล่านี้เข้ามาวุ่นวายกับสิทธิ์ส่วนบุคคล
สิทธิ์ที่สูญเสียไปของคนหลายๆคน
คุณคิดว่าคุณมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยหรือเปล่าล่ะครับ



จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 23:04:14 ]


56717
คุณบอกว่า "เขาบอกให้ช่วยกันประคับประคองสังคม"

แล้วทำไมผมต้องช่วยด้วยล่ะครับ
ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกร้องกันไม่รู้จักจบจัดสิ้น
เสรีภาพที่ผมและคนอื่นๆควรจะมีมันก็ลดลงไปมากพอแล้ว

บอกให้ช่วยเด็กๆกันหน่อย
ทำไมพวกพ่อแม่ผู้ปกครองเหล่านั้นถึงไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเองกันบ้างล่ะครับ
จะมีลูกขึ้นมาทีก็ไม่รู้จักประเมินสถานภาพตัวเอง
ไม่คิดให้รอบคอบ
แล้วก็มาเรียกร้องให้คนอื่นคอยเสียสละให้กับสิ่งที่ตัวเองทำขึ้น
โดยอ้างสิทธิ์ว่าเด็กๆที่เขานำมาเกิดคือเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
ทุกคนต้องเสียสละให้พวกฉัน
สิทธิ์ส่วนตัวที่เคยทำก็อย่าทำอีกต่อไปเพราะลูกฉันอาจจะเอาอย่าง
คือถ้าคิดว่ามีลูกมันเป็นภาระหนักนักละก็
ก็อย่าไปมีมันสิครับ สร้างเวรสร้างกรรมให้เด็กเปล่าๆ
ทั้งยังผลักภาระ เรียกร้องให้ผู้อื่นเสียสละ
ในขณะที่ตัวเองไม่เคยคิดจะเสียสละให้ใคร

ผมไม่ทราบว่าคุณจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด
แต่ผมก็ไม่เคยคาดหวังให้คนอย่างคุณมาเข้าใจหรอกครับ
ถ้าทำให้คุณปวดหัวก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 23:23:42 ]


56756
ชื่นชมคุณ pc
มากครับทั้งมุมมองและทัศนะที่อยู่บนพื้นฐานเรื่องสิทธิ
แม้ว่านัก "นิยมชาติ"
พยายามจะเบี่ยงเบนว่าสิทธิคือการได้ทำอะไรตามใจแล้วเบียดเบียนผู้อื่น
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างแรง
ประเด็นผู้ที่ประณามน้องนุ่งสั้นนั้น
คงต้องไปเมืองโบราณ
หรือดูจิตรกรรมฝาผนังตามวัดที่เขียนกันมาแต่ครั้ง"นมนาน"
แล้วจะเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมเมืองร้อนแบบบ้านเรานะครับ

ส่วนพวกที่พยายามครอบงำผู้อื่นด้วยวาทกรรม
"นิยมชาติ" ผมไม่อยากออกความเห็น
ทุกอย่างอยู่ที่ท่านแหละครับ
ว่าจะอยู่อย่างนั้นต่อไปหรือจะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อออกมาจาก...

การที่เราประณามน้องเขา
โดยนำการครอบงำบนฐานความคิดชายเป็นใหญ่
ก็เท่ากับน้องเขาแก้ผ้า แล้วถูกสื่อข่มขืน
เสี่ยเจีย...ข่มขืน มหาวิทยาลาย...ข่มขืน
เรายังข่มขืนน้องเขาซ้ำอีก
ส่วนใครคิดว่าดาราต้องเป็นแบบอย่าง หุหุ
ผมสอนลูกผมเสมอล่ะครับ ว่าอย่าเอาดาราทุกคน
(แม้แต่ดาราที่ดี) เป็นแบบอย่าง
ถ้าลูกผมไม่มีปัญหาหาแบบอย่างก็ปล่อยมันโง่ตายไปเองเถอะครับ


ผมเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกำลังกลายเป็นการปะทะโดยนำอคติส่วนตนมาประกอบด้วย
และมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของคนนั้นๆ
ซึ่งในสังคมไทยไม่น่าจะเกิด "วัฒนธรรม" อย่างนี้
นี่เป็นวัฒนธรรมในทัศนะของผมนะครับ
ไม่เกี่ยวกับการแต่งกายที่ผมมองว่าเป็นเรื่องรสนิยม
และ/หรือ แฟชั่นยุคสมัย

สุดท้ายนี้
ผมขอกล่าวหาว่าคุณ pc
เป็นพวกชาตินิยมตัวจริงเสียงจริงครับ
เพราะพวกชาตินิยมที่ดีมักจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์
"ชาติ"(ถ้ามันมีจริง)
เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
แค่นี้แหละครับ คงต้องขอตัวกลับไปอ่านงานวิจัยชุด
"การจัดการ "ความจริง" ในสังคมไทย" ต่อครับ
กำลังสนุก เป็นชุดงานวิจัยของ สกวใ ครับน่าสนใจมาก
ขอบอก
จากคุณ : พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ :
peter_srithep@yahoo.com - [ 27 กพ. 2007 09:59:59 ]

No comments: