THIS IS MY COMMENT IN SCREENOUT WEBBOARD
http://www.xq28.net/wow/viewtopic.php?f=7&t=192&st=0&sk=t&sd=a&start=275
ตอบคุณ FRANKENSTEIN
--ต้องขอบคุณคุณแฟรงเกนสไตน์มากเลยค่ะที่แจ้งข่าวเรื่องนิตยสาร FREEFORM ดิฉันไปซื้อมาแล้ว ลองอ่านผ่านๆดูก็ทำให้รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่า นักวิจารณ์ภาพยนตร์คนไหนนะที่เป็นคนไปบอกพี่เจ้ยว่าไม่ควรทำหนังอีกต่อไป
--ในเรื่อง “ลูกคุณหลวง” ดิฉันชอบการแสดงของวราพรรณ หงุ่ยตระกูลมากที่สุด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะแกเล่นเก่ง หรือเป็นเพราะบทของแกเป็นบทของเจ้าแม่กันแน่ พอแกปรากฏตัวออกมา ดิฉันถึงได้รู้สึกว่ารัศมีของแกกลบคนอื่นๆจนหมด
--คุณ NINAMORI ได้นำงานเขียน “โลกหลากสีของมะณอย” ของคุณสุมณฑา สวนผลรัตน์มาลงไว้ใน BLOG ด้วยค่ะ อ่านได้ที่
http://ninamori.blogspot.com/2007/08/blog-post.html
--เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ดูละครเวทีไป 3 เรื่อง ปรากฏว่าเรื่องที่ชอบที่สุดคือเรื่อง “คนบ้ากับสุดสาคร” ที่กำกับโดยคุณสนธยา สุชฎา เข้าใจว่าละครเรื่องนี้เคยมีการแสดงมาหลายปีหลายรอบแล้ว แต่ดิฉันเพิ่งได้ดูที่โรงละครมะขามป้อมเมื่อวันอาทิตย์ก่อน
ก่อนหน้านี้เคยดูละครเวทีเรื่อง “ตายไม่ว่า...แต่ขอหน้าเด้ง” ของคุณสนธยา สุชฎามาก่อน ซึ่งก็ชอบแค่ในระดับ A- เท่านั้น แต่ปรากฏว่าเรื่อง “คนบ้ากับสุดสาคร” นี้ โดนใจดิฉันสุดๆ ละครเรื่องนี้เป็นละครตลก แต่ดูจบแล้วดิฉันอยากร้องไห้
สิ่งที่ทำให้ทึ่งที่สุดและสะเทือนใจที่สุดในละครเรื่องนี้ก็คือ ละครเรื่องนี้สามารถนำเอาเรื่องราวของสุดสาคร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เรารู้จักกันดีมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม มานำเสนอใหม่ได้โดยไม่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย ละครเรื่องนี้เล่าเรื่องของขอทานกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเล่นละครเวทีเรื่อง “สุดสาคร” และในที่สุด พอมาถึงช่วงท้ายเรื่อง ดิฉันก็รู้สึกอยากร้องไห้เมื่อตัวละครตัวนึงในเรื่องหยิบบทประพันธ์ขึ้นมาอ่าน แล้วอ่านประโยคที่เราเคยได้ยินมาแล้วหนึ่งล้านครั้ง แต่เราไม่เคยรู้สึกสะเทือนใจกับมันมากเท่ากับการได้ยินมันเป็นครั้งที่หนึ่งล้านหนึ่งในละครเวทีเรื่องนี้
“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”
พอตัวละครใน “คนบ้ากับสุดสาคร” อ่านประโยคนี้ออกมา ดิฉันแทบลงไปตายอยู่หน้าเวทีตอนนั้นเลย เพราะมันแทงใจและกรีดเฉือนหัวใจอย่างรุนแรงมากๆ ทั้งๆที่เราเคยได้ยินประโยคนี้มาแล้วหนึ่งล้านครั้ง แต่เราไม่เคยรู้สึกอะไรกับมันมาก่อน
ดิฉันคิดว่าการที่ moment นั้นของ “คนบ้ากับสุดสาคร” มันสะเทือนใจดิฉันมากๆคงเป็นเพราะว่า
1.ใน moment นั้น “สุดสาคร” ได้ประจักษ์ถึงสัจธรรมเกี่ยวกับความชั่วช้าของมนุษย์
2.ใน moment นั้น ตัวละครใน “คนบ้ากับสุดสาคร” ได้ประจักษ์ถึงสัจธรรมเกี่ยวกับความชั่วช้าของมนุษย์ เขาเพิ่งตระหนักว่าเขาได้ตกเป็นเหยื่อของขอทานคนอื่นๆ
3. ใน moment นั้น คนดูอย่างดิฉันได้ประจักษ์ถึงสัจธรรมเกี่ยวกับความชั่วช้าของมนุษย์
ดิฉันคิดว่าตัวเองเคยดูหนังทำนองนี้มาเยอะแล้ว หนังทำนองที่พูดถึงกลุ่มนักแสดงละครเวที ที่เนื้อหาในละครเวทีกับชีวิตของนักแสดงละครเวทีมันเป็นกระจกส่องสะท้อนกันไปกันมา รู้สึกว่ายุโรปจะมีหนังแนวนี้ออกมาเยอะมาก แต่ดิฉันคิดว่า “คนบ้ากับสุดสาคร” เหนือชั้นกว่าหนังทำนองนี้หลายเรื่องที่ดิฉันได้ดูมา เพราะมันสามารถสร้าง MOMENT ที่สะเทือนใจตัวละครในบทประพันธ์, ตัวละครในละครเวที และผู้ชมได้พร้อมๆกัน
อีกประการหนึ่งที่ดิฉันชอบ “คนบ้ากับสุดสาคร” อย่างมากๆ ก็เป็นเพราะว่า ละครเวทีเรื่องนี้ทำให้เราหัวเราะงอหายไปกับมันได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่พอดูจบแล้ว ดิฉันกลับคิดว่านี่เป็นละครเวทีที่มองโลกในแง่ร้ายมากที่สุดเรื่องนึงเท่าที่เคยดูมา มันเหมือนกับว่าเราไปดูหนังตลกที่แสดงโดยจิม แคร์รีย์ แต่พอดูจบแล้ว เรากลับได้ความรู้สึกเหมือนดูหนังแนว feel-bad มากๆเรื่องนึง
--ดิฉันลองไปค้นดูว่ามีใครแปลบทประพันธ์เรื่องพระอภัยมณีเป็นภาษาอังกฤษแล้วบ้าง ปรากฏว่ามี Prince Prem Burachat ทรงแปลประโยคอมตะดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษไว้แล้วด้วย
“PUT NOT YOUR TRUST IN ANY MORTAL, FOR THEIR WILES ARE IMMEASURABLE. EVEN THE MOST TORTUOUS CREEPERS ROUND THE HOARIEST TREE ARE NOT AS CROOKED AS A MAN’S HEART.”
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment