Friday, September 14, 2007

VOICE OF THE OPPRESSED

THIS IS MY COMMENT IN AGONISTICFILM’S BLOG
http://agonisticfilm.exteen.com/20070912/entry?page=1

เข้ามาลงชื่อว่าอ่านแล้วค่ะ และจะรออ่านตอนต่อๆไปค่ะ

รู้สึกประทับใจกับหนังสองเรื่องหลังของคุณปราปต์มากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะว่า

1.มันมีอารมณ์ที่รุนแรงมากอยู่ในหนังสองเรื่องหลังนี้ LETTER FROM THE SILENCE นำเสนอจดหมายสองฉบับที่ทั้งสองฉบับเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงมากๆ ส่วน THE BANGKOK BOURGEOIS PARTY ก็มีผีที่อารมณ์รุนแรงเหมือนกัน

2.รู้สึกว่าหนังสองเรื่องหลังนี้มันเป็นการสะท้อนเสียงของผู้ถูกกดขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้รับการเสนอในวงการภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่

------------------------------------------------------

THIS IS MY COMMENT IN BIOSCOPE’S WEBBOARD
http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=263.0

ส่วนตัวดิฉันเองนั้นก็อยากดูผลงานเก่าๆก่อนปี 2006 ของอ.อารยามากๆเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะผลงานวิดีโอชุด THE CLASS

ได้ยินว่าอ.อารยาเคยเขียนหนังสือแนว FICTION ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน

ส่วน "ในความพร่ามัวแห่งปรารถนา" (IN A BLUR OF DESIRE) นั้น ดิฉันดูแล้วนึกถึงฉากตอนจบของภาพยนตร์สารคดีเรื่อง OUR DAILY BREAD (2006, Nikolaus Geyrhalter, Austria, A+) มากๆค่ะ เพราะตอนจบของ OUR DAILY BREAD เป็นฉากการสังหารวัวที่น่าสงสารเหมือนกัน

จุดเด่นอีกจุดนึงที่น่าสนใจใน IN A BLUR OF DESIRE ก็คือการที่วิดีโอนี้ฉายในห้องที่เปิดให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากข้างบนได้ค่อนข้างมาก ก็เลยทำให้ภาพจากวิดีโอดู "เบลอ" เหมือนกับชื่อนิทรรศการ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอ.อารยาจงใจในจุดนี้หรือเปล่า



ขอบคุณน้องเวสเปอร์ไทน์มากๆ ค่ะ เกี่ยวกับข้อมูลหนังสือของอ.อารยา

เพิ่งได้อ่านเมื่อเร็วๆนี้ว่า สาเหตุหนึ่งที่อ.อารยาหันมาทำงานวิดีโอในระยะหลังๆ เป็นเพราะตัวงานบังคับให้ต้องทำในสื่อนี้เท่านั้น เนื่องจากกิจกรรมที่อ.อารยาต้องการนำเสนอส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับศพ อย่างเช่น การอ่านบทกวีให้ศพฟัง, การแต่งกายให้ศพ และการสอนหนังสือให้ศพ ดังนั้นการจะเชิญผู้ชมไปชมการแสดงดังกล่าวในห้องดับจิต หรือการจะขนศพมาจัดแสดงในแกลเลอรี่คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้อ.อารยาจึงต้องใช้สื่อวิดีโอในการบันทึกการแสดงดังกล่าวแทน


-----------------------------------------------

http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=71.330



ช่วงนี้ป่วย ก็เลยแทบไม่ได้ออกมาดูหนังกับละครเวทีเลย

เมื่อวานนี้ได้ซื้อ fuse showcase มา ดีใจมากๆที่มีภาพยนตร์เรื่อง FIREFLIES (2005, Chawit Waewsawangwong, A+++++) อยู่ในดีวีดีด้วย กรี๊ดดดดดดดดดด นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้อีกแล้ว รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ใช้ภาพกับเสียงได้เข้าจังหวะลงตัวมากๆ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำให้มีความสุขที่สุดที่ได้ดูในปีนี้

ตอบน้อง NANOGUY

--พี่ชอบ HWANG JIN YI (A-) มากพอสมควรค่ะ แต่ที่ได้เอลบ เพราะพี่รู้สึกเบื่อช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเรื่องมากๆ ถ้าไม่มีช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเรื่องอาจจะให้เอ

รู้สึกไม่ชอบ "การวางมาด" ของพระเอกหนังเรื่องนี้ด้วย ปกติพี่ชอบพระเอกคนนี้มากๆนะ แต่รับ "การวางมาด" ของเขาในเรื่องนี้ไม่ไหว

ดู "มาด" ของนางเอกหนังเรื่องนี้ในช่วงต้นๆเรื่อง ทำให้นึกถึงบทที่เฉินอี้เหลียนชอบแสดงเมื่อราว 20 ปีก่อน ประเภทบทเซียวเหล่งนึ่งและนางเอกใน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า"

--พูดถึงประเด็นการเมืองที่แฝงในหนังมนุษย์ต่างดาว เลยทำให้สงสัยขึ้นมาเล่นๆว่า "อุกกาบาต" ของคุณบัณฑิต ฤทธิ์ถกลมีประเด็นการเมืองอะไรแฝงอยู่หรือเปล่า

ตอบน้อง MERVEILLESXX

ชอบ AE FOND KISS (A++++++++++) มากๆ จริงๆแล้วชอบความรักในหนังของเคน โลชเกือบทุกเรื่องที่ได้ดู ทั้งๆที่หนังของเขาเน้นสะท้อนสังคมมากกว่าสร้างความโรแมนติก แต่ไม่รู้เป็นไง ดูแล้วกลับรู้สึกว่าคู่รักหรือความรักในหนังของเคน โลชหลายเรื่อง ทั้งใน CARLA'S SONG + MY NAME IS JOE + AE FOND KISS มันถึงกินใจพี่อย่างสุดๆ ไม่รู้เคยมีใครเขียนวิเคราะห์ประเด็นเรื่องความรักหญิงชายในหนังเคน โลชไว้บ้างหรือเปล่า อยากจะเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึก "โดน" มากๆกับความรักในหนังเคน โลช แต่ไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมกับหนังอย่าง LOVE ACTUALLY (C+) ได้

ฉากที่ลืมไม่ลงของพี่ใน AE FOND KISS คือฉากที่นางเอกถามพระเอกในทำนองที่ว่า "WHAT ABOUT MY HEART?" คิดว่าการแสดงของนางเอกในฉากนั้นสุดยอดมากๆ

อีกสิ่งที่ชอบมากๆใน AE FOND KISS คือการที่เรารู้สึกว่าเขาไม่โกงอารมณ์ตัวละคร คือตัวละครที่ได้รับความเจ็บปวดจากการกระทำของพระเอก+นางเอก เขาก็นำเสนอออกมาโดยไม่บิดเบือน ซึ่งแตกต่างจากหนังฮอลลีวู้ดหลายๆเรื่องที่ตัวละครประกอบมักจะชอบมาเห็นดีเห็นงามกับความรักของพระเอกนางเอกในช่วงท้ายเรื่องโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วตัวละครประกอบเหล่านั้นควรจะ "เจ็บปวด" กับความรักของพระเอกนางเอก (ตัวอย่างเช่นบท "ว่าที่ภรรยา" ของพระเอกใน THE WEDDING PLANNER)

No comments: