Wednesday, March 26, 2008

"IT'S FOR VIP ONLY"

My friend and I just went to Esplanade Cineplex today to buy a ticket for BEFF CORE – TRACK CHANGES (20.30-21.50 hrs), but the ticket seller told us that this film program is for VIP only.

What a waste of time for today!
http://www.project304.org/beff5/

11 comments:

Anonymous said...

ไม่ค่อยเกี่ยวกับเทศกาลเท่าไหร่แต่
1ในโรงหนังที่ผมไม่ชอบที่สุดคือ esplanade นี่แหละครับ

นอกจากว่าจะมีร้านอาหาร อร่อยแล้ว ที่เหลือก็แทบจะไม่มีอะไรดีเลย

ที่จอดรถแพง ถึงจะดูหนังเขาก็ยังจอดรถแพงอยู่ดี
ค่าตั๋วแพง โฆษณาเยอะ
ที่จอดรถไม่ดี
แถมยังเคยโดนพนักงาน checkที่จอดรถ
โกงเงินอีก

เรื่องหนังก็ใช่จะดี program checkไม่เคยตรง

ดูในmovieseer มีหรือไม่มี พอโทรไป มีหรือไม่มีก็ไม่รู้ เพราะไม่ตรงกับ ที่ตัวโรงเลย
บางเรื่อง ไม่มีในwebดัน มีฉายในโรง
บางเรื่องไม่มีในระบบ โทรศัพท์ ดันมีฉายในโรง
บางทีก็ไม่มีสรุปว่าต้องไป วัดดวงที่นั่นอย่างเดียว เสียเวลามากๆ
บางวันไป เสียเวลา หงุดหงิดโคตรๆ

เข้าเรื่องbeff หน่อย
มีคนรู้จักผม ได้ฉายด้วยครับ เรื่อง
chemeleon hunt ไม่รุ้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร แต่ได้ยินว่าฉายวันศุกร์ล่ะครับ

Anonymous said...

เหรอครับ?

วันนี้ ผมก็ไปงานนี้มาเหมือนกันครับ และกะจะดูหนังรอบสองทุ่มครึ่ง (ซึ่งมีหนังตัวเองฉายด้วย 555 แต่จริง ๆ แล้ว อยากดูหนังเรื่องอื่นในโปรแกรมมากกว่า โดยเฉพาะหนังของคุณไมเคิล)
และก็น่าแปลกใจเหมือนกัน ที่การเข้างานสามารถทำได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ คือ ผมไม่ได้ไปซื้อตั๋วก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากคิดว่า ตัวเองเป็นคนทำหนังในรอบฉายดังกล่าว ทางผู้จัดงานคงจะสำรองที่ไว้ให้บ้าง ดังนั้น ผมจึงขึ้นตรงไปที่ทางเข้าโรงหนังเลย ซึ่งปรากฏว่า ก็มีโต๊ะของเจ้าหน้าที่เทศกาลตั้งอยู่ใกล้ ๆ ช่องตรวจกระเป๋า ผมจึงเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตรงโต๊ะว่า ถ้าอยากจะดูหนังรอบสองทุ่มครึ่ง ต้องทำอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า แค่ลงชื่อในใบลงรายชื่อที่วางไว้บนโต๊ะ ก็สามารถเข้าไปดูหนังรอบนี้ได้ฟรี ๆ แล้ว ผมจึงลงชื่อและก็ได้ตั๋วมาฟรี ๆ โดยยังไม่ต้องบอกกับทางทีมงานว่า ตัวเองเป็นคนทำหนังแต่อย่างใด
ปรากฏว่า เมื่อขึ้นไปบริเวณโรงหนัง คนร่วมงานเทศกาลกลับน้อยกว่าที่คิดไว้ และกำหนดการของงานก็ล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้มากพอสมควร (อย่างน้อยคือ ครึ่งชั่วโมง)ผมได้ทักทายกับคุณ mer (ขอโทษนะครับ ไม่กล้าเขียนชื่อเต็ม ๆ กลัวเขียนผิด 555) แห่งเว็บบอร์ดไบโอสโคป เล็กน้อย แล้วก็ไปยืนแอบดูพิธีเปิดงานพักหนึ่ง ซึ่งคนเข้าร่วมก็มีไม่มากนัก (อย่างน้อยถ้าเทียบกับงานเทศกาลหนังสั้นของมูลนิธิหนังไทย)คือ มีผู้กำกับหนังสั้นหนังอิสระจำนวนหนึ่ง แต่มีฝรั่งเสียเป็นส่วนใหญ่
จนประมาณสามทุ่มได้ พิธีการดังกล่าวจึงเสร็จสิ้น และคนดูจำนวนหนึ่ง (ไม่ใช่ทั้งหมด) เริ่มทยอยเดินเข้าโรงหนัง ซึ่งผมคิดว่า คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก หนังจึงจะเริ่มฉาย
แต่บังเอิญ ผมมีนัดตอนประมาณสี่ทุ่มพอดี (ตอนแรก กะว่า ดูหนังรอบสองทุ่มครึ่งเสร็จแล้ว ก็คงไปเลทประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง) จึงเห็นว่า ถ้าหนังรอบนี้ฉายในช่วงเลยสามทุ่มไปแล้ว ตัวเองคงไปตามนัดไม่ทันแน่ ๆ เลยตัดสินใจเผ่นออกมาก่อนครับ 555

เข้ามาเล่าสู่กันฟังแค่นี้แหละครับ (คือสำหรับผม เรื่องตั๋ว ดันง่ายดายกว่าที่คิด และก็เห็นคนดูธรรมดาจำนวนหนึ่งที่ใช้วิธีเดียวกันกับผม โดยไม่ต้องไปซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เรื่องที่แย่หน่อยสำหรับผม คือ เรื่องกำหนดการของงานที่ล่าช้าไปมากพอสมควรครับ)

Anonymous said...

โอ๊ย ตายแล้วรู้สึกแย่จังเลย

คืองี้ครับ พี่ Mds ตอนผมไปซื้อตั๋ว พนง ก็บอกเหมือนกันว่า เป็นรอบ VIP (เห็นได้ชัดเลยว่า พนง. ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไร)

แต่ความจริงคือ ขึ้นมารับตั๋วฟรีได้เลยครับ ตรงชั้น 3 ใกล้ๆ จุดตรวจกระเป๋าอ่ะครับ (วันนี้ฟรี เพราะก่อนเริ่มงานมันมี opening reception อ่ะคัย วันอื่นๆ ก็ 60 บาท)

คือก่อนหนังใกล้จะเริ่มฉาย (ซึ่งฉาย 3 ทุ่มกว่าๆโน่น) ผมเห็นพี่ Mds ไม่มา ผมก็ว่าจะโทรหาเหมือนกัน แต่ก็คิดไปว่าพี่อาจจะติดธุระอะไร เลยไม่ได้โทร ถ้าโทรไปหา อาจจะบอกให้พี่รู้ทันว่า มันแจกตั๋วกันอยู่ข้างบน เฮ้อ คิดแล้วรู้สึกแย่จัง -__-'

แต่ว่า ผม + เต๋อ เห็นพ้องกันว่า โปรแกรม track changes ก็ไม่ได้ดีอะไรมากอ่ะครับ

พี่ Mds อย่าเพิ่งหุงดหงิดไปนะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่ สมาคมฝรั่งเศสเน้อ ^^

Anonymous said...

it s so sad to read this news.
i cheer you up na.


by the way, have u ever seen Jean-Claude Brisseau's Secret Things. I think this director surpassed Catherine Breillat.

: )

Anonymous said...

ps.

this film is very interesting
St. Trinian's (2007)
http://www.imdb.com/title/tt0964587/

Matthew Hunt said...

Sorry to hear that you couldn't see Track Changes. I was at Esplanade yesterday, too, for Sompot+Thunska, which finished at 8.30, so I guess we missed each other by minutes.

Vespertine, if you like Breillat and Secret Things, you might also like Guardami and Le Pornographe.

celinejulie said...

Thank you very much for your comments, everyone.

I talked to the film festival organizer and they told me that they had informed the Esplanade already that they would hand out free tickets for TRACK CHANGES last Wednesday. It seems the false information came from the Esplanade staff, not from the film festival organizer’s staff.

Peter Nellhaus said...

If the theater staff was aware of your website instead of downloading porn, they would have know you are a VIP. Between you and Wise Kwai, it is good to read about the Thai cinema that usually does not get seen outside of Thailand.

celinejulie said...

--Peter, thank you very much for your kind words. Fortunately, the problem with the Esplanade staff only happened on Wednesday. The festival ran almost smoothly after that.


--Vespertine, I have not seen SECRET THINGS yet, but I have seen two other films by Jean-Claude Brisseau—SOUND AND FURY (1988, A+++++++++++++++) and WHITE WEDDING (1989, A-). SOUND AND FURY is a feel-bad coming-of-age film. I think it is very powerful and should be seen together with LA HAINE or some films by Haneke. WHITE WEDDING is good, but not very powerful. I have heard that Brisseau worships Eric Rohmer a lot. I think this fact is very surprising, because the themes or feelings in Brisseau’s films are very far from Rohmer’s films.


--Matthew, I have never heard of GUARDAMI (1999, Davide Ferrario) before, but it sounds interesting. I have seen another film by Ferrario—AFTER MIDNIGHT (2004, A+). I think this film is very gentle and beautiful.

celinejulie said...

ตอบคุณ Dhan Lhaow

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสียความรู้สึกกับ Esplanade ไปเหมือนกันครับ แต่ก็หวังว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ไปดูหนังที่เอสพลานาดสักเท่าไหร่ เพราะมันไกลบ้าน แต่ก็ไปดูที่นี่บ้างเป็นบางครั้งถ้าหากมีเทศกาลหนัง, แวะมาหอศิลป์ตาดู, แวะมาศูนย์วัฒนธรรม หรือมีหนังที่ไม่ค่อยมีรอบฉายที่โรงอื่นๆ

ถ้าหากไม่นับโรงหนังเครือเอเพกซ์ที่สยามสแควร์แล้ว ผมก็มักเลือกที่จะไปดูหนังที่ SF CENTRAL WORLD PLAZA ครับ เพราะว่า

1.มีร้านอาหารให้เลือกเยอะในห้างสรรพสินค้า

2.มีโรงหนังเยอะ และมีหนังที่หลุดจากโรงอื่นๆไปแล้ว แต่ยังมีรอบฉายเหลือที่นี่อยู่ หรือบางทีก็มีหนังเกาหลีหรือญี่ปุ่นที่เปิดฉายที่โรงนี้ที่เดียวเท่านั้น

3.ดูรอบฉายที่หน้าโรงง่ายดี เพราะที่ป้ายบอกเวลาฉายหนัง เขาใช้ตัวเลขแปะไว้ข้างๆชื่อหนังเลย ไม่เหมือนโรง PARAGON ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ป้ายบอกเวลาฉายหนัง แต่กลับทำให้ดูเวลาฉายหนังยากมาก เพราะระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบอกรอบฉายทั้ง 14 โรงได้ในคราวเดียวกัน ทำให้ต้องเสียเวลารอนานมากกว่าจะดูรอบฉายหนังได้ครบ

ข้อเสียของโรงหนังที่นี่ก็คือมีโฆษณาก่อนฉายหนังประมาณ 30 นาที แต่คิดว่าปัญหาโฆษณานานแบบนี้เป็นกันหมดทุกโรง ยกเว้นโรงหนังเครือเอเพกซ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นผมก็เลยมักจะเข้าโรงหนังเลทไป 15-20 นาที จะได้ไม่ต้องทนดูโฆษณา

--ผมไม่ได้ไปดู CHAMELOEN HUNT ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าเพื่อนของคุณคงจะส่งหนังเรื่องนี้เข้าประกวดในงานของมูลนิธิหนังไทยนะครับ เผื่อหนังเรื่องนี้จะได้มีโอกาสฉายอีก

celinejulie said...

ตอบคุณ prap

--คุณ prap โชคดีมากครับที่ไม่ได้แวะไปตรงบูธขายตั๋วหนังก่อน ไม่งั้นอาจจะได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดเหมือนกับผม

หากมองเหตุการณ์เรื่องนี้แบบตลกๆ ผมก็คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับเล่นเกมงูตกกระไดเลยครับ การที่ผมเลือกเดินไปที่บูธขายตั๋วหนัง มันเหมือนกับว่าผมเดินไปที่ช่องที่มีตัวงู ผมก็เลยตกลงมาจากช่องนั้นลงมาอยู่ที่ส่วนล่างๆของกระดานเกม ส่วนคุณปราปต์เลือกเดินไปที่ทางขึ้นไปโรงหนัง ก็เหมือนกับได้เดินไปที่ช่องที่มีกระได ก็เลยเลื่อนปรู๊ดขึ้นไปเข้าเส้นชัยได้ในทันที ฮ่าๆๆ

--ดูหนังในเทศกาลนี้แล้วมีหนังการเมืองเยอะมาก ดูแล้วก็คิดถึงคุณปราปต์อยู่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่หนังฝรั่งหลายเรื่องในเทศกาลนี้พูดภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีซับไตเติลภาษาอังกฤษ ผู้ชมก็เลยต้องใช้ความสามารถทางการฟังสูงมาก ก็เลยอาจจะทำให้ไม่เข้าใจเนื้อหาทางการเมืองในหนังหลายๆเรื่องได้หมด

--เห็นคุณ WISE KWAI เขียนถึงหนังเรื่อง NATIONAL ANTHEM ของคุณชาย ไชยชิตไว้นิดนึง
http://thaifilmjournal.blogspot.com/2008/03/beff5-my-viewings.html

--รู้สึกดีใจที่ได้ดูหนังเรื่อง LETTERS FROM THE SILENCE รอบสองในเทศกาลนี้ เพราะการดูหนังเรื่องนี้ในเวลานี้ทำให้สังเกตเห็นอะไรอย่างนึงที่ไม่ทันเห็นในรอบแรก และทางผู้สร้างหนังเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ตั้งใจ นั่นก็คือในจดหมายของชาวบ้านนั้น ถ้าผมดูไม่ผิด มีการใช้คำว่า “พลังประชาชน” ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วย

จุดนี้ทำให้ดูแล้วรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เพราะคำว่า “พลังประชาชน” ในช่วงเวลาที่มีการสร้างหนังเรื่องนี้ (ปลายปี 2006) เป็นคำที่มีความหมายดีมากๆ แต่ในเวลาปัจจุบันนี้ คำว่า “พลังประชาชน” ได้มีความหมายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งความหมายแล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นความหมายที่ดีหรือเปล่า

การที่พรรคการเมืองบางพรรคนำคำว่า “พลังประชาชน” ไปใช้ประโยชน์นั้น ทำให้นึกถึงคำพูดของฝรั่งบางคนเหมือนกัน ผมเคยได้ยินฝรั่งบางคนเขียนว่า เขาชอบอุดมคติหลายอย่างในทศวรรษ 1970 มากๆ แต่พอมาถึงช่วงกลางทศวรรษ 1980 เขาก็พบว่าอุดมคติหรือแนวคิดดีๆหลายอย่างในทศวรรษ 1970 ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางการโฆษณาหรือในทางการพาณิชย์จนหมด ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาหมายถึงแนวคิดอะไรบ้าง แต่คำพูดของเขาก็ทำให้นึกถึงคำว่า “พลังประชาชน” ที่อยู่ในจดหมายของชาวบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีความหมายแตกต่างจากคำว่า “พลังประชาชน” ที่ถูกใครบางคนนำไปใช้ประโยชน์ในเวลานี้