GAYSA (2013, Surawee Worapoj, 14min, A+15)
เกศา (สุระวี วรพจน์)
มันมี “หนังรัก” ที่เราชอบสุดๆซ่อนอยู่ในหนังสยองขวัญเรื่องนี้
แต่เราขอพูดถึงประเด็นอื่นๆก่อนแล้วกัน
ดูหนังเรื่อง “เกศา” แล้วทำให้นึกถึงเรื่องต่างๆดังต่อไปนี้
1.ชอบ setting อพาร์ทเมนท์ของพระเอกมากๆ
เราว่ามันดูน่ากลัวมากๆ
เราไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้ใช้การจัดแสงมากน้อยแค่ไหนในฉากทางเดินอพาร์ทเมนท์
แต่เราว่าบรรยากาศทางเดินอพาร์ทเมนท์ในหนังเรื่องนี้มันน่ากลัวมากๆเลย
โดยเฉพาะแสงตามทางเดินที่ออกมาสลัวๆ
หรือมีมุมมืดซ่อนอยู่ตามซอกหลืบต่างๆในระดับพอเหมาะ
2.การแต่งหน้าผีก็ออกมาใช้ได้นะ
3.ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้ต้องการเป็นหนังสยองขวัญล้วนๆ
หรือตั้งใจให้มันตลกบ้างเล็กน้อย
แต่เราว่ามันตลกดีตอนฉากผีมายืนทำเสียงคร่อกๆแคร่กๆอยู่หน้าห้องน่ะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉากนี้ถึงออกมาดูแล้วตลก แต่มันก็ไม่ใช่ข้อเสียของหนังนะ
เพราะเราคุ้นชินกับหนังผีไทยที่ปนความตลกอยู่แล้ว
4.ฉากผีปรากฏตัวตรงทางเดินอพาร์ทเมนท์หนแรก
กับฉากผีมายืนข้างหลังพระเอกตอนไขประตูห้อง น่าตกใจดี เราว่า “จังหวะ”
ตรงนี้แม่นดี การปรากฏอย่างฉับพลันของผีจึงทำให้มันดูน่าตกใจได้
5.ดูแล้วนึกถึงที่ใครบางคนเคยพูดว่า
หนังผีหลายๆเรื่องของเอเชียสะท้อนความปรารถนาที่เก็บกดของเพศหญิง เพราะในอดีตผู้หญิงเอเชียไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียง
หลายๆอย่างที่พวกเธอทำไม่ได้ในชีวิตจริง พวกเธอจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อตายไปแล้ว
โดยเฉพาะการแก้แค้น เพราะฉะนั้นผีส่วนใหญ่ในหนังผีเอเชียจึงเป็นผีเพศหญิง
หนังเรื่อง “เกศา” ดูเหมือนจะพัฒนาต่อไปจากจุดนั้น ถ้าหากผีเป็นการเปล่งเสียงของผู้ด้อยสิทธิอย่างเช่นสตรี
เกย์ก็ยิ่งเป็นผู้ด้อยสิทธิยิ่งกว่าสตรีอีก เพราะฉะนั้นการที่ผีในหนังเรื่องนี้เป็นเกย์
ไม่ใช่ผู้หญิงในแบบหนังผีไทยทั่วไป จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
และเกย์ในหนังเรื่องนี้ก็ใช้ชีวิตในสังคม homophobia อย่างเห็นได้ชัดด้วย
(สะท้อนผ่านทางตัวละครลุงขายน้ำอัดลม)
สรุปว่าในขณะที่หนังผีเอเชียหลายๆเรื่องสะท้อนโครงสร้างทางสังคมที่ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายในอดีต
หนังผีเรื่องนี้จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า มันสะท้อนโครงสร้างทางสังคมในลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเปล่า
6.ไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วผู้ตายเคยปล้ำผู้ชายจริงๆหรือเปล่า
หนังเรื่องนี้ไม่ได้แสดงให้เราเห็นตรงๆ บางทีหนังอาจจะต้องการให้คนดูคิดเองก็ได้
แต่เราเข้าใจว่า บางทีช่างตัดผมอาจจะไม่เคยปล้ำผู้ชายเลยก็ได้
เขาแค่ผิดหวังในความรัก และพอผู้ชายที่เขารักทิ้งเขาไป เขาก็เลยฆ่าตัวตาย
ส่วนเรื่องการปล้ำนั้นเป็นข่าวลือที่ตัวผู้ชายกุขึ้นมาเอง
แต่อันนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
7.เราว่าหนังเรื่องนี้น่ากลัวในระดับนึงนะ คือน่ากลัวในระดับ A+ น่ะ
แต่ยังไม่น่ากลัวถึงขั้น A+30 เราไม่แน่ใจว่าผู้ชมที่เป็นผู้ชาย
straight จะกลัวหนังเรื่องนี้มากกว่าเราหรือเปล่า
เพราะเราคิดว่าสาเหตุนึงที่เราไม่ได้กลัวหนังเรื่องนี้มากนัก เป็นเพราะเรา identify
กับตัวผีมากกว่าตัวพระเอก ฮ่าๆๆ พอเรา identify กับตัวผี เราก็เลยไม่ค่อยกลัวผีในหนังเรื่องนี้มากนัก
แต่เรากลับไปประทับใจกับความรักข้างเดียวของผีในหนังเรื่องนี้แทน ดูแล้วก็นึกถึง “พี่มากพระโขนง”
อยู่เหมือนกัน ในแง่ที่ว่าเราก็ identify กับตัวนางเอกในพี่มากพระโขนงในฐานะคนนอกของสังคม
แทนที่จะ identify กับตัวละครมนุษย์ในเรื่อง
8.แต่ความกลัวของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้
มันไม่ได้เกิดจากการที่เรากลัวผีจะมาทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว
แต่มันเกิดจากการที่เรารู้สึกว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับ “ความปรารถนาส่วนลึกในใจตัวเอง”
ด้วย คือผีในหนังเรื่องนี้มัน want ผู้ชายเหมือนกับเราไง
เพราะฉะนั้นสำหรับเราแล้ว
ผีในหนังเรื่องนี้มันก็เหมือนกับเป็นความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ลึกๆในใจเรา
และหนังเรื่องนี้ก็ทำความปรารถนาดังกล่าวให้ปรากฏเป็นรูปธรรมในรูปของผีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว
เพราะฉะนั้นพอเราเห็นผีมาลูบไล้ตัวพระเอกที่หน้าห้อง เราก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่า
เรากำลังเผชิญหน้ากับ “ความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในใจตัวเราเอง”
เราว่าจุดนี้น่าสนใจดี เพราะหนังผีหลายๆเรื่องมัน work เพราะมันมีมิติทางจิตวิทยาซ่อนอยู่ด้วย
ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงหนังสยองขวัญเรื่องนึงที่เรากลัวที่สุดในชีวิต
นั่นก็คือ JEEPERS CREEPERS (2001, Victor Salva, A+30) เพราะสัตว์ประหลาดในหนังเรื่องนี้
ก็มีลักษณะความเป็นเกย์สูงมากเช่นกัน
9. หนังเรื่อง “เกศา” ทำให้เราจินตนาการต่อไปได้อีกเยอะเหมือนกัน
จินตนาการอันนึงก็คือว่า เราอยากดัดแปลงหนังเรื่องนี้ให้เป็นหนังจิตวิทยามากยิ่งขึ้น
โดยให้ผีในเรื่องนี้อาจจะไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นความปรารถนาส่วนลึกในใจของพระเอกแทน
โดยในการดัดแปลงนี้ พระเอกจะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเกย์
และเขาก็เริ่มรู้สึกชอบเพื่อนชายของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เขาก็พยายามปฏิเสธเสียงเรียกร้องส่วนลึกในใจของตัวเอง คือถ้าเป็นในกรณีนี้
ผีในเรื่องมันจะก้ำกึ่งระหว่าง “ผีที่มีตัวตนจริงๆ” กับ “ความเป็นเกย์ที่ซ่อนอยู่ในตัวพระเอกเอง”
10.อย่างไรก็ดี เราก็ไม่สามารถ identify ตัวเองกับผีในเกศาได้อย่างสมบูรณ์หรอกนะ
เพราะถ้าหากเราเป็นผีในหนังเรื่องนี้ หนังก็คงไม่จบแบบนี้ ฮ่าๆๆ
เพราะเราคงจะไม่มาตามรังควานพระเอกอีกต่อไป
หลังจากตระหนักดีแล้วว่าพระเอกไม่ใช่คนที่เราเคยชอบ และไม่ได้เต็มใจที่จะมีอะไรกับเรา
หรือไม่เราก็อาจจะทำตัวเป็นผีที่ดี คอยช่วยเหลือให้พระเอกได้สมหวังกับสาวคนรักหรืออะไรแบบนี้แทน
ฮ่าๆๆ
อย่างไรก็ดี ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ก็คงมีเหตุผลของตนเองที่เลือกให้หนังจบแบบนี้
แต่ตอนจบแบบนี้ก็ทำให้เราถอยห่างออกมาจากหนังเหมือนกันจ้ะ
11.เอาล่ะ เราขอพูดถึงจุดที่เราชอบสุดขีดในหนังเรื่องนี้แล้วกันนะ
ซึ่งเป็นจุดที่เราไม่รู้ว่าผู้สร้างหนังเรื่องนี้ตั้งใจหรือเปล่า
คือหนังเรื่องนี้มันทำให้เราจิ้น
หรือจินตนาการหนังรักขึ้นมาอีกเรื่องนึงได้ทั้งเรื่องเลยน่ะ
สิ่งที่ดีมากๆในหนังเรื่องนี้คือความรักของชายแก่
คือถ้าหากให้เราเอาหนังเรื่องนี้มารีเมคนะ
เราจะทำให้มันเป็นหนังรักที่ดูแล้วร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงไปเลย เพราะพอเราดู “เกศา”
เสร็จ เราสามารถจินตนาการถึงชีวิต, ความรัก, อารมณ์, ความรู้สึกของตัวช่างตัดผมได้หมดเลยน่ะ
สงสัยมันใกล้เคียงกับชีวิตของเรา ฮ่าๆๆ คือเราว่าตัวละครช่างตัดผมในเรื่องนี้มันน่าสนใจมากๆ
เพราะเขาเป็นทั้งเกย์, เป็นทั้งคนแก่, เป็นทั้งคนจน
และอาศัยอยู่ในสังคมที่มองเขาในทางลบ ตัวละครตัวนี้มันเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจมากๆ
และเหมาะอย่างยิ่งที่จะถูก treat ในฐานะพระเอกของเรื่อง
เพียงแต่ว่ามันคงยากที่จะมีหนังไทยเรื่องไหนที่จะนำเสนอพระเอกที่มีสถานะแบบนี้
แต่ถ้าหากมีหนังไทยเรื่องไหนกล้าทำแบบนี้
และเข้าถึงความรักและความปรารถนาของตัวละครช่างตัดผมคนนี้จริงๆ
หนังเรื่องนั้นคงทำให้เราร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงแน่นอน
(หนังโรแมนติกของไทยเกี่ยวกับเกย์วัยชราที่ดูแล้วดีมาก ตอนนี้เรานึกถึงเพียงแค่เรื่อง
“ผลิรักไม่รู้โรย” ของณภัทร ใจเที่ยงธรรม และเราอยากให้มีการผลิตหนังแนวนี้ออกมาอีก
เราว่าชีวิตของช่างตัดผมในหนังเรื่องนี้มันขยายออกมาเป็นหนังยาวได้เรื่องนึงเลย
และหนังยาวเรื่องนั้นอาจจะมีลักษณะคล้ายๆ DEATH IN VENICE (Luchino
Visconti) หรือ LOVE AND DEATH ON LONG ISLAND (1997,
Richard Kwietniowski) ด้วยก็ได้ เพราะหนังสองเรื่องนี้ก็พูดถึงความปรารถนาของชายชราที่มีต่อเด็กหนุ่มเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าชีวิตของช่างตัดผมในเกศามันดูรันทดและร้าวรานใจกว่าชีวิตของตัวละครในหนังฝรั่งสองเรื่องนี้อีก
12.ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกได้ว่า
จริงๆแล้วน่าจะมีคนศึกษาเรื่องบทบาทของเกย์ในหนังผีไทยอย่างจริงๆจังๆเหมือนกัน
โดยหนังที่น่าศึกษาในกลุ่มนี้ก็รวมถึง
12.1 หอแต๋วแตกทุกภาค
12.2 กลางวันแสกๆ (2003, ทายาท เดชเสถียร + พิศาล แสงจันทร์, 10นาที)
ที่เป็นเรื่องผีกะเทยตบกันเพราะแย่งผู้ชายในหอพัก
12.3 403 (2008, Pavis Saosi-on, 18min) ที่เป็นเรื่องของกลุ่มกะเทยโดนผีหลอกในอพาร์ทเมนท์
12.4 3 SOME (2011, Pitchanont Janebanjong, 21.24min)
12.5 กูอยู่ข้างหลัง (ตันหยง บุญธูป, A+30) ที่เป็นหนังเกี่ยวกับกะเทยโดนผีหลอก
12.6 เกศา เราว่าสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้
ก็คือหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับเกย์ ไม่ใช่กะเทยตุ้งติ้งเหมือนหนังผีไทยเรื่องอื่นๆ
สรุปว่า “เกศา” เป็นหนังผีที่น่ากลัวพอสมควร, มีความตลกเจือปนอยู่บ้าง
และเป็นหนังที่พอเราเอามาจินตนาการต่อด้วยตัวเองแล้ว
เราสามารถสร้างหนังรักขึ้นมาในหัวได้เรื่องนึง หนังรักของเกย์แก่ๆ จนๆ
ที่หลงรักหนุ่มหล่อคนนึง และเป็นความรักที่ไม่มีวันสมหวังได้
No comments:
Post a Comment