Thursday, August 01, 2013

THE MOST BEAUTIFUL WOMAN (2013, Apisit Punyapoo, 8.29min, A)

 
THE MOST BEAUTIFUL WOMAN (2013, Apisit Punyapoo, 8.29min, A)
ผู้หญิงที่สวยที่สุด (อภิสิทธิ์ ปัญญาภู)
 
(จากข้อความที่คุยกับ a Facebook friend)
 
ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ใช้ได้นะครับ น่ารักดี สิ่งที่ชอบมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือ
 
1.หนังนำเสนอมุมมองของเด็กๆออกมาได้ดี
 
2.หนังกำกับการแสดงของเด็กๆได้ดี โดยเฉพาะเด็กที่เล่นเป็นพระเอก
 
3.จริงๆแล้วผมรู้สึกอินกับหนังเรื่องนี้ตอนต้นเรื่องครับ ในตอนต้นของเรื่องนี้ ลูกชายรู้สึกอายแม่ของตัวเองเพราะแม่อาจจะดูน่าเกลียดในสายตาของเพื่อนๆ (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) มันก็เลยทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างในตอนเด็กๆเหมือนกันครับ
 
4.ชอบฉากที่พระเอกไปจับจมูกกับแก้มของแม่ด้วยครับ เป็นฉากที่น่ารักมากๆ
 
แต่สาเหตุที่ผมไม่ได้ให้เกรดหนังเรื่องนี้สูงไปกว่านี้ไม่เกี่ยวกับคุณภาพของหนังว่าดีหรือไม่ดีครับ แต่เป็นเพราะรสนิยมส่วนตัวและประวัติชีวิตส่วนตัวของผมมากกว่า คือจริงๆแล้วผม “ไม่อิน” กับหนังหลายเรื่องที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวในแง่ดีน่ะครับ ถ้าพูดตามตรงก็คือว่าผมกับสมาชิกบางคนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นหนังหลายๆเรื่องที่นำเสนอความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวในแง่ดี ผมก็เลยรู้สึก “ไม่อิน” หรือบางทีก็รู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรงโดยอัตโนมัติน่ะครับ และหนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นหนึ่งในหนังกลุ่มนั้น ซึ่งปัญหาหลักที่ผมมีกับหนังไม่ได้เกิดจากคุณภาพของตัวหนังแต่อย่างใด แต่เกิดจากประวัติชีวิตส่วนตัวของผมที่ไม่เข้ากันกับเนื้อหาหลักของหนังเรื่องนี้มากกว่าครับ
 
สรุปว่าสิ่งที่ “ไม่เข้ากับผม” ในหนังเรื่องนี้ประกอบด้วย
 
1.เนื้อหาหลักของหนัง
 
2.โทนของหนังมัน feel good เกินไปสำหรับผมครับ นอกจากฉากต้นเรื่องที่พระเอกโดนเพื่อนๆล้อแล้ว มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ไม่มี “ความเจ็บปวด” เลย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดที่หนังไม่มีความเจ็บปวด แต่ผมมักจะอินกับความเจ็บปวดในหนังครับ โดยเฉพาะหนังที่พูดถึงครอบครัวกับโรงเรียน เพราะฉะนั้นหนังที่ “เจ็บปวดน้อย” หรือ “สดใสมากๆ” อย่างหนังเรื่องนี้ ก็เลยไม่ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่ครับ
 
3.หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มัน feel good เกินไปสำหรับผม ก็เป็นเพราะว่าปัญหามันดูคลี่คลายง่ายๆด้วยครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของหนังอีกนั่นแหละ แต่การที่ปัญหามันคลี่คลายง่ายๆมันก็ทำให้ความสนุกลดลงไปเหมือนกัน
 
4.เป็นไปได้ว่าจริงๆแล้วผมอาจจะอิจฉาตัวละครในเรื่องนี้ พระเอกกับคุณแม่มีความสุขในตอนจบของเรื่อง เพื่อนๆพระเอกก็ยอมรับแม่พระเอก คุณครูก็ยิ้มแฉ่ง มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมคงไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้คือใคร หนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อให้เด็กๆดูเป็นหลักหรือเปล่าครับ คือถ้าหนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อให้เด็กๆประถมดู ผมก็ว่าหนังเรื่องนี้สัมฤทธิ์ผล และดีหรือเหมาะสมมากๆกับเด็กประถมครับ เพราะโลกของเด็กประถม มันยังมีความสดใสแบบในหนังเรื่องนี้อยู่
 
ขอเสริมข้อมูลนอกเรื่องนิดนึงครับ
 
เป็นโชคร้ายของหนังเรื่องนี้ด้วยครับที่ในงานมาราธอน หนังเรื่องนี้ฉายชนกับ “ผู้หญิงคนนี้ สวยที่สุด” ของกิตติศัพท์ เอิบสุข ซึ่งพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายวัยเด็กประถมเหมือนกัน โดยที่แม่กับลูกชายในเรื่องก็เข้ากันไม่ได้ในช่วงต้นเรื่อง ก่อนที่จะคืนดีกันได้ในช่วงต่อมา ซึ่งตรงจุดนี้จะคล้ายๆกับหนังเรื่อง ”ผู้หญิงที่สวยที่สุด” แต่ส่วนอื่นๆของหนังสองเรื่องนี้ไม่เหมือนกันแต่อย่างใดครับ
 
ในกรณีหนังของคุณกิตติศัพท์นั้น ผมดูแล้วแทบร้องไห้ครับ เพราะมันมีจุดที่อินมากๆคือเรื่องความตายของมนุษย์ ในหนังเรื่องนี้ลูกชายได้เรียนรู้ว่า การที่แม่จู้จี้ขี้บ่น อารมณ์ไม่ดี เป็นเพราะแม่ป่วยเป็นมะเร็ง และอาจจะตายได้ และฉากสำคัญในหนังเรื่องนี้คือฉากที่กล้องตั้งนิ่งๆ แม่นอนอยู่บนเตียง แล้วลูกชายก็กุมมือแม่ไว้ ลูกชายคุยไปเรื่อยๆถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ในขณะที่แม่พยายามตอบลูกชาย แต่ก็ดูเหมือนเธอใกล้จะหมดแรงพูดลงเรื่อยๆ กล้องจับไปที่ภาพมือของลูกชายที่กุมมือแม่ไว้ ฉากนี้ทำให้ผมแทบร้องไห้ทีเดียว เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่า ยังไงๆเสีย ลูกชายก็ไม่มีทางยื้อยุดชีวิตแม่เอาไว้ได้ มันเป็นความพยายามอันสิ้นหวังของมนุษย์ในการต่อกรกับความตาย ฉากนี้มันเจ็บปวดสุดๆเลยครับ
 
สรุปว่า “ผู้หญิงที่สวยที่สุด” ของคุณอภิสิทธิ์ เป็นหนังที่น่ารักมาก แต่ผมคงไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังครับ ในขณะที่ “ผู้หญิงคนนี้...สวยที่สุด” ของคุณกิตติศัพท์ เป็นหนังที่เจ็บปวดมากๆ และผมคงเป็นหนึ่งในผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้ครับ
 
Apisit Punyapoo also directed WHITE PAPER (2012, A+).
 

No comments: