THE MOST BEAUTIFUL WOMAN (2013, Apisit Punyapoo, 8.29min, A)
ผู้หญิงที่สวยที่สุด (อภิสิทธิ์ ปัญญาภู)
(จากข้อความที่คุยกับ a Facebook friend)
ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ใช้ได้นะครับ น่ารักดี
สิ่งที่ชอบมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือ
1.หนังนำเสนอมุมมองของเด็กๆออกมาได้ดี
2.หนังกำกับการแสดงของเด็กๆได้ดี โดยเฉพาะเด็กที่เล่นเป็นพระเอก
3.จริงๆแล้วผมรู้สึกอินกับหนังเรื่องนี้ตอนต้นเรื่องครับ
ในตอนต้นของเรื่องนี้ ลูกชายรู้สึกอายแม่ของตัวเองเพราะแม่อาจจะดูน่าเกลียดในสายตาของเพื่อนๆ
(ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) มันก็เลยทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างในตอนเด็กๆเหมือนกันครับ
4.ชอบฉากที่พระเอกไปจับจมูกกับแก้มของแม่ด้วยครับ เป็นฉากที่น่ารักมากๆ
แต่สาเหตุที่ผมไม่ได้ให้เกรดหนังเรื่องนี้สูงไปกว่านี้ไม่เกี่ยวกับคุณภาพของหนังว่าดีหรือไม่ดีครับ
แต่เป็นเพราะรสนิยมส่วนตัวและประวัติชีวิตส่วนตัวของผมมากกว่า คือจริงๆแล้วผม “ไม่อิน”
กับหนังหลายเรื่องที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวในแง่ดีน่ะครับ
ถ้าพูดตามตรงก็คือว่าผมกับสมาชิกบางคนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เพราะฉะนั้นหนังหลายๆเรื่องที่นำเสนอความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวในแง่ดี
ผมก็เลยรู้สึก “ไม่อิน” หรือบางทีก็รู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรงโดยอัตโนมัติน่ะครับ
และหนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นหนึ่งในหนังกลุ่มนั้น
ซึ่งปัญหาหลักที่ผมมีกับหนังไม่ได้เกิดจากคุณภาพของตัวหนังแต่อย่างใด แต่เกิดจากประวัติชีวิตส่วนตัวของผมที่ไม่เข้ากันกับเนื้อหาหลักของหนังเรื่องนี้มากกว่าครับ
สรุปว่าสิ่งที่ “ไม่เข้ากับผม” ในหนังเรื่องนี้ประกอบด้วย
1.เนื้อหาหลักของหนัง
2.โทนของหนังมัน feel good เกินไปสำหรับผมครับ
นอกจากฉากต้นเรื่องที่พระเอกโดนเพื่อนๆล้อแล้ว มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ไม่มี “ความเจ็บปวด”
เลย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดที่หนังไม่มีความเจ็บปวด แต่ผมมักจะอินกับความเจ็บปวดในหนังครับ
โดยเฉพาะหนังที่พูดถึงครอบครัวกับโรงเรียน เพราะฉะนั้นหนังที่ “เจ็บปวดน้อย” หรือ “สดใสมากๆ”
อย่างหนังเรื่องนี้ ก็เลยไม่ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่ครับ
3.หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มัน feel good เกินไปสำหรับผม
ก็เป็นเพราะว่าปัญหามันดูคลี่คลายง่ายๆด้วยครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของหนังอีกนั่นแหละ
แต่การที่ปัญหามันคลี่คลายง่ายๆมันก็ทำให้ความสนุกลดลงไปเหมือนกัน
4.เป็นไปได้ว่าจริงๆแล้วผมอาจจะอิจฉาตัวละครในเรื่องนี้
พระเอกกับคุณแม่มีความสุขในตอนจบของเรื่อง เพื่อนๆพระเอกก็ยอมรับแม่พระเอก
คุณครูก็ยิ้มแฉ่ง
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมคงไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ
จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้คือใคร
หนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อให้เด็กๆดูเป็นหลักหรือเปล่าครับ
คือถ้าหนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อให้เด็กๆประถมดู ผมก็ว่าหนังเรื่องนี้สัมฤทธิ์ผล
และดีหรือเหมาะสมมากๆกับเด็กประถมครับ เพราะโลกของเด็กประถม
มันยังมีความสดใสแบบในหนังเรื่องนี้อยู่
ขอเสริมข้อมูลนอกเรื่องนิดนึงครับ
เป็นโชคร้ายของหนังเรื่องนี้ด้วยครับที่ในงานมาราธอน
หนังเรื่องนี้ฉายชนกับ “ผู้หญิงคนนี้ สวยที่สุด” ของกิตติศัพท์ เอิบสุข
ซึ่งพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายวัยเด็กประถมเหมือนกัน
โดยที่แม่กับลูกชายในเรื่องก็เข้ากันไม่ได้ในช่วงต้นเรื่อง
ก่อนที่จะคืนดีกันได้ในช่วงต่อมา ซึ่งตรงจุดนี้จะคล้ายๆกับหนังเรื่อง ”ผู้หญิงที่สวยที่สุด”
แต่ส่วนอื่นๆของหนังสองเรื่องนี้ไม่เหมือนกันแต่อย่างใดครับ
ในกรณีหนังของคุณกิตติศัพท์นั้น ผมดูแล้วแทบร้องไห้ครับ
เพราะมันมีจุดที่อินมากๆคือเรื่องความตายของมนุษย์
ในหนังเรื่องนี้ลูกชายได้เรียนรู้ว่า การที่แม่จู้จี้ขี้บ่น อารมณ์ไม่ดี
เป็นเพราะแม่ป่วยเป็นมะเร็ง และอาจจะตายได้ และฉากสำคัญในหนังเรื่องนี้คือฉากที่กล้องตั้งนิ่งๆ
แม่นอนอยู่บนเตียง แล้วลูกชายก็กุมมือแม่ไว้ ลูกชายคุยไปเรื่อยๆถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ
ในขณะที่แม่พยายามตอบลูกชาย แต่ก็ดูเหมือนเธอใกล้จะหมดแรงพูดลงเรื่อยๆ
กล้องจับไปที่ภาพมือของลูกชายที่กุมมือแม่ไว้ ฉากนี้ทำให้ผมแทบร้องไห้ทีเดียว
เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่า ยังไงๆเสีย ลูกชายก็ไม่มีทางยื้อยุดชีวิตแม่เอาไว้ได้
มันเป็นความพยายามอันสิ้นหวังของมนุษย์ในการต่อกรกับความตาย
ฉากนี้มันเจ็บปวดสุดๆเลยครับ
สรุปว่า “ผู้หญิงที่สวยที่สุด” ของคุณอภิสิทธิ์ เป็นหนังที่น่ารักมาก
แต่ผมคงไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังครับ ในขณะที่ “ผู้หญิงคนนี้...สวยที่สุด”
ของคุณกิตติศัพท์ เป็นหนังที่เจ็บปวดมากๆ
และผมคงเป็นหนึ่งในผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้ครับ
Apisit Punyapoo also directed WHITE PAPER (2012, A+).
No comments:
Post a Comment