A VAGRANT SINGING BEGGAR (2013, Poopaan Sornwismongkol,
documentary, 33.13min, A+30)
วณิพกพเนจร (ภูพาน สรวิศมงคล)
ดูแล้วนึกไปถึงหนังรัสเซียเรื่อง PALMS (1993, Artur Aristakisyan, A+30) ที่นำเสนอภาพชีวิตคนจน, ขอทาน
หรือคนในสลัมได้ทรงพลังสุดๆแบบนี้เหมือนกัน
ในความเป็นจริงนั้น เราไม่เคยหยุดฟังวณิพกเขาเล่นเพลงจริงๆจังๆเลย
แต่พอได้มาดูหนังเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ
เพราะสิ่งที่สำคัญมันอาจจะไม่ได้อยู่ที่ “ความไพเราะของเพลง” แต่มันเหมือนเป็นการสื่อสารทางจิตถึงความลำบากยากเย็นของชีวิตระหว่างคนดูกับคนเล่นดนตรี
คือในขณะที่เราฟังคอนเสิร์ตปกติ
สิ่งที่สำคัญคือการปล่อยใจไปกับเสียงดนตรีที่เราได้ยิน แต่เวลาเราดูหนังเรื่อง “วณิพกพเนจร” กับหนังเรื่อง “รังไหมดิบ สยาม
ไทรโศก”
(กำกับโดยธีรนิติ์ เสียงเสนาะ)
ที่จับภาพวณิพกขณะเล่นดนตรีเป็นเวลานานๆ
เรากลับรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญมันเป็นมากกว่าเสียงดนตรี
แต่มันเป็นชีวิตหรือจิตวิญญาณของคนเล่นดนตรี ชีวิตที่เราอาจจะไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วเขาผ่านความทุกข์ยากอะไรมาบ้าง
แต่ภาพที่เราได้เห็นมันก็กระตุ้นจินตนาการเรามากๆว่าชีวิตเขาเคยเจออะไรมาบ้าง
และชีวิตของเขาก็อาจจะแตกต่างจากเรามากพอสมควร
การดูหนังเรื่องนี้มันเหมือนเป็นการปะทะกับโลกของคนที่อาจจะมีชีวิตแตกต่างจากเรามาก
แต่เขาก็เป็นมนุษย์คนนึง
และหนังเรื่องนี้ก็เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณเขาชั่วขณะหนึ่ง
และมันก็เป็นประสบการณ์ที่ทรงพลังมากๆ
ชอบช่วงที่มีผู้ชายอีกคนนึงเอาเสื่อหรือของอะไรบางอย่างมาให้วณิพกด้วย
มันดูน่าประทับใจมาก
หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “สามัญชน” (THE PORTRAIT OF A YOUNG MAN) (2006, Manussa Vorasingha, 30min, A+30) ด้วย เพราะ
THE PORTRAIT OF A YOUNG MAN จับภาพของชายเร่ร่อนคนหนึ่งอย่างนิ่งนาน
และให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกคล้ายๆจะหดหู่
แต่ก็ไม่ได้หดหู่แบบหนังสงคราม หรือหนังที่ตีแผ่ความชั่วร้ายของมนุษย์ แต่เป็นความเศร้าต่อโลกมนุษย์ในแบบที่เรายังนึกหาคำเหมาะๆไม่ได้
ถ้าหากเอาหนังในกลุ่มนี้มาเทียบเคียงกันแล้ว PALMS อาจจะมีลักษณะความเป็นกวีสูงสุด
ส่วน “รังไหมดิบ สยาม ไทรโศก” ทำให้เราร้องไห้มากที่สุด เพราะมันมีการเร้าอารมณ์ด้วยกล้อง,
ด้วยผู้คนในสยามสแควร์ ด้วยเสารถไฟฟ้าที่ใหญ่มหึมา
และด้วยการเอาเพลงไทรโศกไปใส่ไว้ในรถไฟฟ้าตอนช่วงแรกๆของเรื่อง (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจุดนี้ถึงมีส่วนในการทำให้เราร้องไห้
แต่มันเหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่า ถึงคุณไม่ได้ยินเสียงเพลงนี้ด้วยหูของคุณ
เพลงนี้ก็อาจจะอยู่ในจิตวิญญาณของคุณ หรือความอาดูรของโลกนี้มีอยู่ในทุกๆแห่ง)
ในขณะที่จุดดีของวณิพกพเนจร คือการไม่เร้าอารมณ์ และเปิดโอกาสให้ subject ของเรื่องได้แสดงตัวตนของตัวเองออกมามากกว่า “รังไหมดิบ สยาม ไทรโศก”
น่าเสียดายที่เราจำรายละเอียดใน THE PORTRAIT OF A YOUNG MAN ไม่ได้แล้ว แต่เราสงสัยมานานแล้วว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นสารคดีหรือมีความเป็นสารคดีผสมอยู่ด้วยหรือเปล่า
The photo you see is from PALMS.
No comments:
Post a Comment