SAHAAB
(2014, Vasan Mahakiattikun, A+30)
สิ่งที่ทำให้ชอบ
SAHAAB อย่างสุดๆคือผมดูแล้วรู้สึก “เจ็บปวด” น่ะครับ
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่มันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอะไรบางอย่าง
ผมก็เลยชอบมากๆน่ะครับ
ชอบการที่ตัวละครไม่สามารถ
reconcile กันได้เลยในตอนจบด้วย คือตามที่ผมเข้าใจนั้น
ตัวละครแม่ก็ไม่สามารถคืนดีกับยายหรือครอบครัวเก่าได้อยู่ดี
ผมก็เลยชอบสุดๆตรงจุดนี้ ในขณะที่หนังที่สร้างตามสูตรสำเร็จ
มักจะจบลงด้วยการที่สมาชิกครอบครัวคืนดีกันได้
อีกสิ่งที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ
คือมันเป็น conflict
ระหว่างแม่กับยายหรือแม่กับญาติๆด้วย
ในขณะที่หนังส่วนใหญ่มันจะเป็น conflict ระหว่างแม่กับลูก หนังเรื่อง SAHAAB ก็เลยมีความโดดเด่นจากหนังทั่วๆไปเป็นอย่างมาก
THE TEARS
OF A SHARK (2014, Utarn Sukkonnakorn, A+)
จริงๆแล้วเรื่อง
“น้ำตาปลาฉลาม” ก็ดูเหมือนจะมีอะไรตลกๆหรือไม่เข้าที่เข้าทางอยู่บ้าง
แต่ชอบที่หนังจบด้วยการที่ตัวละครนางเอกก็ยังลืมคนเก่าไม่ได้อย่างสนิทใจอยู่ดี
คือเรารู้สึกว่าหนังมันเป็น slice of life ที่จับเอาโมเมนท์ช่วงที่นางเอกกำลังจะเริ่มเปิดใจให้ผู้ชายคนเก่าเข้ามาในชีวิต
แต่ก็ยังลืมคนเก่าได้ไม่หมด เราก็เลยชอบที่หนังนำเสนอโมเมนท์ที่มันก้ำๆกึ่งๆแบบนี้
คือถ้าหากหนังจบลงด้วยการที่นางเอกตัดใจจากคนเก่าได้อย่างสิ้นเชิง
เราจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ในทันที
ชอบฉากที่นางเอกกับพระเอกเดินคุยกันเป็นเวลายาวนานริมแม่น้ำด้วย
แต่เสียดายที่มันไม่เป็น long take คือถ้าหากฉากนั้นเป็นนางเอกกับพระเอกเดินคุยกัน
long take สัก 10 นาที มันจะกลายเป็นหนังที่เข้าทางเรามากๆ
MENSTRUAL
SYNCHRONY (2014, Jirassaya Wongsutin, A+30)
จุดหนึ่งที่ชอบมากๆเลยใน
“วันนั้นของเดือน” ก็คือว่า
เรารู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกในหนังเรื่องนี้มันละเอียดอ่อนกว่าหนังสั้นเรื่องอื่นๆน่ะ
คือเรารู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกในหนังเรื่องนี้มันมีความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆในทุกๆ
5 วินาทีหรือในทุกๆประโยคที่ตัวละครพูดออกมาน่ะ
คือในหนังสั้นๆทั่วๆไป เราอาจจะพบว่า
อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมันอาจจะเปลี่ยนจากจุด A ไปจุด B ในทุกๆหนึ่งนาที หรืออะไรทำนองนี้
No comments:
Post a Comment