Wednesday, December 13, 2017

RHIZOME 2017

Films seen in RHIZOME 2017
(in viewing order)

1.Q (2017, James Bascara, animation, A+30)
2.HARMALA PSYCHOTRIA (2016, Frederik Jan Depickere, documentary, A+20)
3.BLAHA LUJZA SQUARE (Antonin Blanc, Hungary, documentary, A+25)
4.TO ALL SONS OF OUR MOTHER (Antonin Blanc, A+10)
5.PORT (2016, Hiroshi Sunairi, 26min, A+30)
6.SNAKESKIN (2014, Daniel Hui, Singapore, 105min, second viewing, A+30)
7.POSTOCULA (2013, Jon Lazam, Philippines, A+25)
8.MEETING PLACE (2010, Jon Lazam, Philippines, A+30)
9.DARNA: A STONE IS A HEART YOU CANNOT SWALLOW (2012, Jon Lazam, Philippines, second viewing, A+30)
10.PANTOMIME FOR FIGURES SHROUDED BY WAVES (2013, Jon Lazam, Philippines, second viewing, A+30)
11.THE MOON IS NOT OURS (2011, Jon Lazam, Philippines, A+15)
12.TASTE OF GOOSEBERRY (2016, Jon Lazam, Philippines, A+30)
13.THREE ENCHANTMENTS (2016, Jon Lazam, Philippines, second viewing, A+30)
14.PIRACY (2017, Jon Lazam, Philippines, A+30)
15.BALIKTARAN STUDY 01 (2016, Jon Lazam, Philippines)
16.SLEEP HAS HER HOUSE (2017, Scott Barley, UK, 90min, A+30)
17.A SUBSEQUENT FULFILMENT OF A PRE-HISTORIC WISH (2015, Johannes Gierlinger, Austria, A+25)
18.THE FORTUNE YOU SEEK IS IN ANOTHER COOKIE (2014, Johannes Gierlinger, Austria, 74min, A+30)
19.PEOPLE POWER BOMBSHELL: THE DIARY OF VIETNAM ROSE (2017, John Torres, Philippines, 89min, A+30)
20.THE ETHEREAL MELANCHOLY OF SEEING HORSES IN THE COLD (2012, Scott Barley, UK, A+20)
21.NIGHTWALK (2013, Scott Barley, UK, 6min, A+25)
22.ILLE LACRIMAS (2014, Scott Barley, UK, 20min, A+30)
23.HOURS (2015, Scott Barley, UK, 3min, A+25)
24.SHADOWS (2015, Scott Barley, UK, 20min, A+30)
25.HUNTER (2015, Scott Barley, UK, 14min, A+30)
26.CLOSER (2016, Scott Barley, UK, 7min, A+30)
27.HINTERLANDS (2016, Scott Barley, UK, 7min, A+30)
28.THE GREEN RAY (2017, Scott Barley, UK, 12min, A+30)
29.WOMB (2017 Scott Barley, UK, 17min, A+30)         

--ปกติเราชอบจัดอันดับหนังที่ได้ดูนะ แต่งานนี้ขี้เกียจจัด ว่าชอบเรื่องไหนมากหรือน้อยกว่าเรื่องไหน เพราะมันมีหนังที่ชอบในระดับ A+30 เยอะมาก แล้วหนังของ Scott Barley มันแยกจากกันยากมากๆ โดยเฉพาะหนังกลุ่ม ILLE LACRIMAS, HUNTER, CLOSER, HINTERLANDS ที่เราแทบแยกไม่ออกว่า 4 เรื่องนี้มันต่างกันยังไง คือถ้าให้เรียงลำดับว่าใน 4 เรื่องนี้ชอบเรื่องไหนมากที่สุด เราก็คงต้องดูซ้ำใหม่อีกรอบ แล้วเราจะดูซ้ำใหม่ไปทำไมเพียงเพื่อจัดอันดับว่าชอบหนังเรื่องไหนมากกว่ากัน 555

จริงๆแล้ว THE GREEN RAY ก็คล้ายกับหนัง 4 เรื่องในกลุ่มข้างต้นมากๆ แต่ THE GREEN RAY มันจำง่าย เพราะถ้าเราเข้าใจไม่ผิด มันคือส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง SLEEP HAS HER HOUSE น่ะ มันเป็นฉากที่กล้องตั้งนิ่งๆถ่ายธรรมชาติในช่วงอาทิตย์อัสดงจนอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป และมีฟ้าผ่าปรากฏขึ้นมา คือถ้าเทียบกับ 4 เรื่องข้างต้นแล้ว เราก็ชอบ THE GREEN RAY มากที่สุด

--ถ้าถามว่าชอบเรื่องไหนมากที่สุดในงานนี้ ก็คงเป็น PEOPLE POWER BOMBSHELL: THE DIARY OF VIETNAM ROSE กับ SLEEP HAS HER HOUSE นั่นแหละ ตัดสินไม่ได้ว่าชอบเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะชอบกันคนละแบบ

จริงๆแล้วตอนดูเสร็จใหม่ๆจะชอบ PEOPLE POWER BOMBSHELL มากกว่า เพราะเราชอบหนังที่เล่นสนุกกับ “วิธีการเล่าเรื่อง” น่ะ และเราชอบมากๆที่หนังเรื่องนี้มันทำให้เรามีมุมมองใหม่กับ “ฟิล์มเน่า”

คือปกติแล้วเวลาดูหนังเก่า แล้วพบว่าฟิล์มมันเน่าจนเกือบดูไม่ได้แล้ว เราจะรู้สึกเศร้าเสียใจและอารมณ์เสียไง แต่ปรากฏว่า PEOPLE POWER BOMBSHELL กลับ treat สภาพฟิล์มที่ย่ำแย่ว่าเป็นสิ่งที่งดงาม ยิ่งภาพในฟิล์มมันขยุกขยุย มีรอยเปื้อน รอยขูดขีด ช้ำเลือดช้ำหนองมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งสวย ยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งต่างจากเวลาดูหนังเก่าที่ restoration แล้ว ที่พยายามทำให้ฟิล์มดูสดใหม่ปราศจากรอยขูดขีดมากที่สุด
                                                                         
เราก็เลยรู้สึกว่า การดู PEOPLE POWER BOMBSHELL ทำให้เราตระหนักว่า ความรู้สึกของเราที่มีต่อบางสิ่งบางอย่าง มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ แต่เป็นความรู้สึกที่ถูกกำกับควบคุมไว้แล้วผ่านระบบระเบียบที่คนอื่นๆกำหนดมา มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ “เป็นธรรมชาติ” ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด แต่เป็นความรู้สึกที่ถูกโปรแกรมไว้แล้วโดยคนอื่นๆในสังคมน่ะ

คือการดู “ฟิล์มเน่า” ในสถานการณ์นึง เรากลับรู้สึกเลวร้ายมาก แต่การดู “ฟิล์มเน่า” ในอีกสถานการณ์นึง เรากลับรู้สึกว่ามันงดงามสุดๆ มันเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่มันเป็นฟิล์มเน่าเหมือนกัน นั่นแสดงให้เห็นว่า มันเป็นเพราะเราไม่ได้มีความรู้สึกต่อฟิล์มเน่าเหล่านั้นโดยตรง เราไม่ได้มองฟิล์มเน่าแล้วเรารู้สึกอะไรขึ้นมาในดวงจิตของเราในทันที แต่ก่อนที่เราจะรู้สึกอะไรต่อฟิล์มเน่า เราผ่านการ “คิดถึงเจตนาของผู้สร้าง” ก่อนที่จะประมวลผลออกมาเป็นความสุขหรือความเศร้าในดวงจิตของเราเมื่อเห็นฟิล์มเน่า

คือเวลาดูหนังเก่า แล้วเห็นฟิล์มเน่า เรารู้สึกเศร้า เพราะเรารู้ว่าผู้สร้างหนังไม่ได้ต้องการให้ฟิล์มมันเน่า ภาพมันเสียแบบนั้น แต่พอดู PEOPLE POWER BOMBSHELL หรือดูหนังอย่าง 100 TIMES REPRODUCTION OF A COCK KILLS A CHILD BY PECKING ON THE MOUTH OF AN EARTHEN JAR (2017, Chulayarnnon Siriphol), 1/4/C REGENERACIONES DE VHS A VHS (1999-2000, Antoni Pinent, Spain), REPEATING DRAMATIC (2008, Arpapun Plungsirisoontorn)  หรือแม้แต่มิวสิควิดีโอ FOUND A CURE ของ Ultra Nate ที่เล่นกับ “ภาพเสีย” เรากลับรู้สึกว่าภาพยิ่งเน่า แล้วมันยิ่งงาม เพราะเรารู้ว่าผู้สร้างจงใจให้ภาพมันยับยู่ยี่แบบนั้น

เพราะฉะนั้นพอดู PEOPLE POWER BOMBSHELL เราก็เลยคิดไปถึงงานศิลปะบางอันที่เป็นการเอา found object มากำหนดให้เป็นงานศิลปะน่ะ อย่างเช่น TOWARDS MYSTICAL REALITY ของ Simon Soon ที่เอายากันยุงที่จุดใช้แล้ว มาจัดแสดงในฐานะงานศิลปะ แล้วเราก็ชอบงานอะไรแบบนี้มากๆ เพราะเราว่างานแบบนี้กับหนังอย่าง PEOPLE POWER BOMBSHELL มันทำให้เราตระหนักว่า ความรู้สึกชอบ/ชังของเราต่อบางสิ่งบางอย่าง มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตรง แต่เป็นสิ่งที่ผ่านตัวแปรหลายๆอย่างในหัวของเรามาแล้ว แล้วเลยออกมาเป็นความรู้สึกชอบ/ชังนั้น เพราะฉะนั้นในบางครั้ง เราสามารถ “เขียนโปรแกรมใหม่” ในหัวของเราก็ได้ เพื่อกำหนดให้เราชอบ/ชังสิ่งต่างๆได้เอง โดยไม่ต้องให้คนอื่นๆในสังคมกำหนดก็ได้ เหมือนเราเห็นวัตถุ A แล้วเรารู้สึกเกลียด เราก็จะถามตัวเองว่า เราเกลียดเพราะอะไร ใครกำหนดให้เราเกลียดมัน หรือเราเกลียดมันเองโดยไม่มีใครกำหนด แล้วถ้าเราเกลียดมันตามที่คนอื่นๆบอกสอนมา แล้วเราจะตั้งโปรแกรมใหม่ในหัวของเราให้เราชอบมันดีมั้ย เราสามารถสร้างคุณค่าให้กับวัตถุ A ในหัวของเราได้เองมั้ย อะไรทำนองนี้ 555


ส่วน SLEEP HAS HER HOUSE นั้น ตอนดูจบใหม่ๆก็ชอบมากนะ แต่อาจจะชอบน้อยกว่า PEOPLE POWER BOMBSHELL เพราะ SLEEP HAS HER HOUSE มันมีตัวเปรียบเทียบเยอะ ทั้งหนังของ Teeranit Siangsanoh, Enzo Cillo, James Benning อะไรทำนองนี้น่ะ แต่พอเวลาผ่านไปนานๆ เราก็ชอบ SLEEP HAS HER HOUSE มากขึ้น เพราะเหมือน “พลังสนธยา” ของมันติดค้างอยู่กับเรามากกว่า PEOPLE POWER BOMBSHELL น่ะ คือ PEOPLE POWER BOMBSHELL เหมือนกระทบความคิดของเรา ส่วน SLEEP HAS HER HOUSE เหมือนกระทบจิตใต้สำนึกของเรา เราก็เลยบอกยากว่าชอบหนังเรื่องไหนมากกว่ากัน

No comments: