OVER DRIVE (2018, Eiichiro Hasumi, Japan, A+30)
1.ผัว ผัว ผัว ผัว ผัว ผัว ผัว
นี่คือสิ่งที่คิดอยู่ในหัวตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้
ต้องขอบคุณน้องเวฟมากๆที่บอกเราว่าพระเอกถอดเสื้อโชว์กล้ามบ่อยมากในหนัง
เราก็เลยตัดสินใจถ่อไปดูที่เมเจอร์ สำโรง และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ 555
เป็นหนังที่รวมดาราหล่อๆไว้ได้ดีมาก
ทั้ง Masahiro Higashide, Mackenyu, Takumi Kitamura, Keita
Machida และยังมีนักแสดงที่เราอยากกินอีก 3 คนในหนังด้วย
ซึ่งก็คือคนที่เล่นเป็นเจ้านายนางเอก, เพื่อนร่วมงานของนางเอก
และหนุ่มใหญ่หุ่นหมีคนนึงที่อยู่ในทีมงานของพระเอก
จำ Mackenyu
ไม่ได้เลย เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก ล่ำบึ้กทรมานใจชายมากๆ
หวังว่าสิ่งที่เราเห็นในหนังเป็น body ที่แท้จริงของเขานะ
ไม่ใช่ CG เพราะ search หารูปเขาถอดเสื้อในเน็ตไม่ได้เลย
2.
ในแง่นึง มันก็เป็นหนังสูตรสำเร็จแบบญี่ปุ่น
ที่มักเล่าเรื่องราวของตัวละครที่มุ่งมั่นกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน,กีฬา, การแข่งขันอะไรบางอย่าง
แต่เรามักจะค่อนข้างชอบหนังสูตรสำเร็จกลุ่มนี้
ถ้าหากหนังมันลงลึกในการทำงานนั้นจริงๆ หรือถ้าหากหนังมันทุ่มเทเอาจริงเอาจังให้กับอาชีพหรือกีฬานั้นๆ
และ OVER DRIVE ก็สอบผ่านตรงจุดนี้
เพราะหนังมันดูเอาจริงเอาจังกับ "การพัฒนาเครื่องยนต์ของรถ" มากๆ หนังมันไม่ได้มีแต่ดราม่าโง่ๆไปเรื่อยๆ
แต่มันเหมือนมีความหลงใหลในเครื่องยนต์กลไกของรถยนต์อยู่ด้วย
สาเหตุที่เราชอบหนังกลุ่มนี้
อาจจะเป็นเพราะว่า เราเติบโตมากับการ์ตูนญี่ปุ่น
และละครทีวีญี่ปุ่นแบบนี้ก็ได้มั้ง ทั้งการ์ตูนอย่าง หงส์ฟ้า, หน้ากากแก้ว, สู้เขามายูโกะ
(อาชีพช่างตัดผม), ตากล้องที่รัก, ยอดรักจอแก้ว (อาชีพพิธีกรรายการโทรทัศน์) หรือละครทีวีอย่าง
ยอดหญิงชิงโอลิมปิก, เงือกสาวจ้าวสระ, ยอดตำรวจหญิง, WHO
WILL WEAR THE WEDDING DRESS? (อาชีพดีไซเนอร์) หรือละครทีวีเกี่ยวกับอาชีพแอร์โฮสเตส,
นักดนตรี ฯลฯ อะไรต่างๆมากมาย
และพอเราเติบโตมากับละครทีวีและการ์ตูนญี่ปุ่นแบบนี้
เราก็เลยชอบหนังญี่ปุ่นที่มันทุ่มเทให้กับอาชีพของตัวละครตามไปด้วย ทั้งหนังอย่าง BAKUMAN
(2015, Hitoshi One) ที่เจาะอาชีพนักเขียนการ์ตูน, KISEKI:
SOBITO OF THAT DAY (2017, Atsushi Kaneshige) ที่พูดถึงนักดนตรี, SATOSHI:
A MOVE FOR TOMORROW (2016, Yoshitaka Mori) ที่พูดถึงนักเล่นหมากรุกญี่ปุ่น,
TOMORROW'S JOE (2011, Fumihiko Sori) ที่พูดถึงนักมวย,
NORIBEN -- THE RECIPE FOR FORTUNE (2009, Akira Ogata) ที่พูดถึงนักทำข้าวกล่องเบนโตะ
และ THE LAST RECIPE (2017, Yojiro Takita) ที่พูดถึงเชฟ คือโครงเรื่องหลักของหนังกลุ่มนี้มันอาจจะมีความสูตรสำเร็จก็จริง
แต่ถ้าหากหนังมันทุ่มเทให้กับรายละเอียดในการประกอบอาชีพของตัวละคร เราก็มักจะรักหนังเรื่องนั้น
3.ขำตัวละครนางเอก คือจริงๆแล้วตัดเธอทิ้งไปจากหนังก็ได้ 555 คือเธอเหมือนมาเพื่อทำหน้าที่เป็น “ตัวแทนคนดู” ในการเข้าไปเริ่มทำความรู้จักกับหนุ่มหล่อคนต่างๆในหนัง มากกว่าที่จะเป็นตัวละครที่ส่งผลกระทบอะไรอย่างแท้จริงกับเนื้อเรื่อง
แต่อาชีพของนางเอกแปลกดีนะ คือเธอเป็น “ตัวแทนของสปอนเซอร์”
ที่ถูกส่งมาคุมความประพฤติของพระเอก คือพระเอกเป็นนักแข่งรถที่รับเงินจากการเป็น presenter โฆษณาให้บางบริษัท
บริษัทก็เลยต้องส่งคนมาคุมความประพฤติของพระเอกด้วย
4.พอดูหนังญี่ปุ่นเมนสตรีมที่ตัวละครเน้น “มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับความสำเร็จในอาชีพ”
และดูหนังฝรั่งเมนสตรีมอย่าง MARY POPPINS (1964, Robert Stevenson),
CHRISTOPHER ROBIN (2018, Marc Forster),THE FAMILY MAN (2000, Brett Ratner) และหนังคริสต์มาสต่างๆ
มันก็เลยเหมือนเห็นค่านิยมที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่ง
เพราะหนังฝรั่งจะชอบสอนในสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะหนังฝรั่งชอบสอนว่า “อย่าทำงานมากเกินไป
ควรให้เวลากับครอบครัวบ้าง” คือหนังญี่ปุ่นเหมือนชอบกระตุ้นในทางอ้อมว่า “จงมุมานะอย่างเต็มที่”
แต่หนังฝรั่งเหมือนจะกระตุ้นในทางอ้อมว่า “อย่าวัตถุนิยมมากเกินไป
ครอบครัวสำคัญกว่า”
โดยส่วนตัวแล้ว
เราก็ไม่ได้อินกับทั้งสองคำสอนนี้นะ เพราะเราไม่ได้ผูกพันกับครอบครัว,
เราไม่ใช่คนวัตถุนิยม และเราก็ไม่ชอบการแข่งขันด้วย
มันก็เลยเหมือนกับว่าคำสอนทั้งสองคำสอนนี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือว่า ในขณะที่ OVER DRIVE และหนังญี่ปุ่นหลายเรื่อง
พยายามกระตุ้นให้คนมุมานะตั้งใจทำงานในอาชีพของตนเองให้ดีที่สุดนั้น
สปอนเซอร์หลักของหนังเรื่อง OVER DRIVE คือบริษัท Dentsu
ซึ่งเป็นบริษัทที่ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ เพราะพนักงานทำงานหนักจนตาย
(ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดนะ เพราะเราเห็นชื่อ Dentsu เด่นมากในหนัง)
No comments:
Post a Comment