Saturday, October 26, 2019

CHATATHIPTAI

CHATATHIPTAI (2019, Deja Piyavhatkul, documentary, A+30)
ชะตาธิปไตย

1.ดีมากๆที่มีคนทำหนังประเด็นนี้ออกมา เพราะเหมือนเราจะถูกฝังหัวมาตั้งแต่เด็กว่า ตัวละคร "นักการเมือง" มักจะมีสถานะเป็น "ผู้ร้าย" ในหนังไทยหรือละครทีวีไทยน่ะ แต่หนังสารคดีเรื่องนี้นำเสนอการทำงานและการหาเสียงของ นักการเมือง/นายแพทย์ 3 คน และมันทำให้เรารู้สึกว่า พวกเขาทำงานหนักกว่าที่เราคาดมากๆ และพวกเขาเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่ "ผู้ร้าย" แบบที่เราเคยเห็นในหนังไทยเรื่องอื่นๆ

2.แต่ตอนที่ดู ก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนทั้งจุดดีและจุดด้อยของหนังสารคดี เมื่อเทียบกับหนัง fiction นะ

จุดดีก็คือว่า หนังมันสะท้อนความจริง การทำงานจริงๆ ของ subjects สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อจิตวิญญาณจริงๆของ subjects และ subjects แต่ละคนมีความซับซ้อนในตัวเอง ไม่ใช่ตัวละครที่ผู้สร้างหนังเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อรับใช้จุดประสงค์บางอย่าง หรือปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อผลกระทบทางอารมณ์บางอย่างแบบในหนัง fiction

แต่จุดด้อยก็คือว่า เอาเข้าจริงแล้ว เราจะแทบไม่มีทางรู้ได้เลยว่า subjects แต่ละคน "คิด" อะไรอยู่ในหัว เราจะรู้ได้แต่เพียงสิ่งที่พวกเขา "พูด" และ "ทำ" "ต่อหน้ากล้อง" แต่เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า พวกเขา "คิด" อะไร, ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดและทำอะไร เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้อง และไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดและทำต่อหน้ากล้อง เป็นการแสดงเพื่อหวังผลบางอย่าง หรือไม่ได้หวังผลอะไรแต่อย่างใด

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะแตกต่างจากหนัง fiction ที่ผู้สร้างหนังสามารถควบคุมความคิดและการกระทำทุกอย่างของตัวละครได้เต็มที่

3.เพราะฉะนั้น ฉากที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็เลยกลายเป็นฉากที่คุณหมอจากพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงเรื่องที่เคยไม่พอใจการทำงานของนางพยาบาล รู้สึกว่าฉากนั้นมันดูเป็นการเผยความจริงใจยังไงไม่รู้

4.ฉากที่คุณชลน่าน บ่นเรื่องชีวิตสมรส หรืออะไรทำนองนี้ เราก็ชอบมาก คือไม่ได้ชอบสิ่งที่คุณชลน่านพูดในฉากนั้น ไม่ได้ชอบทัศนคติของเขา แต่ชอบที่หนังเรื่องนี้สามารถคว้าจับ moment แบบนี้มาได้

HAIL SATAN? (2019, Penny Lane, documentary, A+25)

 --น่ารักมากๆ 555 ดูแล้วนึกถึงพวก "พรรคมาร" ในหนังจีนกำลังภายใน ที่จริงแล้วเป็นคนดีมีคุณธรรมมากกว่า "ฝ่ายธรรมะ"

--ขำเจ้าแม่คนนึงที่ถูกขับไล่ออกจากโบสถ์ซาตาน เพราะเธอปลุกระดมให้ฆ่าทรัมป์ สิ่งที่เธอทำก็เลยขัดกับหลักการของโบสถ์ซาตานที่ยึดหลักอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง


No comments: