Saturday, May 04, 2024

SEEING RED (2005, Su Friedrich, 27min, A+30)

 

SEEING RED (2005, Su Friedrich, 27min, A+30)

 

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้จนถึงราว ๆ เที่ยงวันศุกร์ที่ 10 พ.ค.

https://www.lecinemaclub.com/now-showing/seeing-red/

 

1.งดงามที่สุด หนังเป็นการเล่นกับ idiomseeing red” ที่หมายความว่า “เกิดโทสะแรงกล้า” โดยภาพในหนังจะเป็นการจับสังเกตสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่มีสีแดง ซึ่งเรารู้สึกว่ามันงดงามมาก ๆ ทำให้นึกไปถึงหนังอย่าง PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders) ที่พระเอกมองเห็นความงามของแสงลอดกิ่งไม้ ส่วนหนังเรื่องนี้เป็นการมองเห็นความงามของสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเช่นกัน แต่เน้นไปที่สีแดง

 

2.อีกส่วนของหนังเป็นการระบายความในใจของ Su Friedrich เองที่พูดถึง midlife crisis ตอนอายุ 50 ปี ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ว่านั่นคือ Su Friedrich เรานึกว่าหนังไปสัมภาษณ์ “แม่บ้านจิตแตก” สักคนหนึ่ง 555555

 

3.ชอบการระบายความในใจของผู้กำกับอย่างรุนแรงที่สุด เราดูแล้วร้องห่มร้องไห้เลย ในฉากที่เธอพูดถึงบทกลอนของ Emily Dickinson เกี่ยวกับทุ่งหญ้าแพรรี่ แล้วเธอก็พูดว่า เวลาที่เธอพยายามจะนึกถึงทุ่งหญ้าแพรรี่ที่สวยงาม เพื่อจะได้มีความสุขใจเวลานึกถึงอะไรที่สวย ๆ งาม ๆ เธอก็นึกต่อไปถึงความจริงที่ว่า เธอไม่มีเงินจะเดินทางไปทุ่งหญ้าแบบนั้น แล้วทำไมเธอมีเงินไม่พอ งานที่เธอทำอยู่นี้มีปัญหาอะไรบ้าง เธอจะต้องรับมือกับนักศึกษาอย่างไรบ้าง นักศึกษาจะเกลียดเธอมั้ย แล้วในที่สุดกระแสสำนึกของเธอก็ทำให้เธอเกิด panic attack คือแทนที่เธอจะมีความสุขกับการนึกถึงทุ่งหญ้าสวยงาม สายธารความคิดของเธอกลับไหลต่อไปเรื่อย ๆ จนทำให้เธอเป็นทุกข์อย่างรุนแรงในที่สุด

 

เราก็เลยร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงกับฉากนี้เลย เพราะรู้สึกว่ามันจริงมาก ๆ สำหรับเราเช่นกัน

 

4.จุดนี้ของ SEEING RED ทำให้นึกถึง “สายธารความคิด” ของตัวละครในหนังเรื่องอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ตัวละครนางเอกของ APRIL, COME SHE WILL (2024, Tomokazu Yamada, Japan, A+30) ด้วย ที่เหมือนเธอมีชีวิตที่มีความสุขอยู่กับแฟน แต่เหมือนปมต่าง ๆ ในใจเธอ ตั้งแต่เรื่องพ่อกับแม่, ความไม่มั่นใจในความยั่งยืนของความรัก, etc. อะไรต่าง ๆ ทำให้เธอทิ้งผัวหนุ่มหล่อน่ารักไป ซี่งเราจะอินกับตัวละครแบบนี้อย่างสุด ๆ

 

คือเราชอบตัวละครแบบนี้มาก ๆ คือถ้าตัวละครอยู่กับผัว แล้วเธอคิดแค่ว่า “ตอนนี้ฉันมีความสุขจัง” ปัญหาก็อาจจะไม่เกิด แต่ถ้าเธออยู่กับผัว แล้วเธอคิดว่า “ตอนนี้ฉันมีความสุขจัง แต่ฉันสงสัยว่ามันจะจีรังยั่งยืนหรือเปล่านะ” แล้วปล่อยให้ความคิดมันไหลไปเรื่อย ๆ มันก็อาจจะนำไปสู่ความทุกข์อย่างรุนแรงได้

 

เพราะฉะนั้นหนึ่งในฉากที่เราชอบที่สุดในชีวิตนี้ ก็เลยเป็นฉากใน “มังกรหยก” ที่ลี้มกโช้วลักพาตัวก๊วยเซียงตอนเป็นเด็กทารกไป แล้วลี้มกโช้วก็พูดว่า “เด็กทารกคนนี้หน้าตาน่ารักจัง” ซึ่งเป็นสิ่งที่คนปกติคิดหรือพูดกัน แต่ลี้มกโช้วกลับพูดต่อไปว่า “แต่กว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องผิดหวังกับความรักอย่างรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ว่าจะต้องเสียน้ำตามากน้อยแค่ไหนให้กับความรัก เพราะฉะนั้นก็ตายเสียตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกซะดีกว่า”

 

ซึ่งเราว่าสิ่งที่ลี้มกโช้วพูดมันก็มีทั้งส่วนจริงและไม่จริง คือเราชอบสุดขีดที่พอลี้มกโช้วเห็นเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ลี้มกโช้วก็จินตนาการไปถึงอนาคตที่ว่า เด็กคนนั้นจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่สวยงาม และอาจจะต้องมีประสบการณ์ชีวิตรัก และอาจจะผิดหวังกับความรักอย่างรุนแรง เหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่ว ๆ ไปที่อาจจะเคยเจ็บปวดอย่างรุนแรงกับความรัก เราก็เลยชอบสุดขีดที่ลี้มกโช้วมองอะไรได้ไกลกว่าคนทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่ามันนำไปสู่ “ข้อสรุป” ที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงว่า เพราะฉะนั้นเด็กทารกคนนั้นก็สมควรตายไปเลยซะดีกว่า

 

เราก็เลยชอบ “สายธารความคิด” ของผู้หญิงในหนังทั้ง 3 เรื่องนี้อย่างรุนแรงสุดขีดมาก ๆ ตั้งแต่ Su Friedrich ที่พยายามจะนึกถึงทุ่งหญ้าที่สวยงาม แต่สายธารความคิดกลับไหลไปเรื่อย ๆ จนทำให้เธอเกิด panic attack, นางเอกของ APRIL, COME SHE WILL ที่แทนที่จะมีความสุขอยู่กับผัวหนุ่มหล่อ แต่เธอกลับคิดต่อไปว่า ความรักมันจะสิ้นสุดลงหรือไม่ (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ) และลี้มกโช้ว ใน “มังกรหยก” ที่พอเห็นเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ก็สงสัยว่า กว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เด็กคนนี้จะต้องเสียน้ำตาให้กับความรักมากน้อยแค่ไหน

 

เพราะเราว่าเราก็เป็นเหมือนกัน อาการ “สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ” แบบนี้ อาการแบบที่ว่าบางทีสายธารความคิดของเราอาจไหลไปเรื่อย ๆ จนส่งผลให้เราเกิดความทุกข์อย่างรุนแรงขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่สาเหตุของมันเกิดจาก “ความคิดของเราเอง”

 

สังเกตได้ว่าบันทึกความทรงจำของเราอันนี้ก็เริ่มจาก Su Friedrich แต่มันก็ไหลไปเรื่อย ๆ จนถึงลี้มกโช้วในที่สุด 55555

 

5.ก่อนหน้านี้เราเคยดู SINK OR SWIM (1990, Su Friedrich) ซึ่งเราก็ชอบอย่างสุดขีดเช่นเดียวกัน

 

อยากดู THE LESBIAN AVENGERS EAT FIRE, TOO (1993, Janet Baus, Su Friedrich) มาก ๆ

 

No comments: