Monday, January 17, 2005

THIRST (A+)

หนังที่ได้ดูในวันนี้
1.RECONSTRUCTION (2003, CHRISTOFFER BOE) A+
2.THIRST (2004, TAWFIK ABU WAEL) A+
3.CACHIMBA (2004, SILVIO CAIOZZI) A+
4.FOREVER (2003, ALESSANDRO DE ROBILANT) B-


TO TAKE A WIFE

--เห็นด้วยค่ะว่าฉากเปิดหนังเรื่องนี้เยี่ยมมาก แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ทรงพลังอย่างนั้นตลอดทั้งเรื่อง

--ชอบที่ในหนังเรื่องนี้นางเอกไม่ได้เป็นผู้ถูกกดดันเพียงฝ่ายเดียว เธอไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อของคนอื่นหรือของสังคมเท่านั้น แต่เธอเป็นเหยื่อของตัวเองด้วย ยิ่งดูไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่านางเอกมีส่วนอย่างมากในการทำให้ตัวเองเป็นทุกข์

--RONIT ELKABETZ แสดงได้อย่างเสียจริตมากๆในหนังเรื่องนี้ เห็นการแสดงของเธอในหนังเรื่องนี้แล้วอยากให้เธอมาปะทะกับ LENA ENDRE ในหนังเรื่อง FAITHLESS (2000, LIV ULLMANN, A) เพราะรู้สึกว่าบทของสองคนนี้บีบคั้นอารมณ์ในระดับใกล้เคียงกัน

-- สามารถดูฝีมือการแสดงของ RONIT ELKABETZ ได้ในดีวีดีหนังอิสราเอลเรื่อง LATE MARRIAGE (A-) ที่มีขายที่จตุจักรค่ะ เพราะเธอเล่นเป็นนางเอกหนังเรื่องนั้นด้วยเหมือนกัน

--ลูกชายของนางเอกหล่อมากๆค่ะ ฉากที่เธอลูบไล้ลูกชายตัวเองเป็นฉากที่ดีมากๆ

--สาเหตุที่ดิฉันชอบหนังเรื่อง TO TAKE A WIFE มากเป็นเพราะรู้สึกว่ามันใกล้เคียงกับชีวิตจริงคนบางคนที่รู้จัก ดิฉันไม่รู้เหมือนกันว่า TO TAKE A WIFE เป็นหนังที่มีความเป็นศิลปะมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นหนังที่แสดงให้เห็นว่าผู้กำกับมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกว่าชีวิตในหนังเรื่องนี้มันใกล้กับชีวิตจริงของคนใกล้ตัวมากๆ

ทั้ง TO TAKE A WIFE และ ANATOMY OF HELL ต่างก็มีการปะทะกันระหว่างเพศหญิงกับเพศชายเหมือนกัน แต่ ANATOMY OF HELL อาจจะดูเป็นศิลปะมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็รู้สึกเหินห่างจากตัวหนังมากกว่า รู้สึกว่าเรื่อง (หรืออารมณ์) ใน ANATOMY OF HELL ค่อนข้างไกลจากตัวเอง ถ้าหากเทียบกับ TO TAKE A WIFE แต่นั่นก็เป็นความตั้งใจของ BREILLAT อยู่แล้ว ในการสร้างระยะห่างทางอารมณ์ในหนังเรื่องนี้

ความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้นกับ THE CASTLE และ BENNY’S VIDEO ของ MICHAEL HANEKE เหมือนกัน เพราะดิฉันรู้สึกว่า BENNY’S VIDEO อาจจะเป็นหนังที่ดีกว่า หรืออาจจะมีความเป็นศิลปะมากกว่า THE CASTLE แต่เรื่องราวใน BENNY’S VIDEO ไกลตัวดิฉันมากกว่า THE CASTLE เพราะดู THE CASTLE แล้วนึกถึงชีวิตการทำงานของคนใกล้ตัวบางคนอย่างมากๆ

---รู้สึกว่า TO TAKE A WIFE เหมาะจะดัดแปลงเป็นละครเวทีอย่างมากๆ

--ชอบที่หนังทำให้รู้สึกว่าเวลา 1 วันในชีวิตของนางเอกนี่มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน

--หนังที่ควรดูควบคู่กับ TO TAKE A WIFE

1.THE LEFT-HANDED WOMAN (1977, PETER HANDKE) A++++++
มีวิดีโอให้ยืมที่ห้องสมุดสถาบันเกอเธ่ ซอยสาทร 1

ในขณะที่นางเอกของ TO TAKE A WIFE ชอบขู่ว่าจะหย่าขาดจากสามี นางเอกของ THE LEFT-HANDED WOMAN กลับหย่าขาดจากสามีในทันทีอย่างปุบปับฉับพลัน โดยไม่มีการให้เหตุผลอะไรทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง และเธอก็ค่อยๆเรียนรู้ที่จะปรับชีวิตตัวเอง และปรับตัวเองให้เข้ากับโลกและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเธอได้อย่างงดงาม แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือนางเอกของ THE LEFT-HANDED WOMAN มีลูกเพียงคนเดียว ในขณะที่นางเอกของ TO TAKE A WIFE มีลูกหลายคน

ตัวละครนางเอกของ THE LEFT-HANDED WOMAN คือสุดยอดนางเอกที่ดิฉันชอบมากที่สุดคนนึงในชีวิตค่ะ เธอไม่ใช่คนที่ “ดีแต่ปาก” แต่เธอ “ทำ” ในทันที เธอไม่ “ขู่” ว่าจะหย่า แต่เธอ “หย่า” ไปเลย นางเอกของหนังสองเรื่องนี้เหมือนกับเป็นขั้วตรงข้ามกันในบางแง่มุม นางเอกของ TO TAKE A WIFE เน้นพูดพล่ามไม่หยุด แต่นางเอกของ THE LEFT-HANDED WOMAN เน้น “ทำ” นางเอกของ TO TAKE A WIFE เน้นแสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรง แต่นางเอกของ THE LEFT-HANDED WOMAN เน้นทำหน้านิ่งๆราวหินผา

http://www.babelguides.com/view/work/8453


2.LE BLEU DES VILLES (1999, STEPHANE BRIZE, A++++) เรื่องของผู้หญิงที่ต้องการหย่าขาดจากสามีเหมือนกัน

3.SHIRLEY VALENTINE (1989, LEWIS GILBERT, A++++++++) เรื่องของหญิงวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตเป็นภรรยาที่ดีมานาน จนกระทั่ง....


---ตอนนี้ชอบ RECONSTRUCTION มากเป็นอันดับ 1 ของงานนี้ค่ะ, อันดับ 2 คือ THIRST, อันดับ 3 คือ CACHIMBA ส่วนอันดับ 4 คือ AFTER MIDNIGHT

--เทศกาลนี้ในปีที่แล้วรู้สึกประทับใจกับหนังกลุ่ม “SUPER FEEL-BAD” มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น IN MY SKIN, FREE RADICALS, SPARE PARTS, OSAMA, A NATION WITHOUT WOMEN แต่ปีนี้ประทับใจกับหนังโรแมนติกในเทศกาลนี้มากๆ ทั้ง RECONSTRUCTION และ AFTER MIDNIGHT ส่วน BEAUTIFUL CITY ก็เป็นหนังที่ทำให้ดิฉันรู้สึกโรแมนติกอย่างมากๆเช่นกัน ถึงแม้ผู้กำกับอาจไม่ได้ตั้งใจให้รู้สึกเช่นนั้น เพราะพระเอกในหนังเรื่องนี้ดูดี ส่วนนางเอกของ BEAUTIFUL CITY ก็ดูกร้านโลกมาก ก็เลยทำให้รู้สึกอินกับความรู้สึกของนางเอกหนังอิหร่านเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

--สาเหตุที่ทำให้ประทับใจการแสดงของ TARANEH ALIDOOSTI ใน BEAUTIFUL CITY มากเป็นพิเศษ ไม่ได้เกิดจากการแสดงของตัวเธอในหนังเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเธอในเรื่องนี้ กับตัวเธอใน I, TARANEH, AM FIFTEEN (2002, A-) ดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะใน I, TARANEH, AM FIFTEEN เธอดูใสมากๆ แต่ใน BEAUTIFUL CITY เธอดูกร้านโลกอย่างมากๆ ก็เลยตกใจกับความแตกต่างกันของตัวเธอในหนังสองเรื่องนี้

--เห็นด้วยกับคุณ merveillesxx เป็นอย่างยิ่งค่ะที่ว่าหนุ่มคาซัคสถานนี่ก็หล่อในบางมุมเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พระเอก SCHIZO นะ แต่หมายถึงพ่อเลี้ยงพระเอกกับนักมวยคนนึงใน SCHIZO

--ดูจากหนังคาซัคสถานแล้วรู้สึกว่าประเทศนี้คงมีทั้งคนเชื้อสายคอเคเชียนกับมองโกลอยด์อยู่ปะปนกัน และก็คงมีลูกครึ่งระหว่างคนสองเชื้อชาตินี้อยู่เยอะ หน้าตาคนหลายคนในหนังคาซัคสถาน ดูเหมือนคนไทยมากๆ ในขณะที่หน้าตาอีกหลายๆคนในหนังคาซัคสถาน ก็เหมือนคนรัสเซียมากๆ

--พระรองในหนังคาซัคสถานเรื่อง LITTLE MEN (2003, NARIMAN TUREBAYEV, A+++++) หน้าตาตรงสเปคดิฉันมากๆเลยค่ะ ในขณะที่พระเอกของหนังเรื่อง Little Men หน้าตาเหมือนคนไทยจัง (หนังเรื่องนี้มาฉายในเทศกาลหนังเมื่อเดือนต.ค.)

--เคยดูวิดีโอหนังคาซัคสถานเรื่อง KILLER (1998, DAREZHAN OMIRBAEV, A+++) ซึ่งพระเอกหนังเรื่องนี้หน้าตาก็พอใช้ได้ค่ะ แต่หน้าเหมือนคนจีน วิดีโอหนังเรื่องนี้เคยมีขายที่จตุจักร

--สุดยอดผู้กำกับคาซัคสถาน คงจะเป็น DAREZHAN OMIRBAEV อ่านข้อมูลของตัวเขาได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/omirbaev.html


--ชอบตอนจบของ NOI ALBINOI (A+++++) มากๆ แต่ไม่ค่อยชอบช่วง 30 วินาทีสุดท้ายของ SCHIZO คิดว่าถ้าหากตัด 30 วินาทีสุดท้ายของ SCHIZO ทิ้งไป ก็อาจจะดีเหมือนกัน

--ชอบตอนจบของ BEAUTIFUL CITY กับ THIRST มากๆ

--FRANCESCA INAUDI นางเอกของ AFTER MIDNIGHT เหมาะจะมาปะทะกับ JEANNE BALIBAR นางเอกหนังฝรั่งเศส ดิฉันรู้สึกว่าหน้าตาของสองคนนี้เก๋ไก๋พอๆกัน

---ชอบรองเท้าบู๊ตของนางเอก RECONSTRUCTION

No comments: