THE CRUELTY OF NATURE
--ได้ดูหนังเรื่อง HELL (2005, DANIS TANOVIC, A+) ชอบฉากเปิดของหนังเรื่องนี้มาก ที่เป็นเรื่องของนกฆ่ากัน และก็เลยทำให้สนใจพฤติกรรมของนก CUCKOO ลองเข้าไปอ่านข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตแล้วรู้สึกว่านกพันธุ์นี้เป็นนกที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาให้มีพฤติกรรมที่ชั่วร้ายมากๆ เพราะนกประเภทนี้มีพฤติกรรมที่เรียกว่า BROOD PARASITISM
http://fsc.fernbank.edu/Birding/parasitism.htm
นก CUCKOO จะไม่สร้างรังและไม่เลี้ยงลูกเอง แต่จะเอาไข่ไปใส่ไว้ในรังของนกตัวอื่นๆ โดยนก CUCKOO จะมีวิวัฒนาการในการทำให้ไข่ของตัวเอง “เลียนแบบ” ไข่ของนกพันธุ์อื่นๆได้ด้วย จนแม้แต่นักปักษีวิทยายังแยกไข่ “กาฝาก” กับไข่ “เจ้าบ้าน” ไม่ออก นอกจากต้องใช้เครื่องบ่งชี้ทางพันธุกรรมเข้าช่วย
นอกจากนี้ ลูกนก CUCKOO ยังมี “แผ่นหลัง” ที่มีร่องแบบพิเศษที่ใช้ในการดันไข่ของนก “เจ้าบ้าน” ให้ตกลงไปตายให้หมดอีกด้วย สามารถดูรูปประกอบได้ที่นี่
http://fsc.fernbank.edu/Birding/pics/depression.jpg
certain birds, known as "brood parasites," lay their eggs in the nests of other birds and do not provide any parental care for their own offspring. This often has a detrimental effect on the reproductive success of the hosts and may affect their population numbers as well.
The cuckoos countered by evolving eggs that mimicked those of the host. In fact, this mimicry is so good that one ornithologist had to use genetic markers to tell the difference between host eggs and parasitic eggs.
Eurasian Cuckoo chicks maneuver under host eggs and chicks and dump them over the edge of the nest. Their backs have a neatly designed depression that just fits their potential competitor.
ส่วนรูปในลิงค์นี้เป็นรูปแม่นก CUCKOO ที่เข้าไปวางไข่ในรังของนก AMERICAN REDSTART และลูกนก CUCKOO ก็ทำลายไข่ของ “เจ้าบ้าน” ในเวลาต่อมา
http://www.science-art.com/image.asp?id=353&search=1&pagename=Parasitism_Behavior_of_the_European_Cuckoo
--ในขณะที่ยุโรปมีนก CUCKOO เป็น “นกกาฝาก” รู้สึกว่าในไทยก็มีนกกาฝากเหมือนกัน นั่นก็คือ “นกกาเหว่า” เหมือนในเพลงกล่อมเด็กที่ร้องว่า
กาเหว่าเอย ไข่ให้แม่กาฟัก
แม่กาหลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบข้าวมาเผื่อ คาบเหยื่อมาป้อน
ปีกหางเจ้ายังอ่อน สอนร่อนสอนบิน
แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำแม่คงคา
ตีนเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซ้หาปลา
กินกุ้งกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา
กินแล้วบินมา จับต้นหว้าโพธิทอง
นายพรานเห็นเข้า เยี่ยมเยี่ยมมองมอง
ยกปืนขึ้นส่อง หมายจ้องแม่กาดำ
ตัวหนึ่งว่าจะต้ม ตัวหนึ่งว่าจะยำ
แม่กาตาดำ แสนระกำใจเอย
มีบางเว็บไซท์ของไทยพูดถึงพฤติกรรมของนกกาเหว่าเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ดังในเว็บไซท์ข้างล่างนี้ค่ะ
http://www.zyworld.com/NAKARIN/HTMLlargebilledcrow.htm
>>อีกาจำต้องแสดงความกล้าหาญ ด้วยการขโมยอาหาร เพื่อมาเลี้ยงดูลูกนกให้เพียงพอ ซึ่งบางครั้ง อาจไม่ใช่ลูกของตัวเอง แต่เป็นไข่ ที่แม่นก กาเหว่า ( Common Koel ) มาวางไข่ทิ้งไว้ เพราะนกกาเหว่า เป็นนกที่ไม่รู้จักฟักไข่ และ เลี้ยงลูกเอง จึงต้องแอบมาไข่ไว้ในรังของนกชนิดอื่น และ ส่วนมากก็เป็น อีกา นี่เอง เพื่อให้ อีกา ช่วยฟัก และ เลี้ยงดูลูกให้จนโต โดยที่ไม่รู้ว่า ลูกนก ที่เลี้ยงดูไม่ใช่ลูกของตนเอง ซึ่ง พฤติกรรมที่เลี้ยงดูลูกของนกกาเหว่า ด้วยความเอื้ออาทร ของ แม่กา นี่เอง ที่ในอดีต ได้ถูกนำมาร้อง เป็นบทเพลง กล่อมเด็ก ด้วยความชื่นชม จนทำให้แต่ก่อนเราคุ้นเคยกับชื่อของ อีกา ตั้งแต่ยังแบเบาะ
นกกาเหว่า มักจะหาโอกาสในช่วงที่แม่กาฟักไข่ พอแม่กาเผลอ นกกาเหว่าก็จะเข้าไปที่รังกา แล้ว ถีบไข่อีกาทิ้ง หลังจากนั้นจึงออกไข่ของตัวเองไว้แทน แม่กา ก็หลง ฟักไข่นกตัวอื่นไปด้วย เพราะไข่ของนกกาเหว่า และ อีกาเหมือนกันมาก คือ เป็นไข่สีฟ้าอมเขียวซีดๆ หรือ เขียวออกดำเป็นสีพื้น มีรอยเป็นดวง และ ขีดสีน้ำตาล หาก แม่กา จับได้ ก็ จะถีบไข่ของนกกาเหว่าทิ้งเช่นเดียวกัน แต่โดยมากแม่กาจะแยกไม่ออก มารู้ความว่า ไข่ที่สู้อุตส่าห์ฟักมานั้น ไม่ใช่ของตนเอง ก็ เมื่อตอนที่พาลูกนก ออกไปหัด บิน <<
--พูดถึงพฤติกรรมของลูกนก CUCKOO ที่ฆ่าลูกของนกเจ้าบ้านจนตายหมดแล้ว ก็เลยนึกถึงหนังเรื่อง THE GODSEND (1980, GABRIELLE BEAUMONT, A-) (ถ้าจำชื่อเรื่องไม่ผิด) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนนึงที่คลอดลูกสาวทิ้งไว้ให้กับ “ครอบครัวผาสุก” ครอบครัวนึง ครอบครัวนั้นก็รับเลี้ยงเด็กหญิงคนนี้ โดยหารู้ไม่ว่าเด็กหญิงคนนี้เป็นฆาตกรโรคจิตที่คอยฆ่าเด็กคนอื่นๆไปเรื่อยๆ แถมเด็กหญิงคนนี้ยังวางแผนทำให้ “พ่อบุญธรรม” กลายเป็นหมันอีกด้วย
รู้สึกว่าตอนจบของหนังเรื่องนี้ จะเป็นฉากที่ครอบครัวนี้เจอ “คุณแม่ปีศาจ” อีกครั้ง โดยคุณแม่ปีศาจคนนี้กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ และกำลังหลอกลวง “ครอบครัวผาสุก” ครอบครัวใหม่ให้มาช่วยดูแลเธอ เพื่อที่เธอจะได้คลอด “เด็กฆาตกรโรคจิต” เพื่อทำลายครอบครัวอื่นๆต่อไป
ได้ดูหนังเรื่องนี้ทางช่อง 3 ตอนเด็กๆ นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าเบื่อสุดขีด แต่ดิฉันจำความน่าเบื่อของหนังเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าพล็อตหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฝังใจตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนโต
http://www.imdb.com/title/tt0080802/
http://www.britishhorrorfilms.co.uk/godsend.shtml
http://www.badmovieplanet.com/unknownmovies/reviews/rev381.html
An English family of six takes in a pregnant woman who disappears shortly after giving birth. They raise the baby girl as their own, but over the years the strange deaths of their children make them consider whether the little girl is more than she appears.
--อย่าจำหนังเรื่อง THE GODSEND (1980) สลับกับ GODSEND (2004, NICK HAMM, B-) ที่นำแสดงโดย CAMERON BRIGHT
รู้สึกว่า CAMERON BRIGHT (BORN 1993) จะถนัดมากในการรับบท “เด็กผิดมนุษย์มนา” ไม่ว่าจะในเรื่อง GODSEND, BIRTH (2004, JONATHAN GLAZER, A+), ULTRAVIOLET (2006, KURT WIMMER, C) และ X-MEN: THE LAST STAND (2006, BRETT RATNER)
--อีกจุดที่ชอบมากใน HELL ก็คือเรื่องราวของ MIKE THE HEADLESS CHICKEN ซึ่งเป็นลูกไก่ที่ไม่มีหัว แต่มีชีวิตรอดและเติบโตต่อมาได้เป็นเวลานานถึง 18 เดือน เรื่องจริงเรื่องนี้เคยสร้างความประหลาดใจให้นักวิทยาศาสตร์ในปี 1945 เป็นอย่างมาก
http://www.guinnessworldrecords.com/content_pages/record.asp?recordid=54463
Headless Chicken
On September 10, 1945, a Wyandotte chicken belonging to Lloyd Olsen of Fruita, Colorado, USA, had its head chopped off, but went on to survive for 18 months. Mike's owner, Lloyd Olsen of Fruita, Colorada, USA, fed and watered the headless chicken directly into his gullet using an eyedropper. Mike eventually choked to death one night in an Arizona motel.Sceptical scientists thought it was a hoax, so one week into Mike-the-headless-chicken’s physically-altered life, farmer Lloyd Olsen packed Mike up and took him on a cross-country tour from Fruita, Colorado to the University Of Utah in Salt Lake City. The axe blade, scientists discovered, had missed the five-and-a-half month old Wyandotte rooster’s jugular vein, and a clot had saved the chicken from bleeding to death.Because Lloyd had aimed the axe so high, most of the brain stem was left at the top of the spine. One ear had also survived. Mike, it seemed, had lost the power to see and to cluck, but could still hear and think. Mike was also growing, weighing 1.1 kg. (2.5 lb.) when he first lost his head, and developing to a respectable 3.6 kg. (8 lb.) by the time he passed away.Celebrity status was guaranteed when a manager took the chicken on a national tour, and his story was reported in well-respected news magazines Life and Time. Like many legendary celebrities, Mike’s life ended in a hotel room. Mike began to choke and Lloyd was unable to find the eyedropper to clear Mike’s esophagus. It was the end of the road for Mighty Mike. Gone but certainly not forgotten, Mike’s life is celebrated each year by Fruita residents, who simply remember him as, “a big, fat chicken who didn’t know he didn’t have a head”.
--รู้สึกว่าหลายคนในเว็บบอร์ดนี้จะมีความเชี่ยวชาญต่างๆกันไป ไม่รู้ว่ามีใครอยากทำลิสท์ 101 อะไรต่างๆเพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนอื่นๆบ้างหรือเปล่า อย่างเช่น 101 อัลบัมละครเพลง, 101 ดาราฮ่องกง, 101 หนังสือน่าอ่าน, 101 ดาราหญิงน่าตบ, 101 ศิลปินร็อคหญิง, 101 ดาราชายเอเชียตะวันออก, 101 นักเทนนิส , etc. เพื่อความสะใจของคนทำและเพื่อเปิดโลกทัศน์ของผู้อ่านค่ะ
ตอบน้องสะใภ้ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด
--จำชื่อดารากับผู้กำกับเกาหลีไม่ค่อยได้เหมือนกัน ชื่อมันคล้ายๆกันไปหมดเลย จำได้แต่ “วอน บิน” เหมือนกัน
--ถ้าหากคุณโอลิเวอร์รู้สึกว่า 101 คนมันน้อยเกินไป (ดิฉันก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน) คุณโอลิเวอร์ก็เขียนหนังสือ “1001 HUSBANDS YOU MUST HAVE BEFORE YOU DIE” ออกมาก็ได้ค่ะ เพื่อเป็นการให้แรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ ให้หาผัวตั้งแต่อายุครบ 18 ปี โดยหนังสือเล่มนี้จะให้คำแนะนำว่า เราควรหาผัวใหม่สัปดาห์ละ 1 คน หรือปีละ 52 คน เพราะฉะนั้นเราก็จะมีผัวครบ 1001 คน ภายในเวลา 1001 สัปดาห์ หรือ 19 ปี 3 เดือน เพราะฉะนั้นถ้าหากเราเริ่มหาผัวตั้งแต่อายุครบ 18 ปี เราก็จะมีผัวครบ 1001 คนตอนเรามีอายุประมาณ 38 ปี และนี่คือสิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรยึดเป็นเป้าหมายหลักของชีวิตค่ะ
--ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับรูปและข้อมูลของ BRADLEY COOPER และเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณคุณโอลิเวอร์ ดิฉันจึงขอมอบผู้ชายคนใหม่ให้คุณโอลิเวอร์เอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้านค่ะ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า JOSH HOLLOWAY เขาเกิดปี 1969 และเป็นดารานำของละครเรื่อง LOST
http://lostmultimedia.beyondgrey.com/images/JoshHolloway.jpg
http://www.joshholloway.com/images/josh.jpg
http://www.autographsuccess.com/josh_holloway.jpg
http://us.ent4.yimg.com/tv.yahoo.com/images/he/photo/tv_pix/abc/lost/josh_holloway/lost_shirtless.jpg
http://app.abc.go.com/images/wallpaper/800x600/lost_800x600_holloway_01.jpg
--ดิฉันไม่รู้จักเพลง CAN’T BUY ME LOVE เลยค่ะ รู้จักแต่เพลง RENT (A+) ของ PET SHOP BOYS
You dress me up, I'm your puppetYou buy me things, I love itYou bring me food, I need itYou give me love, I feed itAnd look at the two of us in sympathyWith everything we seeI never want anything, it's easyYou buy whatever I needBut look at my hopes, look at my dreamsThe currency we've spent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rentYou phone me in the evening on hearsayAnd bought me caviarYou took me to a restaurant off BroadwayTo tell me who you areWe never-ever argue, we never calculateThe currency we've spent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rent(Ooooh) I love you, you pay my rent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rentI'm your puppetI love itAnd look at the two of us in sympathyAnd sometimes ecstasyWords mean so little, and money lessWhen you're lying next to meBut look at my hopes, look at my dreamsThe currency we've spent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rent(Ooooh) I love you, you pay my rent(Ooooh) Ooh, I love you, you pay my rentLook at my hopes, look at my dreamsThe currency we've spent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rent(Ooooh) I love you, you pay my rentLook at my hopes, look at my dreamsThe currency we've spent(Ooooh) I love you, oh, you pay my rent(Ooooh) I love you, you pay my rent(Ooooh) I love you, you pay my rent (It's easy, it's so easy)(Ooooh) You pay my rent (It's easy, it's so easy)(Ooooh) You pay my rent (It's easy, it's so easy)(Ooooh) I love you (It's easy, it's so easy)
และเพลง TOY BOY (A) ของ SINITTA เพลงนี้ออกมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980 โดยมีเวอร์ชัน THE EXTENDED BICEP MIX ด้วย
http://fehrbehr.co.uk/96/toy.jpg
http://www.coolforever.com/temp/sinitta_toyboy_12.jpg
Toy boy, toy boyEverybody's talkin'When they see me walkin'With this little boy of mineHe's my play thing and I love himI dress him up lookin' fine He ain't got moneyPeople think it's funnyHe gives me everything I needHe's my play boy, and my love toyAnd I want everyone to know He's my toy boy, toy boyI'm out with my toy boy, toy boyMonday, Tuesday, Wednesday, Thursday,Friday, Saturday, Sunday night When I want a loverI don't need any otherI know he'll come runnin' to meHe's my gigolo and my RomeoAnd I want everyone to know *He's my toy boy, toy boyI'm out with my toy boy, toy boyAnd when I get to take him homeI know he's gonna love me rightHe's my toy boy, toy boyI'm out with my toy boy, toy boyMonday, Tuesday, Wednesday, Thursday,Friday, Saturday, Sunday night Toy boy (Repeat) Everybody's talkin'When they see me walkin'With this little boy of mineHe's my gigolo and my RomeoAnd I want everyone to know
ตอบน้อง ZM
ฮ่าๆๆๆ งงไปพักใหญ่เหมือนกันค่ะว่า “เครื่องบิดงอ” กับ “กากบาทคล้ายควาย” คืออะไร รู้สึกว่าปริศนานี้สามารถเอามาใส่ในหนังประเภทตามล่าหาขุมทรัพย์หรือหนังประเภทปริศนาฆาตกรรมได้เลยนะคะ และมีแต่ตัว
ละครที่ฉลาดที่สุดเท่านั้นที่สามารถไขปริศนานี้ออกได้
เคยได้ข่าวว่า MICHAEL MANN ต้องการให้ “จางม่านอี้” มาแสดงใน HEAT (1995, A-) ด้วยเหมือนกัน แต่ทั้งสองเข้ากันไม่ได้ จางม่านอี้ก็เลยไม่เล่นเรื่อง HEAT แต่ในช่วงนั้นเธอได้เล่นหนังเรื่อง IRMA VEP (1996, OLIVIER ASSAYAS) ซึ่งก็คิดว่าเธอตัดสินใจถูกต้องสุดๆแล้ว เพราะบทผู้หญิงใน HEAT มันเทียบกันไม่ได้เลยกับบทนางเอกใน IRMA VEP
พูดถึง MIAMI VICE แล้วก็จำได้ว่าตอนเด็กๆเคยชอบ DON JOHNSON จากละครชุด MIAMI VICE (1984-1989) อยู่พักนึงเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าละครเรื่องนี้ไม่ใช่สไตล์ที่ตัวเองชอบมากนัก อย่างไรก็ดี สิ่งที่ชอบมากใน MIAMI VICE นอกจากความหล่อของ DON JOHNSON แล้ว ก็รวมถึง
1.บทของ SHEENA EASTON ในฐานะภรรยาของ DON JOHNSON
2.ชอบตอนนึงในละครเรื่องนี้มากๆ ที่เป็นการสืบคดีเกี่ยวกับ SNUFF FILM หรือหนังที่บันทึกภาพการฆ่าคนจริงๆ เป็นตอนที่สนุกมากๆ (แต่จำไม่ได้แล้วว่าตกลงตอนจบของตอนนั้นเป็นยังไง) และต่อมาประเด็นนี้ก็ได้รับการนำเสนอในหนังเรื่อง THESIS (ALEJANDRO AMENABAR, A+) และ 8 MM (1999, JOEL SCHUMACHER, A-/B+)
Tuesday, April 25, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment