Sunday, April 09, 2006

ULRICH SEIDL

ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

--ยังไม่ได้ดูหนังเรื่อง BREAKING UP (1997, ROBERT GREENWALD) เลยค่ะ แต่รู้สึกสนใจ MICHAEL CRISTOFER คนเขียนบทหนังเรื่องนี้มาก เพราะเขาเคยกำกับหนังเรื่อง GIA (1998, A-) กับ BODY SHOTS (1999, A-) รู้สึกชอบโครงสร้างของ BODY SHOTS มาก ที่ให้ตัวละครแต่ละคนเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเอง

โครงสร้างแบบนี้มักจะพบในหนังที่มีการสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่ RASHOMON มาจนถึง HOODWINKED (2005, CORY EDWARDS, A+)

--เคยดู THE SOUL KEEPER (C+) แล้วเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่เห็นว่ามีการสร้างหนังสารคดีเกี่ยวกับ SABINA SPIELREIN ตัวละครเอกของ THE SOUL KEEPER ด้วย โดยหนังเรื่องนี้มีชื่อว่า MY NAME WAS SABINA SPIELREIN (2002, ELISABETH MARTON) โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสารคดีเรื่องนี้มาจากจดหมายของ SABINA ที่มีผู้ค้นพบในห้องใต้ดินในสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1977 โดยเฉพาะจดหมายที่เขียนโต้ตอบกันระหว่าง SABINA, CARL JUNG และ SIGMUND FREUD
http://www.villagevoice.com/film/0552,camhi,71294,20.html

นอกจาก THE SOUL KEEPER กับ MY NAME WAS SABINA SPIELREIN แล้ว ก็รู้สึกว่ามีหนังอีกหลายเรื่องที่มีตัวละครเอกเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ซึ่งรวมถึงเรื่อง

1.EINSTEIN OF SEX (1999, ROSA VON PRAUNHEIM, A-)
หนังเกย์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ DR. MAGNUS HIRSCHFELD โดยอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ROSA VON PRAUNHEIM ได้ในหนังสือ “ฟิล์มไวรัส 3”
http://us.imdb.com/title/tt0161542/

2.UNCONSCIOUS (2004, JOAQUIN ORISTRELL, A-)
ตัวละครคนนึงในหนังเรื่องนี้เป็นจิตแพทย์ที่เชื่อถือใน SIGMUND FREUD

3.W.R. MYSTERIES OF THE ORGANISM (1971, DUSAN MAKAVEJEV)
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ WILHELM REICH
http://us.imdb.com/title/tt0067958/
http://en.wikipedia.org/wiki/Wilhelm_Reich

4.KINSEY (2004, BILL CONDON)

5.THE MAN WHO MISTOOK HIS WIFE FOR A HAT (1987, CHRISTOPHER RAWLENCE)
http://us.imdb.com/title/tt0093487/

หนังโอเปร่าเรื่องนี้ได้ MICHAEL NYMAN มาทำดนตรีประกอบให้และดัดแปลงมาจากกรณีศึกษาของผู้ชายคนนึงที่เป็นโรค AGNOSIA หรือไม่สามารถจดจำสิ่งของในชีวิตประจำวันได้ โดยหนังเรื่องนี้ได้สัมภาษณ์ OLIVER SACKS ตัวจริง ซึ่งเป็นนักประสาทวิทยาที่เป็นผู้ดูแลกรณีศึกษานี้ด้วย ส่วนคนไข้ในเรื่องนี้เป็นครูสอนดนตรี (Frederick Westcott) และสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือการที่หนังได้สำรวจปัญหาเรื่องการรับรู้ของคนต่างๆ

6.EQUUS (1977, SIDNEY LUMET)
http://us.imdb.com/title/tt0075995/
http://images.amazon.com/images/P/B00007KQA2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ดัดแปลงมาจากละครเวทีของ PETER SCHAFFER โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ MARTIN DYSART (RICHARD BURTON) จิตแพทย์ที่สอบสวน ALAN STRANG (PETER FIRTH) เด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่ดูแลคอกม้าและทำร้ายม้าอย่างโหดเหี้ยมสยดสยองถึง 6 ตัวในอังกฤษ โดยเด็กชายคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อที่ขี้อายและแม่ที่เคร่งศาสนา และในขณะที่จิตแพทย์พยายามเจาะลึกเข้าสู่ด้านมืดของเด็กหนุ่มคนนี้ จิตแพทย์ก็ต้องเผชิญกับด้านมืดของตัวเอง

จุดเด่นของ EQUUS คือฉากที่เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้า

ดาราหญิงที่น่าสนใจ 3 คนร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก็คือ JOAN PLOWRIGHT, EILEEN ATKINS และ JENNY AGUTTER (AN AMERICAN WEREWOLF IN LONDON, THE SURVIVOR, AMY)


ตอบน้องสะใภ้ MAGGIE GYLLENHAAL

ตอนนี้ดิฉันติดตามดูละคร 2 เรื่องค่ะ ซึ่งก็คือ DEADWOOD กับ จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า และขณะที่ดูก็จะนึกถึงคุณ OLIVER ทั้ง 2 เรื่องเลย เพราะใน DEADWOOD มีตัวละครเอกเป็นโรคนิ่ว ส่วนใน “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า” มีผู้ร้ายคนนึง (สมุนของบัณรส) ที่มีเค้าหน้าคล้ายคุณ OLIVER อยู่หน่อยนึง เห็นตัวละครตัวนี้ทีไรก็มักจะไพล่ไปนึกถึงคุณ OLIVER ทุกที


ตอบน้อง zm

--จำได้ว่าตอนเด็กๆเคยมีข่าวลือว่าพบปลาปิรันย่าในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เพราะเดาว่าคงมีคนนำปลานี้เข้ามาเลี้ยงไว้ดูเล่น แต่พอเบื่อก็เลยโยนลงแม่น้ำไป และเนื่องจากเมืองไทยมีอากาศเขตร้อนเหมือนอเมริกาใต้ ปลาปิรันย่าก็เลยสามารถเติบโตในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการพบปลาปิรันย่าในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาเรื่องปลาต่างถิ่นก็ดูเหมือนจะพบได้ในอีกหลายๆที่ในโลก ดูเหมือนดิฉันจะเคยได้ยินว่าในอเมริกาเหนือมีปัญหาปลาเอเชียบางประเภทเข้าไปทำลายระบบนิเวศวิทยาในนั้นเหมือนกัน ส่วนในแอฟริกานั้น ปัญหาเรื่องปลาต่างถิ่นที่ทำให้ประเทศชาติล่มจมดูเหมือนจะได้รับการนำเสนอไว้แล้วในหนังเรื่อง DARWIN’S NIGHTMARE

--พูดถึงเรื่องการปรับเวลา ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง NATIONAL TREASURE (2004, JON TURTELTAUB, B-/C+) ที่การปรับเวลากลายเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาในเรื่อง หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย JUSTIN BARTHA ขวัญใจคนใหม่ของน้อง ZM ด้วย


ตอบภรรยา GAEL GARCIA BERNAL

พูดถึงหนังเรื่อง DEEP THROAT (1972, GERARD DAMIANO) ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าในหนังเรื่อง KING KONG (1976, JOHN GUILLERMIN) มีการพาดพิงถึงหนังเรื่อง DEEP THROAT ด้วยเหมือนกัน ถ้าเข้าใจไม่ผิด นางเอกหนังเรื่องนี้ (เจสสิกา แลงจ์) หนีออกจากเรือยอชท์ที่หรูหราเพราะเธอไม่ยอมดูหนังเรื่อง DEEP THROAT ร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ

ยังไม่ได้ดู INSIDE DEEP THROAT เลยค่ะ แต่สนใจ FENTON BAILEY กับ RANDY BARBATO ผู้กำกับหนังเรื่องนี้พอสมควร รู้สึกว่าทั้งสองเคยกำกับ THE EYES OF TAMMY FAYE (2001) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักเทศน์ทางโทรทัศน์ด้วย
ตอนนี้รู้สึกว่ามีภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับศาสนาออกมาเยอะมาก อย่างเช่นเรื่อง

1.THE EYES OF TAMMY FAYE (2001, FENTON BAILEY + RANDY BARBATO)
http://images.amazon.com/images/P/B00003CXL4.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ TAMMY FAYE BAKKER MESSNER กับ JIM BAKKER ซึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักเทศน์ทางโทรทัศน์ โดย TAMMY เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของทศวรรษ 1980 และได้รับการยกย่องให้เป็น THE FIRST LADY OF TELEVANGELISM ด้วย

TAMMY แต่งงานกับสามีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และทั้งสองเคยทำรายการทีวีสำหรับเด็ก โดย TAMMY เป็นนักเชิดหุ่นกับนักร้องในรายการดังกล่าว และต่อมาทั้งสองก็มีส่วนร่วมในการก่อตั้งบริษัทสถานีโทรทัศน์เพื่อศาสนา 3 แห่ง และก่อตั้งสวนสนุก HERITAGE ด้วย แต่สวนสนุกดังกล่าวประสบปัญหาทางการเงิน และชีวิตของทั้งคู่ก็ตกต่ำลง

JIM + TAMMY เป็นหนึ่งในนักเทศน์ทางโทรทัศน์กลุ่มแรกที่เข้าถึงกลุ่มชาวเกย์และผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยมี RUPAUL มาให้เสียงบรรยายในหนังเรื่องนี้

ความสัมพันธ์ระหว่าง JIM + TAMMY เคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง FALL FROM GRACE (1990, KAREN ARTHUR) โดยมี BERNADETTE PETERS รับบทเป็น TAMMY FAYE และ KEVIN SPACEY รับบทเป็น JIM
http://www.imdb.com/title/tt0099538/
http://en.wikipedia.org/wiki/Jim_Bakker


2.DEVIL’S PLAYGROUND (2002, LUCY WALKER, A/A-)
http://us.imdb.com/title/tt0293088/
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00007GVM0.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
หนังสารคดีเรื่องนี้สำรวจชีวิตเด็กวัยรุ่นนิกายอามิชที่เคร่งศาสนามาก โดยเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ต้องเผชิญกับทางเลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบเคร่งศาสนาต่อไปหรือไม่

จุดที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้ ก็คือการที่ผู้สร้างหนังสารคดีคงคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระหว่างการถ่ายทำ และส่งผลให้ผู้สร้างหนังสารคดีต้องหลุดเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะผู้สร้างหนังสารคดีติดตามถ่ายทำชีวิตเด็กหนุ่มชาวอามิชคนนึง แต่ไปๆมาๆเด็กหนุ่มคนนี้กลับถูกกลุ่มคนชั่วตามฆ่า และมีบางสถานการณ์ที่ทั้งเด็กหนุ่มคนนี้และทีมงานถ่ายทำหนังคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงว่ามีกลุ่มคนชั่วรอดักฆ่าอยู่ในความมืดข้างนอกบ้านหรือเปล่า

3.WHEEL OF TIME (2003, WERNER HERZOG, A-)
http://images.amazon.com/images/P/B000AQ68Y6.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

4.AUGENBLICK (1998, DORIS DORRIE, B+)

5.NAKED IN ASHES (2005, PAULA FOUCE, B+)

6.พระสุดแดน (2003, สันติภาพ อินกองงาม, B+/B)

7.THE GIANT BUDDHAS (2005, CHRISTIAN FREI)

8.THE BIG QUESTION (FRANCESCO CABRAS + ALBERTO MOLINARI)

9.BUDDHA WILD: MONK IN A HUT (2005, ANNA WILDING)
http://us.imdb.com/title/tt0449570/
http://www.buddhawild.com/v20/index.html
มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระในไทยและศรีลังกา


10.HELL HOUSE (2001, GEORGE RATLIFFE)
http://hellhousemovie.com/hellhouse/index.html
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000092T6A.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังสารคดีเรื่องนี้ติดตามถ่ายทำกิจกรรม “บ้านผีสิง” ของกลุ่มเคร่งศาสนาในสหรัฐ โดยคนกลุ่มนี้มักจัดกิจกรรม “บ้านผีสิง” ในเดือนต.ค. เพื่อสอนให้คนอื่นๆเกรงกลัวต่อสิ่งที่คนกลุ่มนี้มองว่าเป็น “ความชั่ว” และกิจกรรมดังกล่าวก็มักแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ทั้งน่าขันและน่ากลัวของพวกเคร่งศาสนาเหล่านี้ โดยผู้ชมบางคนบอกว่าการได้เห็น “ความคิดความเชื่อ” ของคนเหล่านี้ทำให้หนังสารคดีเรื่องนี้เป็นหนังที่ “สยองขวัญ” อย่างแท้จริง

And yes, the Hell House itself is pretty disturbing- depicting scenes of botched abortions, a gay man dying of AIDS then renouncing God and being dragged off to hell, a girl killing herself after being raped at a club (then once again, being dragged off to hell), even a man burning for all of eternity because his uncle molested him as a child. To sum up, these people are "crazy" with three K's.


11.JESUS, YOU KNOW (2003, ULRICH SEIDL)
http://www.imdb.com/title/tt0373941/
http://www.villagevoice.com/film/0448,halter2,58800,20.html
http://images.amazon.com/images/P/B000BUE5C8.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ULRICH SEIDL เป็นผู้กำกับหนังชื่อดังชาวออสเตรียเจ้าของหนัง FEEL-BAD เรื่อง DOG DAYS (2001, A+) โดย JESUS, YOU KNOW นี้เป็นการสัมภาษณ์ชาวคาทอลิก 6 คนขณะสวดภาวนาในโบสถ์ โดยผู้ให้สัมภาษณ์เหล่านี้ต่างก็เปิดเผยถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของตนเอง ทั้งเรื่องของปัญหาครอบครัว, ความผิดหวังในความรัก, ความไม่มั่นคงทางประสาท และความกลัวตาย

หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเล่าเรื่องที่สามีต่างศาสนาของเธอเชื่อว่าอาการป่วยของเขาเป็นการลงโทษจากสวรรค์เพราะเขาแต่งงานกับคนต่างศาสนา และเธอก็กังวลว่าครอบครัวของเธอดูรายการทอล์คโชว์ทางทีวีมากเกินไป ส่วนผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนก็เปิดเผยว่าเธอชอบจินตนาการเรื่องการใช้ยาพิษฆ่าสามีของเธอ แต่หลังจากนั้นเธอก็สวดภาวนาให้ตัวเองได้ “ตายดี” โดยไม่มีความเจ็บปวด

วัยรุ่นคนหนึ่งเล่าว่าพ่อแม่ของเขาล้อเลียนเขาที่เข้าโบสถ์ทุกวัน อย่างไรก็ดี เขารู้สึกไม่สบายใจที่พบว่าตัวเองมีอารมณ์ทางเพศเมื่อเห็นสาวสวยบนจอโทรทัศน์ he uncomfortably confesses to becoming turned on by television babes and the erotic content of Bible stories. "I can't control my body," he tells Christ.

หนังสารคดีดังอีกเรื่องนึงของ ULRICH SEIDL คือ ANIMAL LOVE (1995) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคนที่มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ โดยหนังเรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ว่าเหมือนกับส่วนผสมจากหนังสารคดีของ ERROL MORRIS (THE FOG OF WAR) และหนัง FEEL-BAD ของ GASPAR NOE (IRREVERSIBLE) และเหมาะดูควบคู่กับหนังเรื่อง MANIMALS (1977, ROBIN LEHMAN) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงประหลาดๆในนิวยอร์คและบทลงเอยที่น่าอนาถใจจากการเลี้ยงสัตว์เหล่านั้น
http://images.amazon.com/images/P/B00068NVIE.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ส่วนหนังสารคดีเรื่อง MODELS (1998) ของ ULRICH SEIDL มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหล่านางแบบสาวที่ต้องต่อสู้กับความโง่เง่าเต่าตุ่นของตัวเอง โดยรวมถึงวิเวียนที่พยายามจะเป็นคนดังตามหน้านิตยสาร, ลิซ่าที่หมดเวลาไปกับการสูดโคเคนและทำศัลยกรรมพลาสติก และทันย่าที่หมกมุ่นกับไพ่ยิปซีและโยคะ
http://images.amazon.com/images/P/B00068NVJS.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ทั้ง JESUS YOU KNOW, ANIMAL LOVE และ MODELS มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี


12.MARJOE (1972, SARAH KERNOCHAN + HOWARD SMITH)
http://images.amazon.com/images/P/B000CCW2VG.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังสารคดีเกี่ยวกับ MARJOE GORTNER อดีตนักเทศน์ชื่อดัง เขาเคยได้รับสมญานามว่าเป็น minister ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพราะเขาเป็น minister ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ โดยชื่อของเขามาจากการรวมคำว่า MARY + JOSEPH เข้าด้วยกัน เขาเกิดปี 1944

Marjoe มีชื่อเสียงว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ เขามีความทรงจำเป็นเลิศ โดยเขาสามารถเทศนาตามเนื้อหาในพระคัมภีร์และสามารถรักษาคนป่วยให้หายจากโรคโดยใช้ความศรัทธา เขาออกตระเวนไปเทศน์ตามที่ต่างๆและสามารถดึงดูดประชาชนได้เป็นจำนวนมากในเขตเคร่งศาสนาในสหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อเขาเป็นวัยรุ่น เขาก็หายไปจากวงการ แต่เขาก็กลับมาเป็นนักเทศน์อีกครั้งในทศวรรษ 1960 เพราะนั่นเป็นอาชีพที่ทำเงินได้ง่าย

อย่างไรก็ดี เขายอมรับต่อหน้ากล้องถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เลื่อมใสในศาสนาจริงๆ และหลังจากการเปิดใจในหนังเรื่องนี้ เขาก็หันไปยึด
อาชีพดารา โดยมักรับบทเป็นนักข่มขืนและคนโรคจิต

หนังเรื่องนี้นำฟุตเตจเก่าๆมารวมไว้ด้วย โดยฟุตเตจที่บันทึกภาพของ MARJOE กับแม่ที่ฝึกฝนเขาดูคล้ายกับหนังของ ED WOOD ส่วนกลุ่มคนที่เลื่อมใสศรัทธาใน MARJOE ในยุคของปธน.ริชาร์ด นิกสัน ก็ดูแปลกประหลาดไม่แพ้กัน

นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันมีความสามารถอันไม่มีที่สิ้นสุดในการเชื่อเรื่องหลอกลวงและในการปฏิเสธความเป็นจริง และหนังเรื่องนี้ก็นำเสนอภาพของชาวสหรัฐผู้เลื่อมใสศรัทธาในนักเทศน์ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากชาวป่าชาวเขาในปาปัวนิวกินี นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังทำให้นึกถึงนักเทศน์บางคนในยุคปัจจุบันด้วย อย่างเช่น PAT ROBERTSON ที่บอกผู้ชมทางทีวีราว 800,000 คนว่า ปธน. HUGO CHAVEZ ของ VENEZUELA สมควรถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม (HUGO CHAVEZ ต่อต้านปธน.บุชอย่างรุนแรง)
http://en.wikipedia.org/wiki/Hugo_Ch%C3%A1vez

MARJOE มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี หนังเรื่องนี้เคยได้รับรางวัลออสการ์หนังสารคดียอดเยี่ยม
http://www.imdb.com/Sections/Awards/Academy_Awards_USA/1973


13.GOD’S ANGRY MAN (1980, WERNER HERZOG)
http://www.rotten.com/library/bio/religion/dr-gene-scott/

หนังสารคดีเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ DR. GENE SCOTT นักเทศน์ชื่อดังทางโทรทัศน์ที่มีปัญหากับทางการ โดยรายการโทรทัศน์ของเขาดูแปลกประหลาดและน่าขันมาก และเขามักก่นด่าผู้ชมว่าใจร้ายใจดำที่ไม่ยอมบริจาคเงิน
Even when Scott's financial desires have been satisfied he still feels the need to insult his audience for not parting with their ‘few hundred miserable dollars' earlier.

ผู้ชมตั้งข้อสังเกตว่าหนังเรื่องนี้เหมือนกับหนังอีกหลายๆเรื่องของ HERZOG นั่นก็คือมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายเพี้ยนๆที่ทำอะไรสุดโต่ง ไม่ต่างไปจากพระเอกหรือตัวเอกใน AGUIRRE THE WRATH OF GOD (1972, A), FITZCARRALDO (1982, A-), MY BEST FIEND (1999, A-) และ GRIZZLY MAN (2005)


14.RAM DASS, FIERCE GRACE (2001, MICKEY LEMLE)
http://images.amazon.com/images/P/B00008DDV1.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี และมีเนื้อหาเกี่ยวกับรามทาส กูรูชื่อดังในสหรัฐ เขามีชื่อตอนเกิดว่า RICHARD ALPERT และเขาเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยในบอสตัน เขาได้เป็นนักจิตวิทยาในเวลาต่อมา จนกระทั่งเขาได้พบกับ TIMOTHY LEARY นักวิชาการที่แหวกแนว การคบหากันนี้นำไปสู่การเสพ LSD และการได้พบกับประสบการณ์ใกล้ตาย

หลังจากนั้น RICHARD ได้เดินทางไปอินเดียเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นเรื่องจิตวิญญาณโดยไม่ใช้ยาหลอนประสาท เขาได้เป็นลูกศิษย์ของกูรูชื่อ NEEM KAROLI BABA และหันมาใช้ชื่อว่า “รามทาส” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาเขาเดินทางกลับมายังไร่ของเขาในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ และกลายเป็นกูรูชื่อดังในยุคฮิปปี้ของสหรัฐ โดยหนังสือดังของเขาที่ชื่อ BE HERE NOW (1971) นั้นเปรียบเหมือนกับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของฮิปปี้ยุคนั้น และต่อมาเขาก็ได้ออกหนังสือชื่อ STILL HERE: EMBRACING AGING, CHANGING, AND DYING (2000) ด้วย
http://ec1.images-amazon.com/images/P/0517543052.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

อย่างไรก็ดี รามทาสป่วยจากอาการสมองขาดเลือดในปี 1997 และเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและอารมณ์ของรามทาสอย่างมาก โดยหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดให้เห็นถึงจุดนี้อย่างหมดเปลือก และถ่ายทอดชีวิตประจำวันของเขาขณะที่เขาเข้ารับการรักษา, ไปพูดตามที่ต่างๆ, ทักทายและให้คำปรึกษากับแฟนๆ นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังสัมภาษณ์เพื่อนร่วมงาน, สมาชิกครอบครัว, ผู้เลื่อมใสศรัทธา และคนดังในยุค 1960 อย่าง WAVY GRAVY ด้วย
http://en.wikipedia.org/wiki/Wavy_Gravy

หนังเรื่องนี้นำฟุตเตจเก่ามารวมไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นฟุตเตจที่บันทึกภาพของรามทาสในวัยหนุ่มขณะเทศนาให้กลุ่มหนุ่มสาวผิวขาวชนชั้นกลาง

นักวิจารณ์ชื่นชอบฉากจบของหนังเรื่องนี้มาก เพราะในฉากจบของเรื่องนี้เป็นฉากที่รามทาสให้คำแนะนำแก่หญิงคนหนึ่งที่สามีถูกฆ่าตาย และเธอสิ้นหวังในชีวิตเป็นอย่างมาก แต่ขณะที่ฉากนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ ผู้ชมก็ไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่าย “ให้คำแนะนำ” ในฉากนี้


15.SEARCHING FOR THE WRONG-EYED JESUS (2005, ANDREW DOUGLAS)
http://www.searchingforthewrongeyedjesus.com/

หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาโดยตรง แต่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางของจิม ไวท์ ซึ่งเป็นนักร้องเพลงคันทรี เขาออกเดินทางไปตามท้องถนนคลุ้งฝุ่นทางภาคใต้ของสหรัฐ และสัมภาษณ์ผู้คนมากมาย ซึ่งรวมถึงนักดนตรีหลายคนที่เคร่งศาสนา โดยคนเหล่านี้พูดถึงเรื่องของบาปและการไถ่บาป, สวรรค์และนรก และการตายอย่างฉับพลัน และหนังเรื่องนี้ก็มีฉากพิธีกรรมทางศาสนาและพิธีกรรมในโบสถ์ด้วย

สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้คือลักษณะความเป็นกวีในเรื่อง หนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง แต่ถ่ายทอดบรรยากาศทางภาคใต้ของสหรัฐออกมาได้ดีมาก ผู้ชมจะได้เห็นว่าบ้านเมืองในแถบนี้เต็มไปด้วยรถบ้าน, เรือนจำ, โบสถ์บนภูเขา, หนองบึง, เหมืองถ่านหิน, จุดพักรถบรรทุก และเต็มไปด้วยคนจนที่ต้องต่อสู้กับชีวิต

เว็บไซท์ของหนังเรื่องนี้มี TRAILER ให้ดู รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายฉากหนองบึงทางภาคใต้ของสหรัฐออกมาได้สวยงามมากๆ ดูแล้วนึกถึง SCHULTZE GETS THE BLUES (2003, MICHAEL SCHORR, A+)

No comments: