Friday, November 01, 2019

BIKEMAN 2

BIKEMAN 2 (2019, Prueksa Amaruji, A+30)

1.ชอบที่หนังมันดูเหมือนจะ "ไม่ฝืนตัวเองมากเกินไป" น่ะ 555  ซึ่งตรงข้ามกับ "มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง" (2019, Chainarong Tampong) เพราะเรามองว่า ผู้สร้างหนังแต่ละราย มีความถนัดไม่ตรงกันน่ะ และบางทีการฝืนตัวเองมากเกินไป เพื่อทำตามความเชื่อเดิมๆที่ว่า หนังที่ดีควรจะเป็นอย่างไร หรือเพื่อเอาใจตลาด มันก็อาจจะทำให้หนังออกมาอิหลักอิเหลื่อ

คือเรารู้สึกว่า ผู้สร้างหนัง มิสเตอร์ดื้อ เหมือนไม่ถนัดในการทำหนังตลกน่ะ แต่เขาพยายามยัดอารมณ์ตลกเข้ามาในหนังตลอดเวลา มันก็เลยดูฝืนๆ

ส่วนผู้สร้างหนังไบค์แมน 2 เหมือนรู้ตัวเองดีว่า ทรัพยากรที่ตัวเองมีคืออะไร ดาราที่ตัวเองมี ถนัดอะไร เขาก็เลยสร้างหนังตลกที่รื่นรมย์มากๆออกมาได้ โดยที่เขาไม่ฝืนตัวเอง ด้วยการพยายามใส่เนื้อหาสาระที่เขาไม่ถนัดลงไปในหนัง

คือจริงๆแล้วเราก็ชอบหนังตลกที่มีเนื้อหาสาระนะ แบบ DUMB AND DUMBER TO (2014, Bobby Farrelly, Peter Farrelly) หรือ REMINGTON AND THE CURSE OF THE ZOMBADINGS (2011, Jade Castro)  น่ะ คือเป็นหนังตลกเสียสติที่จริงๆแล้วมีความหนักแน่นทางประเด็นและการเขียนบทรองรับไว้ แต่มนุษย์แต่ละคนมันไม่เก่งไปซะทุกอย่างหรอกน่ะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ถนัดทำหนังตลก ก็ไม่ต้องทำหนังตลก และถ้าคุณไม่ถนัดทำหนังมีสาระ ก็ไม่ต้องทำหนังมีสาระก็ได้ ทำในแบบที่คุณถนัดจะดีกว่า

2.ชอบการใช้ location เหมืองมากๆ ใช้คุ้มสุดๆ

คือจริงๆแล้วตามสไตล์หนังไทยกลุ่มนี้ มันต้องจบด้วยการบู๊กันใน โรงงาน หรือ โกดัง แบบหนังพระนครฟิล์ม เมื่อ 10 ปีก่อนน่ะ 555 เราก็เลยชอบมาก ที่หนังเรื่องนี้เลี่ยงไปใช้ location เหมือง แทน และใช้แบบคุ้มค่ามาก

3.ชอบการเล่นกับตัวละครพระสองรูปมากๆ ชอบที่มันโผล่ช่วงต้นเรื่อง แล้วก็มาโผล่อีกทีช่วงปลายเรื่อง เหมือนเป็นการวางบทที่ดี

4.ฉาก "เหยียบหัวพ่อ"เพื่อปีนไปกดสวิทช์ นี่จริงๆแล้วแรงมาก แต่พอมันเป็นหนังตลก มันก็เลยดูไม่แรง

5.ชอบที่หนังเรื่องนี้กับ "ขุนแผนฟ้าฟื้น" เหมือนใช้ประโยชน์จากความเป็นหนังตลกอย่างเต็มที่ และการใช้ประโยชน์ดังกล่าวก็คือ ใช้กลบความไม่สมเหตุสมผล หรือความไม่น่าจะเป็น ต่างๆทางบทภาพยนตร์ 555

อย่างเช่น ถ้าหากหนังเรื่องนี้ เป็น "หนังแอคชั่น" การที่ตัวละครรอดจากระเบิดอย่างง่ายๆในช่วงท้ายของหนัง ก็จะดูน่าหงุดหงิดมาก แต่พอมันเป็นหนังตลก เราก็จะไม่รู้สึกแบบนั้น 555

No comments: