Wednesday, December 04, 2024

OTHERS FROM NOW ON

 

เราได้ไปเจอเพื่อนเก่าสมัยประถมกับมัธยม แล้วเพื่อนเล่าเรื่องนึงให้ฟังแล้วประทับใจมาก ๆ ก็เลยขอจดบันทึกเอาไว้เพื่อกันลืม

 

เรื่องก็คือว่า ที่ทำงานของเพื่อนคนนั้นไปสัมมนาหรืออะไรทำนองนี้ที่โรงแรมแห่งนึง แล้วก็มีการรับประทานอาหารกันในโรงแรม เพื่อนร่วมงานคนนึงเขาใส่ฟันปลอมไว้ในปาก น่าจะประมาณซี่นึง แล้วทีนี้พอเขากินอาหารในโรงแรมเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าเขาเคี้ยวโดนอะไรแข็งๆ น่าจะเป็นฟันปลอมของเขาที่หลุดออกมาขณะเคี้ยวอาหาร เขาก็เลยรีบไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะได้คายฟันปลอมที่หลุดนั้นออกมา

 

พอเขาเข้าห้องน้ำ คายฟันปลอมออกมา เขาก็พบว่าสิ่งที่เขาคายออกมามันเป็นฟันคนจริง ๆ แล้วฟันปลอมของเขาก็ยังติดแน่นอยู่ในปากของเขา ฟันจริงกับฟันปลอมของเขาอยู่ในปากครบทุกซี่ แล้ว “ฟันมนุษย์” ที่อยู่ในอาหารที่เขากินเข้าไปมันมาจากไหน ฟันมนุษย์ซี่นั้นมันอยู่ในอาหารโรงแรมได้อย่างไร

 

พอพวกเราได้ฟังเรื่องนี้ พวกเราก็เลยตั้งข้อสันนิษฐานกันว่า อาหารที่เขากินเข้าไปอาจจะทำมาจากเนื้อมนุษย์!!!!!!!!

+++

LOU CASTEL VS. NIELS ARESTRUP

 

ชอบการแสดงของทั้งสองคนนี้มาก ๆ ตัดสินไม่ได้ว่าชอบใครมากกว่ากัน

 

LOU CASTEL (born 1943 ยังมีชีวิตอยู่)

 

ตัวอย่างผลงานการแสดงของเขา

 

1.FISTS IN THE POCKET (1965, Marco Bellocchio, Italy)

 

2.THE CASSANDRA CROSSING (1976, George P. Cosmatos, UK)

 

3.THE AMERICAN FRIEND (1977, Wim Wenders, West Germany)

 

4.THE EYES, THE MOUTH (1982, Marco Bellocchio, Italy)

 

5.THE BIRTH OF LOVE (1993, Philippe Garrel, France)

 

เหมือนในทศวรรษ 1970 มีหนังที่นำแสดงโดย Lou Castel เข้าโรงฉายในไทยเยอะมาก ๆ เพราะเขาเล่นหนัง mainstream ของยุโรปหลายเรื่องในยุคนั้น และยุคนั้นไทยชอบฉายหนัง mainstream จากยุโรป

 

ส่วน NIELS ARESTRUP (1949-2024) นั้นเราเพิ่งเขียนถึงในโพสท์นี้

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10236293218653970&set=a.10225528461101759

 

RIP NIELS ARESTRUP (1949-2024)

 

ชอบการแสดงของเขามาก ๆ โดยเฉพาะใน THE DUNE (2013) ที่เขารับบทเป็นตำรวจเกย์วัยชรา เราเคยดูหนังที่เขาแสดงมา 8 เรื่อง ซึ่งได้แก่

 

1.STAVISKY (1974, Alain Resnais)

 

2. I, YOU, HE, SHE (1974, Chantal Akerman)

เราชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดขีด แต่เราจำผิดมาตลอดว่าเป็น Gerard Depardieu เล่นหนังเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเป็น Niels Arestrup ที่เล่นหนังเรื่องนี้

 

3.THE BEAT THAT MY HEART SKIPPED (2005, Jacques Audiard)

 

4.THE DIVING BELL AND THE BUTTERFLY (2007, Julian Schnabel)

 

5.SARAH’S KEY (2010, Gilles Paquet-Brenner)

 

6.OUR CHILDREN (2012, Joachim Lafosse, Belgium)

 

7.THE DUNE (2013, Yossi Aviram, France/Israel)

 

8. DIVERTIMENTO (2022, Marie-Castille Mention-Schaar, France)

++++

OTHERS FROM NOW ON อื่น ๆ นับจากนี้ (ธนดล สดศรี Tanadol Sodsri, 30min, A+30)

 

ชอบสุดขีด เรื่องราวของเด็กสาววัยมัธยมปลายที่เหมือนไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ กิจกรรมหลักของเธอในหนังเรื่องนี้คือการขุดคุ้ยหาแผ่น VCD, DVD ที่อาจมีภาพถ่ายครอบครัวในอดีตและคลิปที่บันทึกภาพตัวเองเคยรำตอนเด็กๆ แต่แผ่น VCD, DVD เหล่านั้น เธอก็เอาไปทำโมไบล์จนแผ่นอาจจะเสียไปแล้ว

 

หนังมีลักษณะการถ่าย, วิธีการเล่าเรื่อง, การใช้เพลงประกอบที่แปลกดี

 

หลาย ๆ ฉากเราไม่เห็นใบหน้าตัวละคร ได้ยินแค่เสียงตัวละคร หรือเห็นแค่อวัยวะบางส่วนของตัวละคร ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเลือกใช้ choice นี้ แต่ดูแล้วนึกถึง Robert Bresson ในทันที

 

ชอบฉากที่นางเอกสวดแผ่เมตตาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งเหมือนมันไม่มีความสำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องเลย ไม่รู้มันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องยังไง แต่มันเข้ากับอารมณ์ของหนังมาก ๆ ชอบสุด ๆ ที่มีฉากแบบนี้ในหนังเรื่องนี้ กราบมาก ๆ

 

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เหมาะฉายควบกับ MOUCHETTE (1967, Robert Bresson) อย่างรุนแรงที่สุด กราบบบบบบบบบบ

 

MOUCHETTE (1967, Robert Bresson) VS. OTHERS FROM NOW ON อื่น ๆ นับจากนี้ (2024, Tanadol Sodsri, 30min, A+30)

++++

ONE OF MY MOST FAVORITE POSTERS OF ALL TIME น่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ยอมจ่ายค่าตั๋ว 544 บาทเพื่อแลกกับโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ IN YOUTH WE TRUST และของแถมอื่น ๆ 55555

 

ตอนที่โปสเตอร์นี้เผยแพร่ออกมาทางสื่อครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อนคนนึงถึงกับ line บอกเราและเพื่อน ๆ ทุกคนในกลุ่มในทันทีว่า “เห็นโปสเตอร์นี้แล้วนึกถึงจิตร รู้ได้ในทันทีว่าจิตรอยากจะอยู่ท่ามกลางผู้ชายเหล่านี้” 55555

 

Monday, December 02, 2024

FAVORITE QUOTE

 

วาทศิลป์บิณฑบาตที่เราประทับใจจากเพื่อนๆ ที่ได้เจอในวันที่ 1 ธ.ค.

 

เพื่อนเล่าว่า เขาต่อคิวจะจ่ายตังค์ใน supermarket ซึ่งก็มีคนเข้าคิวต่อจากเขาหลายคน แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีป้าคนนึงมาพูดกับเขาว่า “ขอแซงคิวหน่อยได้ไหม เพราะป้าซื้อของแค่ไม่กี่ชิ้นเอง” เพื่อนก็เลยพูดกับป้าว่า ให้ป้าไปถามแบบนี้จากคนสุดท้ายในคิวก่อน แล้วถ้าเขาอนุญาตให้ป้าแซงคิวเขาได้ ก็ให้ป้าไล่ถามขึ้นมาเรื่อย ๆ แบบนี้ทีละคน ทีละคน ถ้าหากทุกคนที่ต่อคิวหลังจากผม เขาอนุญาตให้ป้าแซงคิวได้ ผมก็อนุญาตให้ป้าแซงคิวผมได้ พอเพื่อนพูดแบบนี้ ป้าคนนั้นก็เลย fade away ไป

 

ซึ่งเราก็ประทับใจสิ่งที่เพื่อนทำมาก ๆ ก็เลยขอจดบันทึกความทรงจำนี้ไว้ค่ะ เพราะเราเองก็รู้สึกว่า การที่เรายอมให้ป้าแซงคิวเรา มันอาจจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนต่อทุกคนที่ยืนต่อคิวมาแล้วเป็นเวลานานหลังจากเราก็ได้

Sunday, December 01, 2024

๋JAIL 8

 

พอดู “วัยหนุ่ม 2544” แล้วก็เลยนึกถึงละครโทรทัศน์ในตำนาน เรื่อง “ขัง 8” (1997) ซึ่งเราไม่ได้ตามดู เหมือนเคยดูแค่ผ่าน ๆ แต่เหมือนจำได้ว่า ตอนนั้นมีข่าวว่าละครเรื่องนี้ซ่องแตกมาก ๆ ตัวละครผู้หญิงในคุกตบตีกันสนุกมาก ๆ มันส์มาก ๆ จนกระทั่งชุติมา นัยนา ซึ่งเหมือนรับบทเป็นทนายความในละครเรื่องนี้ อดรนทนไม่ได้ ถึงกับต้องออกมาขอร้องทางผู้สร้างละครว่า ช่วยเขียนบทให้ตัวละครของเธอได้เข้าไปติดคุกกับตัวละครอื่นๆ  ด้วย เพื่อที่ตัวละครของเธอจะได้ไปร่วมสนุกตบตีกับตัวละครอื่น ๆ ในคุก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราจำข่าวนี้ผิดหรือเปล่านะ ถ้าหากเราจำข่าวนี้ผิด เราก็ขออภัยด้วยค่ะ

 

คือเห็นแค่ชื่อดารานำก็รับประกันความซ่องแตกแน่นอน -- กมลชนก โกมลฐิติ - - ชุติมา นัยนา - รัญญา ศิยานนท์ - ชุดาภา จันทเขตต์ - อังคณา ทิมดี - ปภัสรา ชุตานุพงษ์ - ไปรมา รัชตะ - ปิยะมาศ โมนยะกุล - จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา - อัญชลี ไชยศิริ - ปทุมวดี โสภาพรรณ - เปียทิพย์ คุ้มวงศ์ - ฉันทนา กิติยาพันธ์

 

เราเคยดู “ขัง 8” เวอร์ชั่นภาพยนตร์ของสนานจิตต์ บางสะพานในปี 2002 ซึ่งเราก็ชอบแค่ปานกลาง อาจจะเพราะมันเป็น male gaze และมันออกมาในเชิงซีเรียสดราม่า ไม่ได้ออกมา “ซ่องแตก” หรือ “cult” แบบเวอร์ชั่นละครทีวี

 

คิดว่าถ้าหากมีการนำเอา ขัง 8 มาสร้างเป็นภาพยนตร์ใหม่ ก็คงต้องให้ผู้กำกับที่เป็น queer หรือผู้หญิงมากำกับ เพื่อรับประกันความซ่องแตก 55555

https://www.youtube.com/watch?v=wbYrNncQwJI

IN YOUTH WE TRUST

MARX CAN WAIT (2021, Marco Bellocchio, Italy, documentary, A+30)

 

เห็นมันอยู่ใน MUBI LEAVING SOON เราก็เลยรีบดู หนักมาก ๆ หนังสารคดีที่ผู้กำกับพยายามขุดคุ้ยการฆ่าตัวตายของฝาแฝดของเขาในปี 1968 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝาแฝดของเขามีอายุได้ 29 ปี

 

ดูแล้วนึกว่าเป็นอัลบัม greatest hits ของศิลปินดัง เพราะหนังเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตจริงของตัว Marco Bellocchio โดยเฉพาะชีวิตครอบครัวของเขา มันสะท้อนออกมาให้เห็นในหนังมากมายหลายเรื่องที่ผู้กำกับคนนี้เคยสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องการฆ่าตัวตายของฝาแฝดคนนี้ ที่เคยถูกใส่มาแล้วในหนังเรื่อง THE EYES, THE MOUTH (1982, Marco Bellocchio) ที่ทางฟิล์มไวรัสเคยนำมาฉายที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

 

ชอบมุมมองของบาทหลวงคนหนึ่งในหนังเรื่องนี้มาก ๆ ที่เขามองว่า “ภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง” จริง ๆ แล้วมันคล้าย ๆ กับคนที่มาสารภาพบาปในโบสถ์ การดูภาพยนตร์แต่ละเรื่องมันเหมือนกับการที่บาทหลวงได้ฟังผู้กำกับแต่ละคนมาสารภาพบาปในสิ่งที่ตนเองเคยทำ โดยเฉพาะในกรณีของ Marco Bellocchio

 

 เราชอบมุมมองนี้อย่างสุดขีด เพราะเราว่ามันก็ใกล้เคียงกับหนังไทยหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะหนังสั้นไทย ที่ภาพยนตร์ทำหน้าที่เหมือน “บำบัดจิตใจ” ของผู้กำกับ คือผู้กำกับอาจจะไม่ได้ทำบาป แต่ผู้กำกับมีเรื่องทุกข์ใจ และระบายความทุกข์ใจของตนเองออกมาทางภาพยนตร์ และผู้ชมก็เลยเหมือนเป็นจิตแพทย์ที่มานั่งฟังผู้กำกับระบายความทุกข์ของตนเองออกมา ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราชอบภาพยนตร์แนวนี้อย่างรุนแรงมาก ๆ เรารักทั้งภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือบำบัดจิตใจของผู้กำกับ” และภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็น “การสารภาพบาป หรือการตีแผ่ guilt ของผู้กำกับ”

---

สืบสิเน 6 (2024, ขวัญจิรา แพร่แสงเอี่ยม, A+15)

 

SERIOUS SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

 

อยากให้มีฉากต่อท้ายอีกฉากนึงในหนังเรื่องนี้ คือในความเป็นจริงนั้นหนังเรื่องนี้จบลงด้วย 2 ฉาก คือฉากที่ “ทุกคนรู้ว่าใครคือฆาตกร” และ “ฉากการฆาตกรรม” แต่เราอยากให้มีฉากต่อท้ายอีกฉากนึง คือฉากที่ “ฆาตกรเดินเข้ามาในห้อง แล้วทุกคนที่เหลือในห้องปรบมือด้วยความชื่นชม” และเข้ามาปลอบอกปลอบใจฆาตกรว่า คุณทำดีแล้ว พวกเราชื่นชมคุณ พวกเราจะไม่บอกตำรวจหรอกนะ 55555

+++++

 

ไปดูงาน video installation HOMING INSTINCT ที่ STORAGE ตรงถนนพระสุเมรุมาแล้ว ในงานนี้มีวิดีโอ 4 ชิ้น ความยาวรวมกันราว 63 นาทีนะ เราชอบวิดีโอทั้ง 4 ขิ้นนี้มาก ๆ

 

เราเข้าใจว่างาน HOMING INSTINCT นี้จะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นวันสุดท้ายนะ โดย STORAGE เปิดเวลา 14.00-19.00 น. ถ้าใครจะไปดูก็ต้องรีบไปนะจ๊ะ

 

ชอบ  SIAM (2024, Ananta Thitanat, video installation, 13min, A+30) มาก ๆ เพราะงานวิดีโอนี้พูดถึงโรงหนังสยาม, ลิโด และสกาล่า ในฐานะ “บ้าน” ของพนักงาน เพราะว่าพนักงานโรงหนังหลาย ๆ คนเป็นคนต่างจังหวัดที่ยากจน พอพวกเขาได้งานทำเป็นพนักงานที่สกาล่า พวกเขาก็สามารถ “นอน” ที่โรงหนังได้ในตอนกลางคืน โดยทางโรงหนังมีเตียงมีมุ้งให้ บางคนก็กางมุ้งนอนที่หน้าจอฉายหนังเลย ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ซึ่งการทำแบบนี้ win win ทั้งสองฝ่าย เพราะฝ่ายเจ้าของโรงหนังก็เหมือนมี “ยาม” เฝ้าโรงหนังให้โดยอัตโนมัติ เพราะมีพนักงานจำนวนหนึ่งนอนที่โรงหนังตลอดทั้งคืน ส่วนตัวพนักงานเองก็ได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะว่า

 

1. ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าห้องในกรุงเทพ

 

2. ไม่ต้องจ่ายค่า taxi ตอนดึก ๆ เพราะกว่าโรงหนังจะปิดในแต่ละคืน รถเมล์ก็หมดแล้ว ถ้าหากจะกลับห้องเช่าหลังโรงหนังปิด ก็อาจจะต้องเสียเงินค่า taxi ซึ่งพนักงานก็ไม่น่าจะมีเงินพอจ่ายค่า taxi ได้ทุกคืน

 

3. พอพนักงานตื่นเช้าขึ้นมา ก็ทำความสะอาดโรงหนังได้เลย ซี่งเราคิดว่าแบบนี้มันดีมาก เพราะพนักงานเองก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาทำงานในตอนเช้าด้วย

+++

 

เราได้ซื้อตั๋วหนังไปร่วมงาน SPECIAL SCREENING ของหนังเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong Nakthong, A+30)  มีนักแสดงมาปรากฏตัวในงานด้วย 6 คน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดิฉันรักทุกคนค่ะ ดิฉันรักมวลมนุษยชาติ

 

เหมือนเราไม่เคยไปงานอะไรแบบนี้มาก่อนเลยมั้ง ตอนแรกก็กลัวว่าเราจะดู “แปลกแยก” หรือเปล่า เพราะในงานแบบนี้จะมีแต่ “เด็กสาว ๆ” มาดูหนังกันหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริง ๆ ก็มี “ผู้ชาย” มาดูหนังในงานนี้หลายคนด้วยกัน คือเราอาจจะดู “แก่สุด” ในบรรดาผู้ชมวันนี้ เพราะเราอายุ 51 ปีแล้ว แต่เราก็ไม่รู้สีกแปลกแยกแต่อย่างใด เพราะผู้ชมที่เป็นเพศชายก็มีจำนวนเยอะพอสมควร เราเดาเอาเองว่าหลายคนก็อาจจะเป็นเหมือนเรา คือเป็น “cinephile ที่บ้าดาราชายหล่อ ๆ” 55555

 

+++

เราได้ซื้อตั๋วหนังไปร่วมงาน SPECIAL SCREENING ของหนังเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong Nakthong, A+30)  ปรากฏว่าเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดี 44 คนในงานนี้ ที่มีสิทธิเอาโปสเตอร์ไปให้นักแสดงหนุ่มหล่อทั้ง 6 คนในงานเซ็นชื่อด้วย แม่หมีมีความสุขมาก ๆ ค่ะ

+++

ไม่ได้เมนใครเป็นพิเศษค่ะ และก็ไม่ได้ชิพคู่ไหนด้วย 55555 คือถ้าหากตัดสินจาก “หน้าตา” ของนักแสดงแล้วก็ชอบทุกคนค่ะ เพราะฉะนั้นก็คงต้องตัดสินจาก “นิสัยของตัวละคร” ในเรื่อง เพราะหน้าตาทุกคนคือ “ได้หมด” สำหรับเรา 55555

 

คือถ้าหากตัดสินจาก “นิสัยของตัวละคร” ในเรื่อง ก็คืออยากได้ “บังกัส” (อิชณน์กร) อันดับหนึ่งค่ะ อยากได้ “กอล์ฟ” (เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี) เป็นอันดับสอง และก็อยากได้ “เผือก” (ณัฏฐ์ กิจจริต) เป็นอันดับสามค่ะ

+++

 

ถ้าหากเราจะฉายหนังเรื่อง IN YOUTH WE TRUST หรือ เรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong Nakthong, A+30)  ควบกับหนังเรื่องไหน เราก็นึกถึงหนัง 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งก็คือ

 

1. THE OUTSIDERS (1983, Francis Ford Coppola) เพราะเหมือนหนังทั้งสองเรื่องนี้ ขาย “ความหล่อล่ำหำตึง” ของกลุ่มดารานำชายได้อย่างดีงามสุดขีดเหมือนกัน, เป็นกลุ่มดารานำชายที่มีอนาคตไกลมาก ๆ, ตัวละครในหนังทั้งสองเรื่องก็เป็น “ชายหนุ่มนอกคอก” เหมือนกัน และคุณภาพหนังก็โอเคมาก ๆ ทั้งสองเรื่อง ไม่ได้ขายแค่ความหล่อเพียงอย่างเดียว

 

โดย THE OUTSIDERS นั้น นำแสดงโดย

 

1.1 Tom Cruise

 

1.2 Rob Lowe (ABOUT LAST NIGHT, ST. ELMO’S FIRE, THE HOTEL NEW HAMPSHIRE, BAD INFLUENCE)

 

1.3 C. Thomas Howell (E.T. THE EXTRA-TERRESTRIAL, THE HITCHER)

 

1.4 Matt Dillon (RUMBLE FISH, THE FLAMINGO KID, DRUGSTORE COWBOY, A KISS BEFORE DYING, TO DIE FOR)

 

1.5 Ralph Macchio (THE KARATE KID)

 

1.6 Patrick Swayze (DIRTY DANCING, GHOST, POINT BREAK, ROAD HOUSE, CITY OF JOY)

 

1.7 Emilio Estevez (REPO MAN, THE BREAKFAST CLUB, ST. ELMO’S FIRE, WISDOM, MEN AT WORK)

 

เพราะฉะนั้นพอเราดู “วัยหนุ่ม 2544” แล้วพบว่านักแสดงแต่ละคนแสดงกันอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่มาก ๆ แล้ว เราก็เลยแอบหวังว่า พวกเขาจะมีอนาคตไกลเหมือนกับ Tom Cruise หลังจากเล่นหนังเรื่อง THE OUTSIDERS ด้วย

 

 

2. BAD BOYS CELL 425 (2009, Janusz Mrozowski, Poland, documentary, 120min, A+30)

 

หนังสารคดีที่ติดตามถ่ายทำชีวิตประจำวันของนักโทษชาย 7 คนที่ถูกขังอยู่ในห้องเดียวกันในคุกในโปแลนด์ แล้วคือนักโทษชายชาวโปแลนด์บางคน “หล่อล่ำมาก ๆๆๆๆๆ” ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่า พอพวกเขาถูกขังอยู่ในคุก พวกเขาก็เลยทำกิจกรรมอะไรไม่ได้มาก นอกจากออกกำลังกาย วิดพื้นไปเรื่อย ๆ แต่ละคนก็เลยหุ่นล่ำบึ้กกันไปเลย เราดูแล้วคือแบบ......................

 

แล้วชีวิตแต่ละคนก็เศร้านะ คือเราจำรายละเอียดอะไรไม่ได้มาก เพราะเราดูหนังเรื่องนี้ใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ถ้าหากเราจำไม่ผิด ก็คือบางคนคือเหมือนฆ่าคนตายตอนอายุ 18 ปี ก็เลยถูกจับขังคุกสำหรับผู้ใหญ่ แล้วตอนนี้ก็คือชายหนุ่มหล่อล่ำบึ้กคนนี้มีอายุ 35 ปีแล้ว และก็ยังติดคุกอยู่ คือหนุ่มหล่อล่ำบึ้กคนนี้ไม่เคยได้ “ใช้ชีวิตหลังวัยรุ่น” นอกคุกเลย ไม่เคยได้สัมผัสอิสรภาพหลังผ่านพ้นชีวิตวัยรุ่นเลย คือเหมือนพอเขาโตพ้นวัยรุ่นมาหน่อย ก็ต้องใช้ชีวิตในคุกมาตลอดเลย และก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากวิดพื้นเสริมความล่ำบึ้กของตนเองไปเรื่อย ๆ มานานหลายปีแล้ว

 

คือจริง ๆ แล้วหนังเรื่อง BAD BOYS CELL 425 มีเนื้อหาและรายละเอียดอื่น ๆ ที่มันดีมาก ๆ เลยนะ แต่หัวสมองของกะเทยอย่างดิฉัน กลับจำได้แต่อะไรแบบนี้หลังจากดูหนังเรื่องนี้ผ่านมานานกว่า 10 ปีแล้ว 5555

 

3. PLANET KRYPTON (2019, Prontip Mankhong, Pisitakun Kuantalaeng, video installation)

 

อันนี้เป็นวิดีโอที่สัมภาษณ์อดีตนักโทษหญิงชาวไทยหลายคน ซึ่งรวมถึงคุณภรณ์ทิพย์ มั่นคง ผู้เขียนหนังสือ “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ”

 

คือถ้าหากเราจำไม่ผิด อดีตนักโทษหญิงบางคนที่ให้สัมภาษณ์ในวิดีโอ PLANET KRYPTON นี่คือชีวิตเหมือนกับ “ฟลุ๊ค” ใน “วัยหนุ่ม 2544” เลย คือผู้หญิงคนนั้นบังเอิญไปอยู่ในสถานที่ที่เพื่อนหรือแฟนทิ้งยาเสพติดเอาไว้ในสถานที่นั้น แล้วตัวเธอก็เลยโดนจับติดคุกไปเลย โดยที่เธอเองไม่ได้ค้ายาเสพติด

 

ส่วนตัวหนัง IN YOUTH WE TRUST หรือ “วัยหนุ่ม 2544” นั้น เราก็ชอบมาก ๆ นะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังแนวแบบนี้ไม่ใช่ “แนวที่เราชอบสุดขีด” ซะทีเดียว เหมือนเป็นหนังแนวลูกผู้ชายอะไรทำนองนี้ คือเราว่าหนังเรื่องนี้มันก็ดีที่สุดเท่าที่มันจะดีได้ในแนวทางของมันเองแล้วล่ะ เพียงแต่ว่าตัวแนวหนังนั้นอาจจะไม่ได้ตรงกับแนวทางของเราเท่าไหร่

 

แน่นอนว่าเราจะอินกับ PLANET KRYPTON มากกว่า โดยเฉพาะคำให้สัมภาษณ์ของคุณภรณ์ทิพย์ในวิดีโอชิ้นนี้ที่บอกว่า “สิ่งแรกที่ทำเมื่อเข้าคุก คือการหาว่า “ศูนย์กลางของอำนาจ” ในคุกนั้น อยู่ที่ใคร แล้วก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่กับ “ศูนย์กลางอำนาจ” นั้น เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง” หรืออะไรทำนองนี้ ถ้าหากเราจำไม่ผิดนะ

 

คือจริง ๆ แล้วเราเข้าใจและชอบตัวละครอย่าง “เผือก” และ “ฟลุ๊ค” มาก ๆ นะ แต่ถ้าหากเป็นตัวเราเอง เราคงไม่มีความกล้าหาญเหมือนตัวละครสองตัวนี้ เราคงยอม ๆ คนอื่น ๆ อย่างง่าย ๆ แต่เราก็เข้าใจว่ามีคนจริง ๆ ที่เป็นเหมือนอย่างตัวละครสองตัวนี้ และตัวละครแบบนี้นี่แหละ ที่จะทำให้ “เนื้อเรื่องมันเกิดความขัดแย้ง” และ “เนื้อเรื่องมันเดินหน้าไปเรื่อย ๆ” คือถ้าหากพระเอกและนางเอก (ฟลุ๊ค) ของหนังเรื่องนี้ ยอมสยบให้กับผู้ร้ายไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง หนังเรื่องนี้ก็คงจะกลายเป็นหนังแนว slice of life ชีวิตคนคุกไป ไม่มีฉากแอคชั่นหรือความ thriller อะไรใดๆ เกิดขึ้น (แต่ก็อาจจะเป็นหนังแนวที่เราชอบ 55555)

 

ก็เลยสรุปว่า ชอบ “วัยหนุ่ม 2544” มากๆๆๆๆๆ แต่ก็อาจจะไม่ได้ถึงขั้นชอบแบบสุดขีดคลั่ง เพราะเราอาจจะไม่ได้อินกับตัวละครชายที่กล้าหาญชาญชัยแบบนี้มากนัก และก็ขอยอมรับตามความเป็นจริงว่า “รักการถอดเสื้อ” ของชายหนุ่มจำนวนมากในหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงที่สุดค่ะ จบ