MARX CAN WAIT (2021, Marco Bellocchio, Italy, documentary,
A+30)
เห็นมันอยู่ใน MUBI LEAVING SOON เราก็เลยรีบดู หนักมาก ๆ
หนังสารคดีที่ผู้กำกับพยายามขุดคุ้ยการฆ่าตัวตายของฝาแฝดของเขาในปี 1968 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝาแฝดของเขามีอายุได้
29 ปี
ดูแล้วนึกว่าเป็นอัลบัม greatest hits ของศิลปินดัง เพราะหนังเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตจริงของตัว Marco
Bellocchio โดยเฉพาะชีวิตครอบครัวของเขา
มันสะท้อนออกมาให้เห็นในหนังมากมายหลายเรื่องที่ผู้กำกับคนนี้เคยสร้างขึ้นมา
โดยเฉพาะเรื่องการฆ่าตัวตายของฝาแฝดคนนี้ ที่เคยถูกใส่มาแล้วในหนังเรื่อง THE
EYES, THE MOUTH (1982, Marco Bellocchio) ที่ทางฟิล์มไวรัสเคยนำมาฉายที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์
ชอบมุมมองของบาทหลวงคนหนึ่งในหนังเรื่องนี้มาก ๆ
ที่เขามองว่า “ภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง” จริง ๆ แล้วมันคล้าย ๆ
กับคนที่มาสารภาพบาปในโบสถ์
การดูภาพยนตร์แต่ละเรื่องมันเหมือนกับการที่บาทหลวงได้ฟังผู้กำกับแต่ละคนมาสารภาพบาปในสิ่งที่ตนเองเคยทำ
โดยเฉพาะในกรณีของ Marco Bellocchio
เราชอบมุมมองนี้อย่างสุดขีด เพราะเราว่ามันก็ใกล้เคียงกับหนังไทยหลาย
ๆ เรื่อง โดยเฉพาะหนังสั้นไทย ที่ภาพยนตร์ทำหน้าที่เหมือน “บำบัดจิตใจ”
ของผู้กำกับ คือผู้กำกับอาจจะไม่ได้ทำบาป แต่ผู้กำกับมีเรื่องทุกข์ใจ
และระบายความทุกข์ใจของตนเองออกมาทางภาพยนตร์ และผู้ชมก็เลยเหมือนเป็นจิตแพทย์ที่มานั่งฟังผู้กำกับระบายความทุกข์ของตนเองออกมา
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราชอบภาพยนตร์แนวนี้อย่างรุนแรงมาก ๆ
เรารักทั้งภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือบำบัดจิตใจของผู้กำกับ”
และภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็น “การสารภาพบาป หรือการตีแผ่ guilt ของผู้กำกับ”
---
สืบสิเน 6 (2024, ขวัญจิรา
แพร่แสงเอี่ยม, A+15)
SERIOUS SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
อยากให้มีฉากต่อท้ายอีกฉากนึงในหนังเรื่องนี้
คือในความเป็นจริงนั้นหนังเรื่องนี้จบลงด้วย 2 ฉาก คือฉากที่ “ทุกคนรู้ว่าใครคือฆาตกร”
และ “ฉากการฆาตกรรม” แต่เราอยากให้มีฉากต่อท้ายอีกฉากนึง คือฉากที่ “ฆาตกรเดินเข้ามาในห้อง
แล้วทุกคนที่เหลือในห้องปรบมือด้วยความชื่นชม” และเข้ามาปลอบอกปลอบใจฆาตกรว่า
คุณทำดีแล้ว พวกเราชื่นชมคุณ พวกเราจะไม่บอกตำรวจหรอกนะ 55555
+++++
ไปดูงาน video installation HOMING
INSTINCT ที่ STORAGE ตรงถนนพระสุเมรุมาแล้ว
ในงานนี้มีวิดีโอ 4 ชิ้น ความยาวรวมกันราว 63 นาทีนะ เราชอบวิดีโอทั้ง 4
ขิ้นนี้มาก ๆ
เราเข้าใจว่างาน HOMING INSTINCT นี้จะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นวันสุดท้ายนะ โดย
STORAGE เปิดเวลา 14.00-19.00 น. ถ้าใครจะไปดูก็ต้องรีบไปนะจ๊ะ
ชอบ SIAM
(2024, Ananta Thitanat, video installation, 13min, A+30) มาก ๆ
เพราะงานวิดีโอนี้พูดถึงโรงหนังสยาม, ลิโด และสกาล่า ในฐานะ “บ้าน” ของพนักงาน เพราะว่าพนักงานโรงหนังหลาย
ๆ คนเป็นคนต่างจังหวัดที่ยากจน พอพวกเขาได้งานทำเป็นพนักงานที่สกาล่า พวกเขาก็สามารถ
“นอน” ที่โรงหนังได้ในตอนกลางคืน โดยทางโรงหนังมีเตียงมีมุ้งให้ บางคนก็กางมุ้งนอนที่หน้าจอฉายหนังเลย
ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ซึ่งการทำแบบนี้ win win ทั้งสองฝ่าย
เพราะฝ่ายเจ้าของโรงหนังก็เหมือนมี “ยาม” เฝ้าโรงหนังให้โดยอัตโนมัติ
เพราะมีพนักงานจำนวนหนึ่งนอนที่โรงหนังตลอดทั้งคืน ส่วนตัวพนักงานเองก็ได้รับประโยชน์สูงสุด
เพราะว่า
1. ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าห้องในกรุงเทพ
2. ไม่ต้องจ่ายค่า taxi ตอนดึก
ๆ เพราะกว่าโรงหนังจะปิดในแต่ละคืน รถเมล์ก็หมดแล้ว ถ้าหากจะกลับห้องเช่าหลังโรงหนังปิด
ก็อาจจะต้องเสียเงินค่า taxi
ซึ่งพนักงานก็ไม่น่าจะมีเงินพอจ่ายค่า taxi ได้ทุกคืน
3. พอพนักงานตื่นเช้าขึ้นมา
ก็ทำความสะอาดโรงหนังได้เลย ซี่งเราคิดว่าแบบนี้มันดีมาก เพราะพนักงานเองก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาทำงานในตอนเช้าด้วย
+++
เราได้ซื้อตั๋วหนังไปร่วมงาน SPECIAL SCREENING
ของหนังเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong Nakthong,
A+30) มีนักแสดงมาปรากฏตัวในงานด้วย
6 คน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดิฉันรักทุกคนค่ะ ดิฉันรักมวลมนุษยชาติ
เหมือนเราไม่เคยไปงานอะไรแบบนี้มาก่อนเลยมั้ง
ตอนแรกก็กลัวว่าเราจะดู “แปลกแยก” หรือเปล่า เพราะในงานแบบนี้จะมีแต่ “เด็กสาว ๆ”
มาดูหนังกันหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริง ๆ ก็มี “ผู้ชาย”
มาดูหนังในงานนี้หลายคนด้วยกัน คือเราอาจจะดู “แก่สุด” ในบรรดาผู้ชมวันนี้ เพราะเราอายุ
51 ปีแล้ว แต่เราก็ไม่รู้สีกแปลกแยกแต่อย่างใด
เพราะผู้ชมที่เป็นเพศชายก็มีจำนวนเยอะพอสมควร เราเดาเอาเองว่าหลายคนก็อาจจะเป็นเหมือนเรา
คือเป็น “cinephile ที่บ้าดาราชายหล่อ ๆ” 55555
+++
เราได้ซื้อตั๋วหนังไปร่วมงาน SPECIAL SCREENING
ของหนังเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong Nakthong,
A+30) ปรากฏว่าเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดี
44 คนในงานนี้ ที่มีสิทธิเอาโปสเตอร์ไปให้นักแสดงหนุ่มหล่อทั้ง 6
คนในงานเซ็นชื่อด้วย แม่หมีมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
+++
ไม่ได้เมนใครเป็นพิเศษค่ะ และก็ไม่ได้ชิพคู่ไหนด้วย
55555 คือถ้าหากตัดสินจาก “หน้าตา” ของนักแสดงแล้วก็ชอบทุกคนค่ะ เพราะฉะนั้นก็คงต้องตัดสินจาก
“นิสัยของตัวละคร” ในเรื่อง เพราะหน้าตาทุกคนคือ “ได้หมด” สำหรับเรา 55555
คือถ้าหากตัดสินจาก “นิสัยของตัวละคร” ในเรื่อง
ก็คืออยากได้ “บังกัส” (อิชณน์กร) อันดับหนึ่งค่ะ อยากได้ “กอล์ฟ” (เบนจามิน โจเซฟ
วาร์นี) เป็นอันดับสอง และก็อยากได้ “เผือก” (ณัฏฐ์ กิจจริต) เป็นอันดับสามค่ะ
+++
ถ้าหากเราจะฉายหนังเรื่อง IN YOUTH WE
TRUST หรือ เรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2024, Puttipong
Nakthong, A+30) ควบกับหนังเรื่องไหน
เราก็นึกถึงหนัง 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งก็คือ
1. THE OUTSIDERS (1983, Francis Ford
Coppola) เพราะเหมือนหนังทั้งสองเรื่องนี้ ขาย “ความหล่อล่ำหำตึง”
ของกลุ่มดารานำชายได้อย่างดีงามสุดขีดเหมือนกัน, เป็นกลุ่มดารานำชายที่มีอนาคตไกลมาก
ๆ, ตัวละครในหนังทั้งสองเรื่องก็เป็น “ชายหนุ่มนอกคอก” เหมือนกัน
และคุณภาพหนังก็โอเคมาก ๆ ทั้งสองเรื่อง ไม่ได้ขายแค่ความหล่อเพียงอย่างเดียว
โดย THE OUTSIDERS นั้น
นำแสดงโดย
1.1 Tom Cruise
1.2 Rob Lowe (ABOUT LAST NIGHT, ST. ELMO’S FIRE, THE HOTEL
NEW HAMPSHIRE, BAD INFLUENCE)
1.3 C. Thomas Howell (E.T. THE EXTRA-TERRESTRIAL, THE
HITCHER)
1.4 Matt Dillon (RUMBLE FISH, THE FLAMINGO KID, DRUGSTORE
COWBOY, A KISS BEFORE DYING, TO DIE FOR)
1.5 Ralph Macchio (THE KARATE KID)
1.6 Patrick Swayze (DIRTY DANCING, GHOST, POINT BREAK, ROAD
HOUSE, CITY OF JOY)
1.7 Emilio Estevez (REPO MAN, THE BREAKFAST CLUB, ST. ELMO’S
FIRE, WISDOM, MEN AT WORK)
เพราะฉะนั้นพอเราดู “วัยหนุ่ม 2544”
แล้วพบว่านักแสดงแต่ละคนแสดงกันอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่มาก ๆ แล้ว เราก็เลยแอบหวังว่า
พวกเขาจะมีอนาคตไกลเหมือนกับ Tom Cruise หลังจากเล่นหนังเรื่อง
THE OUTSIDERS ด้วย
2. BAD BOYS CELL 425 (2009, Janusz Mrozowski, Poland,
documentary, 120min, A+30)
หนังสารคดีที่ติดตามถ่ายทำชีวิตประจำวันของนักโทษชาย
7 คนที่ถูกขังอยู่ในห้องเดียวกันในคุกในโปแลนด์ แล้วคือนักโทษชายชาวโปแลนด์บางคน “หล่อล่ำมาก
ๆๆๆๆๆ” ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่า พอพวกเขาถูกขังอยู่ในคุก พวกเขาก็เลยทำกิจกรรมอะไรไม่ได้มาก
นอกจากออกกำลังกาย วิดพื้นไปเรื่อย ๆ แต่ละคนก็เลยหุ่นล่ำบึ้กกันไปเลย เราดูแล้วคือแบบ......................
แล้วชีวิตแต่ละคนก็เศร้านะ คือเราจำรายละเอียดอะไรไม่ได้มาก
เพราะเราดูหนังเรื่องนี้ใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK มานานกว่า
10 ปีแล้ว แต่ถ้าหากเราจำไม่ผิด ก็คือบางคนคือเหมือนฆ่าคนตายตอนอายุ 18 ปี
ก็เลยถูกจับขังคุกสำหรับผู้ใหญ่ แล้วตอนนี้ก็คือชายหนุ่มหล่อล่ำบึ้กคนนี้มีอายุ 35
ปีแล้ว และก็ยังติดคุกอยู่ คือหนุ่มหล่อล่ำบึ้กคนนี้ไม่เคยได้ “ใช้ชีวิตหลังวัยรุ่น”
นอกคุกเลย ไม่เคยได้สัมผัสอิสรภาพหลังผ่านพ้นชีวิตวัยรุ่นเลย คือเหมือนพอเขาโตพ้นวัยรุ่นมาหน่อย
ก็ต้องใช้ชีวิตในคุกมาตลอดเลย และก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากวิดพื้นเสริมความล่ำบึ้กของตนเองไปเรื่อย
ๆ มานานหลายปีแล้ว
คือจริง ๆ แล้วหนังเรื่อง BAD BOYS CELL 425
มีเนื้อหาและรายละเอียดอื่น ๆ ที่มันดีมาก ๆ เลยนะ แต่หัวสมองของกะเทยอย่างดิฉัน
กลับจำได้แต่อะไรแบบนี้หลังจากดูหนังเรื่องนี้ผ่านมานานกว่า 10 ปีแล้ว 5555
3. PLANET KRYPTON (2019, Prontip Mankhong, Pisitakun
Kuantalaeng, video installation)
อันนี้เป็นวิดีโอที่สัมภาษณ์อดีตนักโทษหญิงชาวไทยหลายคน
ซึ่งรวมถึงคุณภรณ์ทิพย์ มั่นคง ผู้เขียนหนังสือ “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ”
คือถ้าหากเราจำไม่ผิด อดีตนักโทษหญิงบางคนที่ให้สัมภาษณ์ในวิดีโอ
PLANET KRYPTON นี่คือชีวิตเหมือนกับ “ฟลุ๊ค” ใน “วัยหนุ่ม
2544” เลย คือผู้หญิงคนนั้นบังเอิญไปอยู่ในสถานที่ที่เพื่อนหรือแฟนทิ้งยาเสพติดเอาไว้ในสถานที่นั้น
แล้วตัวเธอก็เลยโดนจับติดคุกไปเลย โดยที่เธอเองไม่ได้ค้ายาเสพติด
ส่วนตัวหนัง IN YOUTH WE TRUST หรือ “วัยหนุ่ม 2544” นั้น เราก็ชอบมาก ๆ นะ
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังแนวแบบนี้ไม่ใช่ “แนวที่เราชอบสุดขีด” ซะทีเดียว
เหมือนเป็นหนังแนวลูกผู้ชายอะไรทำนองนี้ คือเราว่าหนังเรื่องนี้มันก็ดีที่สุดเท่าที่มันจะดีได้ในแนวทางของมันเองแล้วล่ะ
เพียงแต่ว่าตัวแนวหนังนั้นอาจจะไม่ได้ตรงกับแนวทางของเราเท่าไหร่
แน่นอนว่าเราจะอินกับ PLANET KRYPTON มากกว่า โดยเฉพาะคำให้สัมภาษณ์ของคุณภรณ์ทิพย์ในวิดีโอชิ้นนี้ที่บอกว่า “สิ่งแรกที่ทำเมื่อเข้าคุก
คือการหาว่า “ศูนย์กลางของอำนาจ” ในคุกนั้น อยู่ที่ใคร แล้วก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่กับ
“ศูนย์กลางอำนาจ” นั้น เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง” หรืออะไรทำนองนี้
ถ้าหากเราจำไม่ผิดนะ
คือจริง ๆ แล้วเราเข้าใจและชอบตัวละครอย่าง “เผือก”
และ “ฟลุ๊ค” มาก ๆ นะ แต่ถ้าหากเป็นตัวเราเอง เราคงไม่มีความกล้าหาญเหมือนตัวละครสองตัวนี้
เราคงยอม ๆ คนอื่น ๆ อย่างง่าย ๆ แต่เราก็เข้าใจว่ามีคนจริง ๆ
ที่เป็นเหมือนอย่างตัวละครสองตัวนี้ และตัวละครแบบนี้นี่แหละ ที่จะทำให้ “เนื้อเรื่องมันเกิดความขัดแย้ง”
และ “เนื้อเรื่องมันเดินหน้าไปเรื่อย ๆ” คือถ้าหากพระเอกและนางเอก (ฟลุ๊ค)
ของหนังเรื่องนี้ ยอมสยบให้กับผู้ร้ายไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
หนังเรื่องนี้ก็คงจะกลายเป็นหนังแนว slice of life ชีวิตคนคุกไป
ไม่มีฉากแอคชั่นหรือความ thriller อะไรใดๆ เกิดขึ้น
(แต่ก็อาจจะเป็นหนังแนวที่เราชอบ 55555)
ก็เลยสรุปว่า ชอบ “วัยหนุ่ม 2544” มากๆๆๆๆๆ แต่ก็อาจจะไม่ได้ถึงขั้นชอบแบบสุดขีดคลั่ง
เพราะเราอาจจะไม่ได้อินกับตัวละครชายที่กล้าหาญชาญชัยแบบนี้มากนัก และก็ขอยอมรับตามความเป็นจริงว่า
“รักการถอดเสื้อ” ของชายหนุ่มจำนวนมากในหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงที่สุดค่ะ จบ