Saturday, December 13, 2025

ETERNITY VS. ALWAYS VS. INNOCENCE

 

ดีใจสุดขีดที่มีนักวิจารณ์ 23 คน เลือก HAPPYEND (2024, Neo Sora, Japan, A+30) ให้ติดอันดับหนังประจำปี 2025 ใน individual lists ของ FILM COMMENT โดยหนึ่งในผู้ที่เลือก HAPPYEND ให้ติดอันดับประจำปี ก็คือ Matias Pineiro ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังจาก Argentina

 

ดีใจมาก ๆ ด้วยที่ Matias Pineiro เลือก DRACULA (2025, Radu Jude, Romania, A+30) ให้ติดอันดับหนังประจำปีของเขา โดยมีนักวิจารณ์ 15 รายด้วยกันที่เลือก DRACULA ให้ติดอันดับประจำปี

 

เราชอบลิสท์ของ Chris Shields มากเป็นพิเศษ เพราะเขาให้ M3GAN 2.0 (2025, Gerard Johnstone, A+25) และ TO A LAND UNKNOWN (2024, Mahdi Fleifel, Palestine/Greece, A+30) ติดอันดับประจำปีด้วย

 

นักวิจารณ์ภาพยนตร์จากทั่วโลก เลือกให้ TO A LAND UNKNOWN ติดอันดับ 46 ใน 100 BEST ARAB FILMS OF ALL TIME ด้วยนะ ดีใจสุดขีด

+++

 

TRIPLE BILL FILM WISH LIST

 

ETERNITY (2025, David Freyne, A+30)

+ ALWAYS (1989, Steven Spielberg, A+30)

+ INNOCENCE (2000, Paul Cox, Australia, A+30)

 

พอเราดู ETERNITY แล้วก็เลยนึกถึง ALWAYS กับ INNOCENCE เพราะว่าหนังทั้ง 3 เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องคล้ายกันในบางจุด

 

ALWAYS พูดถึงวิญญาณชายหนุ่ม (Richard Dreyfuss) ที่ได้แต่เฝ้ามองหญิงสาวที่ตนเองรัก (Holly Hunter) ไปพบรักกับชายหนุ่มคนใหม่ (Brad Johnson)

 

ส่วน INNOCENCE เล่าเรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวที่เคยรักกันมาก ๆ แต่ชะตาชีวิตที่โหดร้ายส่งผลให้ทั้งสองต้องพลัดพรากจากกัน ไม่ได้ติดต่อกันอีก หญิงสาวคนนั้นแต่งงานกับชายคนใหม่ และมีชีวิตสมรสที่ดีกับชายคนใหม่ แต่ในที่สุดเธอก็ได้พบกับชายคนแรกอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไป 40 ปี และเขาก็ยังรักเธอเหมือนเดิมตลอด 40 ปีที่พลัดพรากจากกัน เธอจะทำอย่างไร เธอจะเลือกใครระหว่างผู้ชายสองคนนี้ คนที่ใช้ชีวิตคู่อยู่กับเธอตลอด 40 ปีที่ผ่านมา หรือคนที่พลัดพรากจากเธอเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรผิดเลยในชะตาชีวิตที่น่าเศร้านี้

 

เราชอบ ETERNITY มากนะ แต่ในบรรดา 3 เรื่องนี้ เราชอบ ALWAYS มากที่สุด และ INNOCENCE เป็นอันดับสอง โดยทั้ง ALWAYS กับ INNOCENCE นี่ถือเป็น ONES OF MY MOST FAVORITE ROMANTIC FILMS OF ALL TIME

GARDEN IN A POT (2025, Marisa Srijunpleang, video installation, 15min, A+30)

 

ต่อไปนี้เราจะถูกจำกัดให้แชร์ลิงค์ใน FACEBOOK ได้แค่ 4 ลิงค์ต่อเดือนเท่านั้น มีใครเจอแบบเราบ้างไหมคะ

+++

 

FILM COMMENT ประกาศลิสท์หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2025 ออกมาแล้ว กรี๊ดดดด

 

BEST UNDISTRIBUTED FILMS 2025

 

1. WITH HASAN IN GAZA (Kamal Aljafari, Palestine)

 

Kamal Aljafari เคยกำกับ A FIDAI FILM (2024) ที่เคยเข้ามาฉายที่หอภาพยนตร์ ศาลายา

 

2. LANDMARKS (Lucrecia Martel, Argentina, documentary, A+30)

 

3. REMAKE (Ross McElwee, USA)

 

Ross McElwee เคยกำกับ SHERMAN’S MARCH (1985, A+30) ที่เราเคยดูที่ห้องสมุด มหาลัยธรรมศาสตร์

 

4. LEVERS (Rhayne Vermette, Canada)

 

5. I ONLY REST IN THE STORM (Pedro Pinho, Portugal, A+30)

 

6. ESCAPE (Masao Adachi, Japan)

 

Masao Adachi เคยกำกับ A.K.A. SERIAL KILLER (1975, A+30) ที่เราเคยดูที่ Jam Sathorn

 

7. PIN DE FARTIE (Alejo Moguillansky, Argentina)

 

Alejo Moguillansky เคยกำกับหนังเรื่อง CASTRO ที่เคยเข้ามาฉายที่โรงภาพยนตร์สยาม พารากอน หนังเรื่อง CASTRO ติดอันดับ 3 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2009

 

8. BOUCHRA (Orian Barki, Meriem Bennani, Italy/Morocco)

 

9. SEEDS (Brittany Shyne, USA)

 

10. LAST NIGHT I CONQUERED THE CITY OF THEBES (Gabriel Azorin, Spain/Portugal)

 

BEST DISTRIBUTED FILMS 2025

 

1. ONE BATTLE AFTER ANOTHER (Paul Thomas Anderson, A+30)

 

2. THE MASTERMIND (Kelly Reichardt, A+30)

 

3. THE SECRET AGENT (Kleber Mendonça Filho, Brazil)

 

4. IT WAS JUST AN ACCIDENT (Jafar Panahi, Iran)

 

5. CAUGHT BY THE TIDES (Jia Zhangke, China)

 

6. AFTERNOONS OF SOLITUDE (Albert Serra, Spain, documentary, A+30)

 

7. MISERICORDIA (Alain Guiraudie, France, A+30)

 

8. SIRAT (Oliver Laxe, Spain, A+30)

 

9. THE SHROUDS (David Cronenberg, France/Canada)

 

10. IF I HAD LEGS, I’D KICK YOU (Mary Bronstein, USA)

 

11. SINNERS (Ryan Coogler, USA, A+30)

 

12. GRAND TOUR (Miguel Gomes, Portugal, A+30)

 

13. PETER HUJAR’S DAY (Ira Sachs, USA, A+30)

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ดีใจที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

14. FAMILIAR TOUCH (Sarah Friedland, USA)

 

15. BY THE STREAM (Hong Sang-soo, South Korea, A+30)

 

16. HENRY FONDA FOR PRESIDENT (Alexander Horwath, Austria)

 

17. BLUE MOON (Richard Linklater)

 

18. DIRECT ACTION (Ben Russell, Guillaume Cailleau, France/Germany)

 

Ben Russell เคยร่วมกำกับ THE WET SEASON (2008) ที่เคยเข้ามาฉายที่โรงภาพยนตร์สยาม พารากอน THE WET SEASON ติดอันดับ 14 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2009

 

19. SOUND OF FALLING (Mascha Schilinsky, Germany, A+30)

 

20. ON BECOMING A GUINEA FOWL (Rungano Nyoni, Zambia)

 

Rungano Nyoni เคยกำกับ I AM NOT A WITCH (2017, A+30) ที่เคยเข้ามาฉายที่ Bangkok Screening Room และเคยร่วมกำกับ LISTEN (2014, A+30) ที่เคยเข้ามาฉายที่ลิโด

 

I AM NOT A WITCH ติดอันดับ 82 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2019 ส่วน LISTEN ติดอันดับ 9 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2015

 

สรุปว่าในลิสท์ BEST FILMS 30 เรื่องนี้ เราได้ดูไปเพียงแค่ 12 เรื่องเท่านั้นค่ะ ยังมีอีก 18 เรื่องที่เรายังไม่ได้ดู

++++

 

GARDEN IN A POT (2025, Marisa Srijunpleang, video installation, 15min, A+30)

 

กราบตีนมาก ๆ

 

เป็นวิดีโอที่สร้างความรู้สึกงดงามจนสุดจะบรรยายให้แก่เรา คือจริงๆ แล้วตัวภาพมันไม่ได้ “งดงาม” ในตัวมันเอง เพราะมันเป็นภาพต้นไม้ใบหญ้าข้างทางหรือริมรั้วบ้านหลังเล็ก ๆ แบบที่เราพบได้โดยทั่วไปตามตรอกซอกซอยในกรุงเทพ แต่พอ gaze ของหนังมันไปจับจ้อง “สิ่งธรรมดาสามัญ” เหล่านี้ แล้วภาพสิ่งธรรมดาสามัญเหล่านี้มันถูกนำมาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน เรากลับรู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้มันงดงามจนสุดจะบรรยายมาก ๆ

 

แอบนึกในใจเล่น ๆ ว่า คุณ Marisa คือ “เจ้าแม่พฤกษศาสตร์แห่งวงการ Thai video artists” 55555

 

การทำให้ “ภาพของสิ่งธรรมดาสามัญ” กลายเป็น “ภาพยนตร์/ภาพเคลื่อนไหวที่งดงามจนสุดจะบรรยาย” แบบนี้ ทำให้เรานีกถึงภาพยนตร์ของคุณ Teeranit Siangsanoh และภาพยนตร์บางเรื่องของ Chantal Akerman อย่างเช่น HOTEL MONTEREY (1973) และ NEWS FROM HOME (1976) ด้วยเหมือนกัน

 

และหนังของทั้ง 3 คนนี้ก็ทำให้เรานึกถึง quote ของ Gregory Markopoulos และNathaniel Dorsky ด้วย


Gregory Markopoulos: It is in the insignificant moment that significance becomes disturbed and the power of filmmaking is established.

 

Nathaniel Dorsky in Devotional Cinema: "If you have ever looked at your hand and seen it freshly without concept, realized the simultaneity of its beauty, its efficiency, its detail, you are awed into appreciation. The total genius of your hand is more profound than anything you could have calculated with your intellect. One's hand is a devotional object.

"If a film fails to take advantage of the self-existing magic of things, if it uses objects merely to mean something, it has thrown away one of its great possibilities. When we take an object and make it mean something, what we are doing, in a subtle or not so subtle way, is confirming ourselves. We are confirming our own concepts of who we are and what the world is. But allowing things to be seen for what they are offers a more open, more fertile ground than the realm of predetermined symbolic meaning. After all, the unknown is pure adventure."

 

ซึ่งจริง ๆ แล้วเรารู้สึกว่าภาพหรือฉากต่าง ๆ ใน GARDEN IN A POT มันก็ถูกนำมารองรับ concept และ meaning บางอย่างอยู่นะ มันยังไม่ได้ถึงขั้น “เกือบไร้ซึ่ง concept และ meaning” แบบภาพยนตร์ของ Teeranit Siangsanoh และภาพยนตร์บางเรื่องของ Chantal Akerman แต่เราก็รู้สึกอยู่ดีว่า หลาย ๆ ฉากใน GARDEN IN A POT มันไม่ได้ถูก concept และ meaning ไปครอบงำไว้แบบ 100% เต็มเหมือนในหนังทั่วไป มันเหมือนหลาย ๆ ฉากในวิดีโอนี้มัน “เปิดให้ภาพได้มีโอกาสหายใจ” ไปด้วยในขณะเดียวกัน มันเหมือนกับว่าภาพต่าง ๆ ในวิดีโอนี้อาจจะถูก concept และ meaning ครอบไว้เพียงแค่ 30% เท่านั้น และเปิดให้ภาพมันเป็นอิสระในตัวมันเองได้ถึง 70% และสิ่งนี้ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าวิดีโอชิ้นนี้มันงดงามจนสุดจะบรรยายมาก ๆ

 

เราดูวิดีโอนี้ในนิทรรศการ MELTING MAP ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์

 +++

FINDING A CAT IN PRAWET (2025, Krittanun Tantraporn, photogrammetry)

 

ชอบงานชิ้นนี้มาก ๆ ศิลปินสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของพื้นที่หนึ่งในเขตประเวศขึ้นมา และใส่ภาพถ่ายแมวจำนวนมากจากเขตประเวศเข้าไปในแบบจำลองนั้น ผู้ชมงานนี้สามารถคลิกเลื่อนหาภาพแมวต่าง ๆ ในแบบจำลองคอมพิวเตอร์นี้ได้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันคล้าย ๆ กับการเล่นวิดีโอเกมที่สนุกดี

 

เราดูงานชิ้นนี้ในนิทรรศการ MELTING MAP ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์

https://web.facebook.com/jit.phokaew/posts/pfbid03GJAPd6Mf675erdqYjvbWn87mn85ufECScWe6GAo68YJHwtLGUsWw4teNpsepeUBl

 

 

Tuesday, December 09, 2025

DHURANDHAR

 

เรายังไม่ได้ไปดูวิดีโอของ Araya Rasdjarmrearnsook ในงาน THE SAME OLD KARMA เลย แต่ก่อนไปดู เราก็ขอตรวจสอบก่อนว่า เราเคยดูเรื่องไหนไปแล้วบ้างใน 23 เรื่องนี้ เราจะได้รู้ว่าเราสามารถหลบไปเข้าห้องน้ำหรือหลบไปหาผัวได้ตอนที่วิดีโอเรื่องไหนฉาย

 

เรื่องที่เคยดูแล้ว

 

1.READING FOR ONE FEMALE CORPSE (1997, Araya Rasdjarmrearnsook)

ติดอันดับ 23 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2019

 

2.READING INAOW TO FEMALE CORPSE (2001, Araya Rasdjarmrearnsook)

 

3. A WALK (2002, Araya Rasdjarmrearnsook)

ติดอันดับ 37 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2019

 

4.GLOME PEE: THE CRYING OF THE EARTH (2005-2006, ARAYA RASDJARMREARNSOOK

 

5.“FECES, LIFE, LOVE, LUST”

 

6.THE NINE-DAY PREGNANCY OF A SINGLE, MIDDLE-AGED ASSOCIATE PROFESSOR

 

7. IN THIS CIRCUMSTANCE, THE SOLE OBJECT OF ATTENTION SHOULD BE THE TREACHERY OF THE MOON (2009, Araya Rasdjarmrearnsook, Thailand)

 

8. SOME UNEXPECTED EVENTS SOMETIMES BRING MOMENTARY HAPPINESS (2009, Araya Rasdjarmrearnsook)
+
AFTERWARDS, REGRET RISES IN OUR MEMORY EVEN FOR BYGONE HARDSHIPS (2009, Araya Rasdjarmrearnsook)

 

9.THE TREACHERY OF THE MOON (2012, Araya Rasdjarmrearnsook, video installation, 13min)

 

10.NECESSITY'S RHYTHM (2020, Araya Rasdjarmrearnsook, video installation A+30)

 

11.DOG'S PALATIAL HOUSE (2022, Araya Rasdjarmrearnsook, video installation, A+30)

 

สรุปว่าเราเคยดูไปแค่ 11 จาก 23 เรื่องนี้ ยังไม่ได้ดูอยู่อีก 12 เรื่อง กรี๊ดดดดด

++++

พอดู KEEPER เจ้าที่ปีศาจ (2025, Osgood Perkins, A+30) แล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่ Osgood Perkins ยังคงหนักแน่นในการทำหนังในแนวทางของตัวเองต่อไป ซึ่งก็คือหนังแนวที่นำเสนอ “THE WORLD WITHOUT GOD” “THE WORLD IN WHICH GOD IS ABSENT” “THE WORLD IN WHICH GOD DOESN’T EXIST, BUT SATAN/EVIL EXISTS.”

++++

 

เติม SOUND OF FALLING (2025, Mascha Schilinski, Germany, A+30) เข้าไปเป็นเรื่องที่ 4 ในลิสท์ “หนังที่เราได้ดูในปีนี้ ที่กำกับโดยผู้หญิง และมีฉากพลิกบนลงล่าง พลิกล่างขึ้นบน”

 

โดยใน SOUND OF FALLING นั้นมีบอกไว้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุของฉากดังกล่าวด้วย เพราะตัวละครบอกว่า ดวงตาของมนุษย์เราเห็นภาพกลับหัว แต่หัวสมองของมนุษย์แปลงสัญญาณดังกล่าวให้กลับทิศทางอีกรอบนึง เพราะฉะนั้นตัวละครก็เลยสงสัยว่า จริง ๆ แล้วหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตมนุษย์เรามันเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่มันเป็นหรือเปล่า สิ่งที่ถูกจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นสิ่งที่ผิดก็ได้ อะไรทำนองนี้

 

แต่ถ้าหากนับหนังที่กำกับโดยผู้ชายด้วย ก็ต้องรวม KEEPER (2025, Osgood Perkins, A+30) ที่ให้คนดูได้เห็น “ภาพกลับหัว” ด้วยเหมือนกัน


https://web.facebook.com/jit.phokaew/posts/pfbid033QGKDoC5NBtHU85KPc3UJ5ugSusFieP5fyVkXwVThiXCmZ23KHM51vJ9ou8csqHyl

+++

 

ภาพยนตร์เรื่อง “หน่วยรบผู้เชี่ยวชาญ” หรือ DHURANDHAR (2025, Aditya Dhar, India, 3hrs 32mins, A+30) รอบ 20.30 น.คืนนี้ ตั๋วขายไปเกินครึ่งโรงแล้วนะคะ ใครจะดูก็ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่านะคะ

 

ดิฉันดูหนังเรื่องนี้แล้ว ชอบในระดับ A+30 ค่ะ แต่หนังเรื่องนี้อาจจะติดอันดับประจำปีในอันดับที่ไม่สูงมากนัก เพราะว่ามันเป็น “หนังขวาจัดคลั่งชาติอินเดีย ที่อาจจะมีการใส่ร้ายปากีสถานอย่างรุนแรง” ค่ะ คือถ้าหากวัดจาก “ทัศนคติทางการเมือง” ของหนังเรื่องนี้ ก็คงต้องให้ F กันเลยทีเดียว เพราะทัศนคติทางการเมืองของมันเลวร้ายสุดขีด

 

แต่ถ้าหากเทียบกับ “หนังขวาจัดคลั่งชาติอินเดีย” อีกหลายสิบเรื่องที่ดิฉันเคยดูมา DHURANDHAR ก็ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในกลุ่มนี้ เพราะว่าหนังในกลุ่มนี้เรื่องอื่น ๆ มักจะพูดถึงตัวละครแค่ 2 กลุ่ม ซึ่งก็คือ “กลุ่มผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงชาวปากีสถาน” กับกลุ่ม “ทหารอินเดียผู้รักชาติยิ่งชีพ” แต่ DHURANDHAR มันแตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ในกลุ่มนี้ เพราะว่าหนังเรื่องนี้มันเน้นพูดถึง “กลุ่มต่าง ๆ ในปากีสถาน” อย่างละเอียด ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ, สายลับปากีสถาน, พรรคการเมืองในปากีสถานที่ตบตีกันเอง, กลุ่มตำรวจ, แขกปาทาน และที่สำคัญที่สุดก็คือกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน Balochistan

 

การที่หนังเรื่อง DHURANDHAR เน้นพูดถึงปัญหาระหว่างรัฐบาลปากีสถาน กับกลุ่มกบฏ Balochistan ก็เลยเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+30 ค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ดิฉันได้ดูที่พูดถึงปัญหา Balochistan หลังจากที่ดิฉันเคยได้แต่อ่านข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่ไม่เคยดูหนังที่พูดถึงประเด็นนี้มาก่อน

 

แต่ DHURANDHAR ไม่ใช่ “หนังบู๊สะบั้นหั่นแหลก” แบบ RRR (2022, S.S. Rajamouli, A+30) นะคะ หนังมีฉากบู๊น้อยมาก หนังเรื่องนี้มันเน้นแสดงให้เห็นถึง “โครงสร้างทางการเมืองในปากีสถาน” มากกว่า ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะนึกถึงหนังอย่าง RAAJNEETI (2010, Prakash Jha, India, A+30) อะไรแบบนั้นมากกว่า

 

ซึ่งการที่หนังเรื่องนี้ไม่เน้นฉากบู๊ แต่เน้นแสดงให้เห็นถึง “โครงสร้างทางการเมืองอันซับซ้อน” ระหว่าง นักการเมือง, นักธุรกิจ, แก๊งนักเลง, ตำรวจ, สายลับ, กลุ่มอิทธิพลเชื้อชาติ (แก๊งแขกปาทาน), ศัตรูต่างชาติ, และ “ศัตรูภายในชาติ” (กบฏ Balochistan) ที่แต่ละกลุ่มต่างก็ช่วยเหลือกันเอง และต่างก็ห้ำหั่นกันเอง ฆ่าฟันกันเอง แล้วแต่สถานการณ์ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร อะไรแบบนี้ก็เลยทำให้นึกถึง การเมืองไทย อยู่เหมือนกัน 55555

 

ในแง่นึง DHURANDHAR กับ WARFARE (2025, Alex Garland, Ray Mendoza, A+25) ก็เป็นหนังที่ทำให้ดิฉันรู้สึก “เสียดายอย่างสุดขีด” เหมือน ๆ กัน เพราะดิฉันชอบความ cinematic ของหนังสองเรื่องนี้อย่างสุดขีดคลั่งมาก ๆ แต่ทัศนคติทางการเมืองของหนังสองเรื่องนี้มันเลวร้ายจริง ๆ ดิฉันก็เลยไม่สามารถชอบหนังสองเรื่องนี้ได้มากเท่าที่ควร



Sunday, December 07, 2025

DUKE 2006

 

เพิ่งสังเกตว่าผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลดุ๊ก หรือรางวัล “หนังสารคดียอดเยี่ยม” ในเทศกาลหนังสั้นปี 2006 หลายคนนี่เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่หรือเป็นผู้กำกับที่น่าสนใจมาก ๆ

 

ผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลหนังสารคดียอดเยี่ยมในปี 2006 รวมถึง

 

1. Pimsiri Petchnamrob from the film SPACE ระหว่างเรา

ถ่ายภาพโดย ปุณณวิชญ์ เทศนา

 

2. Tanatchai Bandasak from the film NOON พักเที่ยง

 

3. Nawapol Thamrongrattanarit from the film SEE

 

4. Chulayarnnon Siriphol from the film SLEEPING BEAUTY

 

5. Panu Aree from the film IN BETWEEN แขก

 

6. Nontawat Numbenchapol from the film WEIRDROSOPHER WORLD โลกปะราชญ์

 

7. Vichart Somkaew from the film SONGKRAN

 

8. Wanweaw Hongwiwat from the film SATURDAY NIGHT คืนวันเสาร์

 

ในบรรดาหนัง 8 เรื่องนี้ เราได้ดูไปแค่ 6 เรื่อง ยังไม่ได้ดูอยู่ 2 เรื่อง ซึ่งก็คือ SPACE ของคุณ Pimsiri กับ NOON ของคุณ Tanatchai

+++++++++

ข่าวที่ออกมาในช่วงนี้ทำให้นึกถึงหนัง 4 เรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก

 

1. A USEFUL GHOST (2025, Ratchapoom Boonbunchachoke)

 

2. HARA FACTORY WORKERS STRUGGLE การต่อสู้ของกรรมกรหญิงโรงงานฮาร่า (1975, Jon Ungpakorn, documentary)

 

3. COUP POUR COUP (1972, Marin Karmitz, France)

 

4. PROFIT MOTIVE AND THE WHISPERING WIND (2007, John Gianvito, documentary)

++++

 

ซื้อปากกาด้ามใหม่ให้ลูกหมีใช้ เป็นปากกาที่มี 10 สีในแท่งเดียวกัน ลูกหมีก็เลยทดลองใช้ปากกานี้เขียนประโยคต่าง ๆ ค่ะ

https://web.facebook.com/photo?fbid=10241510359559232&set=a.10200270702673584

 

Saturday, December 06, 2025

SIGHT AND SOUND LIST 2025

SIGHT AND SOUND ประกาศ TOP 50 FILMS OF 2025 ออกมาแล้ว งดงามที่สุดดดดดดด ในบรรดาหนัง 50 เรื่องนี้ เราเคยดูแค่ 20 เรื่อง ซึ่งได้แก่

 

1. April

Dea Kulumbegashvili, Georgia, Italy, France

 

2. Dry Leaf

Alexandre Koberidze, Germany, Georgia

 


3. Resurrection

Bi Gan, China, France

 

4.Misericordia

Alain Guiraudie, France, Spain, Portugal

 

5.Sorry, Baby

Eva Victor, USA, Spain, France

 

6. Miroirs No. 3

Christian Petzold, Germany

 

7. The Love That Remains

Hlynur Pálmason, Iceland, Denmark, Sweden, France

 

8.One Battle After Another

Paul Thomas Anderson, USA

 

9.Afternoons of Solitude

Albert Serra, Spain, France, Portugal

 

10. What Does That Nature Say to You (Hong Sang-soo, South Korea)

 

11. Landmarks

Lucrecia Martel, Argentina, USA, Mexico, France, Netherlands

 

12.  My Father’s Shadow

Akinola Davies Jr., UK, Nigeria

 

13. Kontinental ’25

Radu Jude, Romania, Brazil, Switzerland, UK, Luxembourg

 

14. Sirât

Oliver Laxe, Spain, France

 

15. The Mastermind

Kelly Reichardt, USA, UK

 

16. Sinners

Ryan Coogler, USA

 

17. No Other Choice

Park Chan-wook, South Korea

 

18. Weapons

Zach Cregger, USA

 

19. The Phoenician Scheme

Wes Anderson, USA

 

20. 28 Years Later

Danny Boyle, USA, UK

 

ดูอันดับของ SIGHT AND SOUND ได้ที่

https://www.bfi.org.uk/sight-and-sound/polls/50-best-films-2025?fbclid=IwY2xjawOf8lBleHRuA2FlbQIxMQBzcnRjBmFwcF9pZBAyMjIwMzkxNzg4MjAwODkyAAEeEX0CoQ1B0JyFdemMy14AAJgEIPo9925IztIlJgZHdzM9BdhS-EblJ0R7tos_aem_vDKdFH8EQxFUFVTgblr6pg


AT THE TOP OF THE MOUNTAIN

 

DHURANDHAR (2025, Aditya Dhar, India, 3hrs 32mins) เข้าฉายแล้ววันนี้ที่มาบุญครอง หนังเรื่องนี้มีความยาวเพียงแค่ 212 นาทีเท่านั้นเอง

 

เห็นว่ามีคนจองตั๋วที่นั่งแถวหน้าสุด 2  คนแล้วด้วย อยากรู้ว่าเป็นใคร 55555

+++

 

แม่หมีจับได้ว่า ลูกหมีแอบซื้อหนังสือ “ประวัติศาสตร์ที่เพศสร้าง” ของ ชานันท์ ยอดหงษ์ กับ “เดนดาว NEVER DIE” ของจิตจงกล มาอ่าน

++++

 

Matthew Wilder แห่งนิตยสาร ARTFORUM ได้เผยอันดับ TOP TEN FILM 2025 ของเขาออกมาแล้ว ซึ่งประกอบด้วย

 

1. www.RachelOrmont.com (2025, Peter Vack, 83min)


2. Afternoons of Solitude (Albert Serra, Spain) 

 

3. Love (Dag Johan Haugerud, Norway)

 

4. Eden (Ron Howard)

 

5. Parthenope (Paolo Sorrentino, Italy)

 

6. L’empire (Bruno Dumont, France) 

 

7. F1 (Joseph Kosinski)

 

8. The Shrouds (David Cronenberg)

 

9. Baby Invasion (Harmony Korine, 80min)

 

10. Mission: Impossible—The Final Reckoning (Christopher Mcquarrie)

 

ใน 10 เรื่องนี้เราได้ดูไปแค่ 6 จาก 10 เรื่อง ดีใจสุดขีดกับ EDEN และ PARTHENOPE เพราะเราไม่ได้เห็นหนัง 2 เรื่องนี้ติดอันดับประจำปีของคนอื่น ๆ มาก่อน

 

https://www.artforum.com/lists/matthew-wilder-best-of-film-2025/www-rachelormont-com-peter-vack/

 

+++

 

จานประทับใจ  (ธีรภัทร์ คำสีสุข, สุชาวดี สะราคำ, 5.36 นาที, A+)

 

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้อยากกิน “แกงส้มไข่เจียวใส่กระเจี๊ยบ สูตรชาวมอญ” แบบในหนัง 55555

 

IN THE DEEP OF FLAVOR จิตรู้รส (ธนพนธ์ เพ็ญพิมาย / 25.58 นาที, sci-fi, A+30)

 

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้อยากกิน “ผัดหมี่พิมาย” มาก ๆ

 

เหมือนหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลอย่างชัดเจนจากหนังเรื่อง RIVULET OF UNIVERSE (2024, Possathorn Watcharapanit) ด้วย

 

JIN LI AI จิน ลี่ ไอ  (อัจจิมา ภูเก้าล้วน / 26.33 นาที, queer film, lesbian film, A+25)

 

AT THE TOP OF THE MOUNTAIN จุดสุดยอด (ศุภณัฐ อัครกรโยธิน / 7.11 นาที, A+30)

 

หนังเล่าเรื่องของเด็กชายที่แข่งขันเป่าขลุ่ยเพียงออ ในขณะที่ครูตีฉิ่งฉับไม่หยุด จนนักเรียนบางคนทนไม่ได้ และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก็หายตัวไปเรื่อย ๆ

 

ชอบความเซอร์เรียลของหนังมาก ๆ คิดว่าจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ฉายควบกับ BATTLE ROYALE (2000, Kinji Fukasaku, Japan) และ THE LONG WALK (2025, Francis Lawrence) ได้เลย

 

GARAGE GANGSTER โจ๋ปล้นโจร (ศิษฏ ศรียาภัย / 27.36 นาที, A+)

 

ดูแล้วนึกถึงกลุ่มหนังของ Guy Ritchie + พระนครฟิล์ม ซึ่งเป็นกลุ่มหนังที่ไม่เข้าทางเราเท่าไหร่ 55555 แต่ก็ประทับใจที่หนังเรื่องนี้ใช้ “ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เก่งกาจ” 3 คนมาเป็นนักแสดงในหนัง ซึ่งได้แก่ Wachara Kanha, Kantapon Duangdee และ Natthaworn Suriyasarn

 

Friday, December 05, 2025

NATIONAL BOARD OF REVIEW AND INDIEWIRE

 

ดีใจสุดขีดกับหนังหลาย ๆ เรื่องที่ชนะรางวัลของ National Board of Review นะคะ โดยเฉพาะ

 

THE LOVE THAT REMAINS (2025, Hlynur Pálmason, Iceland)

SORRY, BABY (2025, Eva Victor)

SIRAT (2025, Oliver Laxe, Spain)

THE MASTERMIND (2025, Kelly Reichardt)

URCHIN (2025, Harris Dickinson)

SINNERS (2025, Ryan Coogler)

ARCO (2025, Ugo Bienvenu, France, animation)

BRING HER BACK (2025, Danny Philippou, Michael Philippou, Australia)

F1: THE MOVIE (2025, Joseph Kosinski)

ORWELL: 2+2=5 (2025, Raoul Peck, France/USA)

GOOD BOY (2025, Ben Leonberg)

 

กราบขอบพระคุณผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในไทยและ programmer ของ Bangkok International Film Festival 2025 ที่นำหนังเหล่านี้มาฉายในโรงภาพยนตร์ในไทยในปีนี้ค่ะ ดีใจสุดขีดที่ได้ดู THE LOVE THAT REMAINS, URCHIN, ARCO, THE MASTERMIND และ ORWELL: 2+2=5 ในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพใน BKKIFF 2025

 

+++

 

INDIEWIRE ประกาศ TOP 25 FILMS OF 2025 ออกมาแล้ว ปรากฏว่าเราได้ดูไปเพียงแค่ 11 จาก 25 เรื่อง ซึ่งในบรรดา 11 เรื่องนี้ ถ้าหากจัดอันดับตามความชอบของเราเองในตอนนี้อาจจะได้ดังนี้

 

1.  APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia)

2. RESURRECTION (2025, Bi Gan, China)

3. MISERICORDIA (2024, Alain Guiraudie, France)

4. SORRY, BABY (2025, Eva Victor)

5. ONE BATTLE AFTER ANOTHER (2025, Paul Thomas Anderson)

 6. MY FATHER’S SHADOW (2024, Akinola Davies Jr.)

7. SIRAT (2025, Oliver Laxe, Spain)

8. URCHIN (2025, Harris Dickinson, UK)

9. SINNERS (2025, Ryan Coogler, A+30)

10. 28 YEARS LATER (2025, Danny Boyle, UK, A+25)

11.THE NAKED GUN (2025, Akiva Schaffer, A+)

 

https://www.indiewire.com/gallery/best-movies-2025/

 

Thursday, December 04, 2025

A USEFUL GHOST AND M.C. ESCHER

 

RIND (1955, M.C. Escher)

BOND OF UNION (1956, M.C. Escher)

A USEFUL GHOST (2025) promotional poster in USA

 

เราชอบ M.C. Escher มาก ๆ และเราก็เลยเดาว่าโปสเตอร์นี้น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินสุดโปรดของเรา

https://web.facebook.com/jit.phokaew/posts/pfbid02tkzCffqjS9gb82MFDyxjZXA6jicJQK6uYZwK84xFTvTSbKWre3ysEfUfZWe3GJgBl

 

พอเมื่อวานเราเขียนเปรียบเทียบโปสเตอร์ในสหรัฐของ A USEFUL GHOST (2025, Ratchapoom Boonbunchachoke) กับงานศิลปะของ M.C. Escher วันนี้เราก็เลยมาแปะเล่น ๆ ว่า เราชอบ “ใบหน้า” ในงานศิลปะของศิลปินเหล่านี้มาก ๆ ตัดสินไม่ได้ว่าใครแรงกว่าใคร

 

M.C. Escher

Rene Magritte

Salvador Dali

H.R. Giger

Junji Ito

 

อยากให้มีหนังที่นำเสนอตัวละครแบบในรูปทั้ง 5 รูปนี้มาปะทะกัน

 

รูปนี้คือ BOND OF UNION (1956, M.C. Escher)

RAPE (1934, Rene Magritte)

GALATEA OF THE SPHERES (1952, Salvador Dali)

KOOKOO (1981), an album of Debbie Harry, the cover is designed by H.R. Giger

https://web.facebook.com/jit.phokaew/posts/pfbid02qz7wo97hwq3RoEE1JYu2M281sp1fRZMb2WETUbFeKPdWx3xBUB7YEDhSbbdVfU6rl

+++

ตอนช่วงสัปดาห์ที่แล้วเรากะว่าจะซื้อโลชั่นทาแก้ผิวแห้งคัน เพราะโลชั่นขวดที่มีอยู่กำลังจะหมด แต่วันนี้อากาศร้อน เราก็เลยล้มเลิกแผนนี้ แล้ววันนี้เราก็เลยเปิดแอร์ทั้งวันแทน เดี๋ยวรอดูว่ากลางเดือนนี้มึงจะหนาวจริงไหม แล้วค่อยตัดสินใจเรื่องซื้อโลชั่น

+++

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดด ดีใจอย่างสุดขีดคลั่งที่ PETER HUJAR’S DAY (2025, Ira Sachs, A+30) ได้เข้าชิงรางวัล Independent Spirit Awards ถึง 5 สาขา ซี่งได้แก่สาขา Best Film, Best Director, Best Lead Performance (Ben Whishaw), Best Supporting Performance (Rebecca Hall) และ Best Cinematography (Alex Ashe) ดิฉันขอเชียร์หนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงค่ะ ชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนมันมาฉายที่ห้าง ICON SIAM ในวันที่ 4 ก.ย. ในเทศกาลหนัง QUEER กราบขอบพระคุณ programmer ของเทศกาลที่เลือกหนังเรื่องนี้มาฉายในกรุงเทพมาก ๆ ค่ะ โอ๊ย ดีใจที่สุดของที่สุด

 

และก็ดีใจกับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยดูที่ได้เข้าชิงรางวัล INDEPENDENT SPIRIT ประจำปีนี้ด้วย ทั้ง “SORRY, BABY” (2025, Eva Victor), TWINLESS (2025, James Sweeney), BLUE SUN PALACE (2024, Constance Tsang), WARFARE (2025, Alex Garland, Ray Mendoza), THE LONG WALK (2025, Francis Lawrence), SIRAT (2025, Oliver Laxe, Spain), HAPPYEND (2024, Neo Sora, Japan)

 

SORRY, BABY ได้เข้าชิง 4 สาขา และ BLUE SUN PALACE ได้เข้าชิง 4 สาขาเหมือนกัน BLUE SUN PALACE เคยเข้ามาฉายในเทศกาล World Film Festival of Bangkok ที่ Central World ในเดือนพ.ย.ปี 2024



++++

 

TV-SERIES WISH LIST

 

CALL ME A BAD GIRL (1984, Japanese TV series, 24 episodes) เป็นละครทีวีที่เคยมาฉายทางช่อง 5 ตอนที่เราเด็ก ๆ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ตามดูเพราะเราไม่มีเวลา อย่างไรก็ดี เราอยากดูละครทีวีเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก เพราะมันเป็นละครทีวีเกี่ยวกับกลุ่มสาว ๆ ที่ตบกันแหลกในโรงเรียนดัดสันดาน และนางเอกต้องตบกับ “เจ้าแม่แห่งโรงเรียนดัดสันดาน” ที่มีสมญานามว่า “โมนา ลิซ่า”  ถ้าหากเราจำไม่ผิด ละครทีวีเรื่องนี้นำแสดงโดย ไมโกะ อีโต้ ที่โด่งดังมาก ๆ ในยุคนั้น

 

อยากดู CALL ME A BAD GIRL อย่างรุนแรงที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้จะหาละครทีวีเรื่องนี้ดูได้อีกที่ไหน

 

คือเห็น “การทำหน้าทำตา” ของตัวละครหญิงแต่ละตัวในคลิปละครทีวีนี้ในยูทูบก็รู้ว่า ถ้าหากเราได้ดูละครเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ มันต้องมีการ role play กันไม่หยุดอย่างแน่นอน 55555 (ลิงค์อยู่ในคอมเมนท์)

 

https://youtu.be/YnGkNb7jpvA?si=xQVhib40hYLTP_wq

 

Tuesday, December 02, 2025

HOW A TEDDY BEAR SAVED MY LIFE

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ น้องกีวี่ พี่ก็สะสมของไว้มากเหมือนกัน ทั้งเทปเพลง, วิดีโอเทป, หนังสือ และสมุดจดต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา เหมือนสิ่งของเหล่านี้มันบรรจุ “ความทรงจำอันแสนสุขถึงชีวิตในอดีต” เอาไว้ด้วย มันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำของเรา ความสุขของเรา อดีตของเรา ตัวตนของเรา ถึงแม้ตายไปเราจะเอาสิ่งของเหล่านี้ติดตัวเราไปไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ตอนนี้เรายังไม่ตาย เราก็อยากที่จะเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด

 

ชีวิตมนุษย์มันไม่แน่ไม่นอนจริง ๆ ยังไงพี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องกีวี่นะครับ

 

มีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน คือในปี 2016 พี่เคยประสบอุบัติเหตุ (น้องน่าจะจำได้) และอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้พี่สูญเสียเงินเก็บไปจนเกือบหมด เรียกได้ว่าแทบหมดตัวเลย เงินเก็บที่สะสมมาตลอดชีวิต 43 ปีหายไปราว 90% ตอนนั้นเหลือเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ไม่กี่บาท ตอนนั้นพี่ก็คิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่ทุกวัน เพราะรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต และก็คิดไม่ออกถึง “อนาคต” ของตัวเอง ว่าจะอยู่รอดไปจนแก่ได้อย่างไร แต่พี่ก็ใช้พลังทางจินตนาการของตัวเอง ในการคุยกับ “ลูกหมี” หรือตุ๊กตาหมีของตัวเองไปเรื่อย ๆ พี่จินตนาการว่า “ลูกหมี” คุยกับพี่ว่า “แม่หมีไม่ต้องคิดไปถึงอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้า แค่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 1 วันก็พอแล้ว ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ สามทุ่มวันพรุ่งนี้แม่หมีค่อยตัดสินใจฆ่าตัวตายนะครับ” แล้วพี่ก็เลยทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ในช่วงนั้น คือเลิกคิดวางแผนถึงอนาคตหลายปีข้างหน้า แค่อยู่ต่อไปก่อนอีก 1 วัน แล้วพอสามทุ่มของแต่ละวันค่อยตัดสินใจว่าจะฆ่าตัวตายดีมั้ย แล้วพอพี่ใช้วิธีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็เลยเหมือนเลื่อนเวลาฆ่าตัวตายออกไปเรื่อย ๆ ทีละวัน ทีละวัน และก็เลยมีชีวิตรอดจากปี 2016 จนมาถึงปี 2025 ได้ในที่สุด ซึ่งพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีหรือเปล่า เพราะพี่ก็อาจจะยังฆ่าตัวตายในอนาคตได้ทุกเมื่อ แต่ยังไงวันนี้ก็ขอกอดลูกหมีต่อไปอีก 1 วันก่อนก็แล้วกันนะ

 

เป็นกำลังใจให้น้องกีวี่นะครับ ชีวิตคนเรามันเต็มไปด้วยความทุกข์จริง ๆ แต่ยังไงวันนี้เราก็ขอมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะพอทำได้ก่อนก็แล้วกัน

+++

 

รวมประสบการณ์ในโรงหนัง

 

1. คู่ตัวเหี้ยแห่งเอสพลานาด รัชดา

 

ที่โรงหนังเอสพลานาด รัชดา เรามักจะเจอผู้ชายวัยกลางคนคู่หนึ่ง ที่มักจะมานั่งตรงที่นั่งแถวที่ยืดขาได้ยาว ๆ ซึ่งที่นั่งแถวนั้นมักจะอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าของโรง ประมาณแถวที่ 5 ถัดจากจอ แล้วผู้ชายคู่นี้มักจะคุยกันเสียงดังตลอดทั้งเรื่อง

 

ซึ่งสิ่งนี้มันสร้างปัญหาให้กับเรา เพราะถึงแม้ว่าเราจะหนีไปนั่งด้านหน้า ๆ ของโรง เสียงของพวกเขาก็ดังตามมารบกวนเราได้อยู่ดี เพราะพวกเขาก็นั่งในแถวที่ไม่ห่างจากเราเท่าไหร่

 

เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอคนจองที่นั่งแบบที่เราติ๊กถูกในรูปนี้ที่เอสพลานาด รัชดา เราก็จะหนีพวกเขาโดยการจองมาที่นั่งแถวบน ๆ แทน จะได้ห่างจากที่นั่งของคู่ตัวเหี้ยคู่นี้

 

2. หนังฟรี = แหล่งแพร่โรคระบาด

 

เราป่วยเป็นคออักเสบตั้งแต่วันศุกร์ 28 พ.ย. ทรมานมาก ต้องขากเสมหะทุกชั่วโมง แต่ตรวจแล้วไม่ได้เป็นโควิด

 

เราไม่รู้แน่ชัดว่าเราติดโรคคออักเสบมาจากใคร แต่ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งก็คือผู้ชายที่นั่งติดเราในวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. ตอนที่เราดูหนังฟรีเรื่อง PARTHENOPE (2024, Paolo Sorrentino, Italy, A+30) ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN เพราะผู้ชายคนนี้ไออย่างรุนแรงหนักมากตลอดเวลา จนเราสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นวัณโรค แล้วพอหนังผ่านไปครึ่งเรื่อง เราก็ทนไม่ไหว เราก็เลยลุกหนีจากที่นั่งของเราที่อยู่ตรงกลางแถว เพื่อหนีไปนั่งแถวหน้า ๆ ติดจอภาพยนตร์แทน เพราะแถวหน้า ๆ มีที่นั่งว่างอยู่

 

คือเราใส่ mask ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้นะ แต่ก็คิดว่า MASK ของเราอาจจะกันโรคไม่ได้ 100% และเราก็นั่งติดเขาไปนานราว 50 นาทีในช่วงแรกของหนัง เพราะฉะนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะติดเชื้อโรคมาจากเขา

 

คือเวลาที่เราดู “หนังฟรีในเทศกาลหนัง” ต่าง ๆ เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้น่ะ คือถ้าหากเราเลือกที่นั่งเอง เราก็มักจะเลือกที่นั่งที่ “ห่างไกลจากมนุษย์คนอื่น ๆ ให้มากที่สุด” อยู่แล้ว ตามที่เพื่อน ๆ ของเราคงคุ้นเคยกันดี แต่พอมันเป็นเทศกาลหนังที่แจกตั๋วฟรี เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้ เขาแจกตั๋วที่นั่งใบไหนมาให้เรา เราก็มักจะต้องนั่งตามที่นั่งนั้น โดยเฉพาะในกรณีที่ตั๋วมันเต็ม มีคนนั่งกันเต็มโรง เราจะแอบหนีไปนั่งแถวหน้า ๆ ติดจอได้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจว่าที่นั่งแถวหน้า ๆ มันไม่มีคนจริง ๆ

 

เพราะฉะนั้นการไปดูหนังในเทศกาลหนังฟรีมันก็เลยเสี่ยงดวงอย่างรุนแรงมาก เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้ที่นั่งติดกับใคร คนที่นั่งติดเราเขาอาจจะเป็นหนุ่มหล่อจากสวีเดน หรือว่าอาจจะเป็นผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น ไข้อีดำอีแดง เราก็มิอาจจะรู้ล่วงหน้าได้

 

ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เคยหีแตกมาแล้วกับเทศกาลหนังอิตาลีที่แจกตั๋วฟรีในเดือนพ.ค.ปีนี้ เพราะพอหลังจบเทศกาลหนังอิตาลีในช่วงต้นเดือนพ.ค. เราก็ป่วยเป็นโควิดเลย ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเราติดโรคโควิดมาจากผู้ชมในเทศกาลนั้นหรือเปล่า แต่มันก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน

 

เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าหากเจอเทศกาลหนังฟรีอีก เราก็คงต้องคิดหนักมากยิ่งขึ้นว่าจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงดูหนังในเทศกาลเหล่านี้ดีไหม

Monday, December 01, 2025

THE CURSED MASK (2025, Puwadon Naosopa, A+30)

 

ตาโขน THE CURSED MASK (2025, Puwadon Naosopa, A+30)

 

แน่นอนว่าเราไม่เน้นเขียนอะไรที่มีสาระทั้งสิ้น เราแค่อยากจดบันทึกว่า “ตาโขน” ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องอื่น ๆ เรื่องใดโดยไม่ได้ตั้งใจบ้าง 55555

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

1. เป็นหนังที่สนุกดี ชอบการสร้างบรรยากาศของหนังมาก ๆ เพราะเราว่าบรรยากาศของหนังเรื่องนี้มันมีความหลอน ๆ บางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกถึง “อันตราย” หรือความไม่น่าไว้วางใจที่อัดแน่นอยู่ในชั้นบรรยากาศรอบตัวละคร

 

2. เราว่าความรู้สึกสนุกที่เราได้รับจากหนังเรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo โดยไม่ได้ตั้งใจ คือในความเป็นจริงนั้น “ตาโขน” ห่างไกลจากความเป็นหนัง giallo มาก ๆ เพราะงานด้าน visual และงานด้าน style ของหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนหนังผีไทยหลาย ๆ เรื่อง และไม่ได้มีความจัดจ้านฉูดฉาดทางสีสันแบบหนัง giallo ของอิตาลี

 

แต่การที่หนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo อาจจะเป็นเพราะว่า ตาโขนมันเป็นหนังเกี่ยวกับ “ฆาตกรลึกลับ” ที่เน้นการสร้างบรรยากาศหลอน ๆ และผูกโยงกับ supernatual elements ด้วยน่ะ ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ความหลอน ๆทางบรรยากาศนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้หนัง giallo แตกต่างจากหนัง “ฆาตกรลึกลับ” ของชาติอื่น ๆ และแตกต่างจากหนังของ Alfred Hitchcock และหนัง slasher ของฮอลลีวู้ดด้วย เพราะว่าบรรยากาศในหนังฮอลลีวู้ดมันไม่ได้หลอนแบบหนัง giallo

 

สิ่งต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo และหนังอิตาลีโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

2.1 คือเหมือนตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เรารู้สึกถึง “อันตรายในบรรยากาศ” น่ะ ซึ่งอันตรายนี้อาจจะมาได้จากทั้งฆาตกรและสิ่งเหนือธรรมชาติ และมันก็เลยทำให้เรานึกถึงหนังอิตาลีอย่าง DEEP RED (1975, Dario Argento) และ THE RED QUEEN KILLS SEVEN TIMES (1972, Emilio Miraglia)

 

อย่าง DEEP RED มันเป็นหนังเกี่ยวกับฆาตกรลึกลับ แต่มันก็มีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ในหนังด้วย ซึ่งได้แก่ตัวละคร “สาวพลังจิต” เพราะฉะนั้นตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ มันก็เลยรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หลอนมากเป็นพิเศษ

 

ส่วน THE RED QUEEN KILLS SEVEN TIMES ก็เป็นหนังเกี่ยวกับฆาตกรลึกลับ ที่ผูกโยงกับ “คำสาปอาถรรพณ์” และจุดนี้ก็เลยทำให้นึกถึง ตาโขน ที่มีทั้งฆาตกรลึกลับ และความเชื่อเรื่องคำสาปอาถรรพณ์อยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน

 

2.2 ตัวละคร จ่อย (มอสหลง ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ) เคยเห็นพ่อตัวเองตายตอนที่จ่อยยังเป็นเด็ก และเขาเชื่อว่าเขาเห็น “ผีตาโขน” เป็นคนฆ่าพ่อ แต่ต่อมาเขาก็ต้องสำรวจตรวจสอบสิ่งที่เขาเห็นและสิ่งที่เขาเคยเชื่อในวัยเด็ก ว่าจริง ๆ แล้วเขาเห็นอะไรกันแน่ในตอนนั้น

 

เราชอบปมของพระเอกตรงจุดนี้มาก ๆ มันทำให้เรานึกถึงหนัง 2 เรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งก็คือ

 

2.2.1 DEEP RED ที่พระเอกเคยเห็น “ภาพวาด” ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆาตกรรมในช่วงต้นเรื่อง แต่ในช่วงต่อมาพระเอกก็ต้องทบทวนความทรงจำ ทบทวนสิ่งที่ตัวเองเห็น เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า จริง ๆ แล้วภาพวาดที่ตัวเองเห็นนั้น มันมีเงื่อนงำลึกลับอะไรกันแน่ และสิ่งที่เขาเคยเชื่อว่าตัวเองเห็นในช่วงต้นเรื่อง จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างที่เขาเชื่อหรือเปล่า

 

2.2.2 TRAUMA (1993, Dario Argento)

 

นางเอกเห็นพ่อกับแม่ของตัวเองถูกฆาตกรฆ่าตัดหัวตายในช่วงต้นเรื่อง แต่ต่อมานางเอกก็ต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า สิ่งที่ตัวเองเห็นนั้น มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

 

2.3 ตัวละครพระเอกของตาโขน เจอ “ห้องลับ” และในห้องลับนั้น มี “ศพของคนที่เคยถูกฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อนซุกซ่อนไว้”

 

จุดนี้ก็ทำให้นึกถึง DEEP RED และ TRAUMA โดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน 55555

 

สรุปว่า ชอบ “บรรยากาศของอันตราย และความไม่น่าไว้วางใจ” ใน “ตาโขน” มาก ๆ เราว่าจุดนี้มันทรงพลังสำหรับเรามากพอ ๆ กับหนัง giallo ของอิตาลี ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้ว ตาโขนไม่ได้มีงานด้าน visual และ style ที่คล้ายคลึงกับหนัง giallo เลยแม้แต่นิดเดียว

 

3. ตอนแรกที่เราดูหนังเรื่องนี้จบ เราจะตั้งคำถามว่า การที่หนังให้สิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยแก้ไขปัญหาในช่วงท้ายของหนัง มันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ง่ายเกินไปหรือเปล่า แต่พอเรานึกย้อนไป เราก็พบว่า หนังมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันมีสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นตัวละครอยู่ในหนังด้วย เพราะเราว่าสิ่งที่ช่วยนำทางพระเอกไปจนเจอจั่นในห้องลับในช่วงกลางเรื่อง ก็น่าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติเช่นกัน คือเหมือนสิ่งเหนือธรรมชาติปรากฏตัวชัด ๆ ในหนังเรื่องนี้อย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องแล้ว ไม่ได้โผล่มาเพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงท้ายเรื่องเพียงอย่างเดียว (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด)

 

4. แต่เราว่าความสนุกในช่วง climax ของหนังมันน้อยไปหน่อย เหมือนมัน “ลุ้น” น้อยเกินไปหน่อยสำหรับเรา 55555 เราก็เลยอาจจะชอบ ท่าแร่ THA RAE: THE EXORCIST (2025, Taweewat Wantha) มากกว่าหนังเรื่องนี้นิดนึงตรงจุดนี้

 

5. แฟรงค์ ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล น่ารักมาก ๆ ฉันรักเขา

 

6. แอบขำที่หนังเรื่องนี้มีจุดพ้องกับหนังไทยอีก 2 เรื่องที่ออกฉายในปีเดียวกัน โดยไม่ได้ตั้งใจ 55555 ซึ่งได้แก่

 

6.1 THE LEGEND OF PHI TAKHON MASK ตำนานหน้ากากผีตาโขน (2025, Tang Stuntman แต่ง สตั้นแมน, 104min, C )

 

แต่ยังดีที่ “ตำนานหน้ากากผีตาโขน” เป็น “หนังบู๊อภินิหาร” หนังสองเรื่องนี้ก็เลยพ้องกันแค่ในส่วนของการพูดถึง “หน้ากากผีตาโขน” แต่ genre ของหนังสองเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใด

 

6.2 ลบหลู่ DISPARAGE (2025,  Chomlaman SrikumAsadaporn Pakdeenarong, C- )

 

ตัวละคร “ย่าถิน” (นกน้อย อุไรพร) ในตาโขน ทำให้เรานึกถึงพระเอกของ DISPARAGE โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตัวละครทั้งสองตัวนี้ต้องการท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพยายามทำลายศาลเจ้าอะไรต่าง ๆ เหมือนกัน

 

7. ขำที่ปีนี้ไทยมี “หนังสยองขวัญ 2 พยางค์” ออกมาหลายเรื่องมาก ซึ่งในบรรดาหนังกลุ่มนี้ เราอาจจะชอบ

 

7.1 + 7.2 “ท่าแร่” กับ “ตาโขน” มากเป็นอันดับหนึ่งเท่า ๆ กันในตอนนี้ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบหนังเรื่องไหนมากกว่ากัน

 

7.3 พนอ ART OF THE DEVIL: BEGINNING (2025, Putthipong Saisrikaeo, A+30) มากเป็นอันดับสาม

 

7.4 ห่าก้อม THE DARKNESS OF THE SOUL (2025, Pongpat Wachirabunjong, A+25) มากเป็นอันดับ 4

 

7.5 คายอ้อ KAYAOR DISRECPECTING FAITH AND SUPERNATURAL (2025, Phawat Panangkasiri, A+15) เป็นอันดับ 5

 

7.6 ลบหลู่ เป็นอันดับ 6

 

7.7 ผีเบล BRYAN BELL (2025, Stephan Yip Tin-Hang, F) เป็นอันดับ 7

 

8. ในแง่หนี่ง เราก็รู้สึกว่า ตาโขน เหมือนเป็นการสานต่อสิ่งที่คุณภูวดลเคยทำไว้ในหนังเรื่อง เนา-โสภา THE LOCAL CURE (2019, Puwadon Naosopa, 30min, A+30) เพราะว่าหนังเรื่อง THE LOCAL CURE ก็เริ่มต้นด้วยการทำท่าว่ามันอาจจะเป็นหนัง folk horror ที่พูดถึงความสยองขวัญจากสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ ก่อนที่จะคลี่คลายตัวเองไปเป็นหนังแนวอื่นในเวลาต่อมา ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งสำหรับ THE LOCAL CURE และ THE CURSED MASK

 

THE LOCAL CURE เนาโสภา มีให้ดูในยูทูบนะ

 

เราชอบหนังเรื่อง ปฏิกุน PA-TI-KOON (2020, Puwadon Naosopa, short film, A+30) มาก ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เรายังไม่เคยดูละครที่กำกับโดยคุณ Puwadon นะ เราก็เลยบอกไม่ได้ว่า เขามีลายเซ็นอะไรหรือไม่ แต่ก็ชอบหนังทั้งสามเรื่องของคุณ Puwadon ที่เราได้ดู ทั้ง เนาโสภา, ปฏิกุน และตาโขน

 

9. พอเราเห็นว่ามีคุณ Tossaphon Riantong ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “ตาโขน” ด้วย มันก็เลยทำให้เรานึกถึงหนังสั้นของคุณ Tossaphon อย่างรุนแรงมาก เพราะว่า ตาโขน เป็นหนังแนว “ปริศนาฆาตกรรม” “ฆาตกรลึกลับ” และมันก็เลยทำให้เรานึกถึงภาพยนตร์แนว thriller ที่คุณ Tossaphon Riantong เคยกำกับตอนที่เขาเรียนชั้นมัธยม อย่างเช่นเรื่อง REMEMBER จำ (2008, 28min), MY BEST FRIEND เพื่อน (2009, 25min) และ เมื่อฝนทิ้งช่วง WHEN FON DUMPS CHUANG (2009, 27min)

 

ถ้าหากเราจำไม่ผิด เราจำได้ว่าช่วงนั้นเรากับเพื่อน ๆ ตื่นเต้นมากพอสมควรที่เห็นเด็กมัธยมสามารถกำกับ+เขียนบทหนังแนว thriller ที่มีความซับซ้อนรุนแรงขนาดนี้ แต่เสียดายที่เราไม่ได้ดูหนังเรื่อง DARKSIDE อารมณ์ (2008, Tossaphon Riantong, 28min) นะ เราก็เลยไม่รู้ว่าหนังเรื่อง DARKSIDE เป็น thriller ซับซ้อนเหมือนกันหรือเปล่า แต่เราเดาเอาเองว่าน่าจะเป็น thriller เหมือนกัน

 

เพราะฉะนั้นพอเราได้เห็นบทภาพยนตร์ที่มีความซับซ้อน มีลูกล่อลูกชน และสร้างความสนุกแบบ thriller + horror ได้อย่างน่าพึงพอใจมาก ๆ ใน “ตาโขน” เราก็เลยนึกถึงหนังเรื่อง จำ, เพื่อน และ เมื่อฝนทิ้งช่วงที่คุณ Tossaphon เคยกำกับในปี 2008-2009 มาก ๆ เหมือนเขามีแววทางนี้มาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว 55555

 

Edit เพิ่ม: เราเพิ่งเติม พนอ กับ ผีเบล เข้าไปทีหลังนะ เพราะเพิ่งนึกได้ทีหลังว่ามันเป็น “หนังสยองขวัญไทย 2 พยางค์” ในปีนี้ด้วย


SUMMER AND MY TEDDY BEAR

 

SUMMER AND MY TEDDY BEAR (2025, Jattarin Meedach, queer film, 27min, A+30)

ฤดูร้อนปีนี้ผมพาตุ๊กตาหมีกลับบ้าน (2025, เจตริน มีเดช)

 

1. หนังเกย์รัก 3 เส้าระหว่างหนุ่มหล่อ 3 คน และ “ตุ๊กตาหมี” ชื่อ “เต้าหู้” คือพอตัวละครพูดชื่อตุ๊กตาหมีขึ้นมา เรากับลูกหมีก็อดหัวเราะพร้อมกันไม่ได้ เพราะ reference มันชัดมากว่า หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใคร 55555

 

2. เข้าใจว่าหนังน่าจะถ่ายที่จังหวัด สุพรรณบุรี จริง ๆ และหนังก็ดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จาก location ของตัวเองได้ดีพอสมควร

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

 

3. ถือเป็นหนัง guilty pleasure อีกเรื่องนึงของปีนี้ เพราะในทางเนื้อเรื่องแล้ว เรารู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันดูมีช่องโหว่ยังไงไม่รู้ เพราะเราไม่รู้ว่าตัวละครสำคัญตัวนึงเสียชีวิตยังไง แล้วพอเราไม่รู้ว่าเขาฆ่าตัวตาย หรือประสบอุบัติเหตุตายในสภาพยังไง เราก็เลยจะไม่ค่อยแน่ใจว่า ความรู้สึก guilty ของตัวละครอีกตัวนึงมันสมเหตุสมผลหรือมีความหนักแน่นมากพอหรือเปล่า

 

มันก็เลยดูเหมือนกับว่า ความระหองระแหงระหว่างตัวละครเอกสองตัว และการตายของหนึ่งในตัวละคร มันดูเป็นเหมือน “เครื่องมือ” อะไรบางอย่างเพื่อให้หนังก้าวไปสู่ “การสร้างอารมณ์เศร้า+ซาบซึ้ง” แต่มันยังขาดความหนักแน่นมากพอที่จะทำให้คนดูมีอารมณ์คล้อยตามไปด้วยได้น่ะ คือคนดูรับรู้ถึงความระหองระแหงระหว่างตัวละคร และรับรู้ว่าตัวละครตัวนึงตาย แต่พอหนังไม่ได้นำเสนออารมณ์และเนื้อเรื่องในส่วนนี้อย่างละเอียดพอ และหนังกลับใช้วิธีบอกเล่าแบบข้ามๆ ในส่วนนี้ คนดูอย่างเราก็เลยไม่มีอารมณ์ร่วมในส่วนนี้ และก็เลยรู้สึกมีระยะห่างจากความเศร้าของตัวละครในหนังตามไปด้วย

 

4. แต่นักแสดงเล่นดีใช้ได้นะ ทั้งแม่ของผู้ตายและตัวละครหมิง คือเรารู้สึกว่าตัวละครเศร้าจริง เศร้ามาก เพราะการแสดงที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ของทั้งคู่น่ะ แต่เราอาจจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับความเศร้าของตัวละครด้วย เพราะเหตุผลในข้อสาม

 

5. ถึงแม้หนังจะมีจุดที่เราไม่ชอบในข้อสาม แต่เราชอบหนังเกย์, ชอบหนุ่มหล่อ ๆ และชอบตุ๊กตาหมีอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นยังไง ๆ เราก็ถือว่าเราชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ อยู่ดี 55555 (ลูกหมีก็บอกว่าเธอชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ)

+++

 

เห็นเพื่อน ๆ หลายคนซึ่งรวมถึงตัวเราเองที่มีอายุ 52 ปี กำลังจะย่างเข้าสู่วัยชรา และเพื่อน ๆ หลายคนก็กำลังดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในวัยชรา เราก็เลยสงสัยว่า ตอนนี้ในไทยมีการเปิดธุรกิจ BODYBUILDER CAREGIVER แล้วยัง เพราะเราเห็นธุรกิจแบบนี้มีแล้วในญี่ปุ่น เพราะว่าญี่ปุ่นมีคนชราจำนวนมาก เขาเลยเอา “นักกล้าม” มาทำหน้าที่ดูแลคนชรา เพราะว่านักกล้าม “มีแรงมากพอที่จะอุ้มตัวผู้ป่วย” ได้

 

เราขอสนับสนุนให้มีการเปิดธุรกิจแบบนี้ในไทยด้วยนะ อยากให้มีธุรกิจแบบนี้ในไทยมาก ๆ เพราะเราเองก็มีอายุย่างเข้าสู่วัยชราแล้ว ต้องการการดูแลแบบนี้มาก ๆ และเราเองก็มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะด้วย เพราะฉะนั้นเราก็เลยคิดว่าถ้าหากจะจ้างคนมาดูแลเรา เราก็ต้องอาศัยคนดูแลที่เป็นนักกล้ามแบบนี้นี่แหละ เขาจะได้มีแรงพยุงตัวเราไหว

 

รีบ ๆ เปิดธุรกิจแบบนี้ในไทยกันนะคะ

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

https://essential-japan.com/news/japans-muscle-carers-inspire-new-generation-of-caregivers-as-job-applications-rise/

 

ดูคลิปเพิ่มเติมได้ที่

https://x.com/asahicom/status/1536632031634812928?t=aA_3yET91qPYC0bjW0iVAg&s=07&fbclid=IwY2xjawOZ75dleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFPdGg1Nm9hN2o4U1NsRHJPc3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHkjDQAyoj8-l2Ik7Q1dCSKX1qma1UgcHvAacT8vBLdH_LyQPC_HejuM8SCym_aem_bPB22hP97ELadCk1ojmXgw

Sunday, November 30, 2025

The Tteokbokki Girl’s Sweetheart

 

รักหวานใจยัยต๊อกบกกี (2025, วิศรุต จิปิภพ, 23min, A+30)

 

1. ONE OF MY MOST FAVORITE FILMS I SAW THIS YEAR “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกที่เราได้ดู ที่นำเสนอตัวละคร "กะเทย" ที่ตั้งครรภ์กับผัวหนุ่มหล่อ โดยที่หนังทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ โดยไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ)

 

คือเราเข้าใจว่า ในวงการนิยายนั้น มันมี “กลุ่มนิยายที่มีตัวละครชายตั้งครรภ์” กันมานานระยะหนึ่งแล้ว แต่เหมือนกับว่าเรายังแทบไม่เคยเจอหนังแนวนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นนี่น่าจะเป็นหนัง queer เรื่องแรกที่เราได้ดู ที่นำเสนอตัวละคร “กะเทยตั้งครรภ์” เพราะในหนังเรื่องนี้ นางเอกเป็นกะเทยชื่อ “ชาคริต” ที่ตั้งครรภ์กับผัวหนุ่มหล่อ

 

อันนี้ไม่นับหนังผู้ชายตั้งครรภ์อย่างเช่น JUNIOR (1994, Ivan Reitman) นะ เพราะ JUNIOR ไม่ได้เป็นหนัง queer ในความรู้สึกของเรา

 

คือ “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” ไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรทั้งสิ้นกับการตั้งครรภ์นี้ เราก็เลยจินตนาการเอาเองว่า หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของโลกอนาคตที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นช่วยให้ผู้ชาย/กะเทย/transsexual สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างเป็นปกติธรรมดาแล้ว

 

2. ชอบที่ “ชาคริต” มีหุ่นยนต์หนุ่มหล่อ 2 คนเข้ามาพัวพันในสมการความสัมพันธ์ด้วย โดยที่หุ่นยนต์ตัวนึงหล่อล่ำ และใส่แต่กางเกงในสีขาวตัวเดียวตลอดเวลา แต่เขาขยับตัวไม่ได้ ส่วนหุ่นยนต์อีกตัวขยับเคลื่อนไหวได้เหมือนคนจริง ๆ

 

3. เราเข้าใจว่าภาพทั้งหมดในหนังมาจาก life simulation game ชื่อ INZOI นะ ซึ่งการนำภาพจากวิดีโอเกมมาเล่าเรื่องได้ดีแบบนี้ ทำให้นึกถึงหนังของ Harun Farocki มาก ๆ โดยเฉพาะหนังชุด PARALLEL I-IV (2012)

 

4. ตัวละคร ชาคริต ที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้ ก็ถือเป็นตัวละครที่เราชอบมาก ๆ ด้วย เพราะจริง ๆ แล้วเธอมีความเป็น “เผด็จการ” เธอเป็นตัวละครเทา ๆ เธอไม่ใช่ “นางเอกนิสัยดี” 55555 แต่เราก็ชอบที่เธอ “เงี่ยนผัว” มาก ๆ และก็ชอบภาษากะเทยของตัวละครในเรื่องอย่างรุนแรงมาก

 

คือจริง ๆ แล้วคิดว่า “กลุ่มตัวละครกะเทย” ในหนังเรื่องนี้นี่ปะทะกับกลุ่มตัวละครกะเทยในหนังของ Ryan Trecartin ได้สบาย ๆ เลย

 

5. เนื้อเรื่องแบบไซไฟของหนังอาจจะไม่ได้ล้ำมากนัก เมื่อเทียบกับหนังไซไฟของฮอลลีวู้ด แต่เราก็ชอบที่หนังเรื่องนี้เอา genre หนังแบบไซไฟมาผสมกับความ queer แล้วออกมาเป็นอะไรที่กะหรี่แตกมาก ๆ

+++

 

บทความในปี 2022 ที่สัมภาษณ์คุณวิศรุต จิปิภพ ผู้กำกับหนังเรื่อง “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” (2025)

https://www.exoticquixotic.com/stories/queer-gamer

 

++++

 พอพูดถึง Roger Films Studio แล้วก็เลยนึกถึงเรื่องปีศาจจากญี่ปุ่นที่เราชอบมาก ๆ

 +++++

รื่นโรย นี่คือฉายปะทะกับ LANDMARKS (2025, Lucrecia Martel, Argentina, documentary, A+30) และ THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO (2025, Diego Cespedes, Chile, A+30) ได้สบาย ๆ เลย เพราะว่า subjects ของ “รื่นโรย” นี่คือเผชิญปัญหาเรื่อง “ที่ดินทำกินของชนพื้นเมือง” คล้าย ๆ กับ subjects ของ LANDMARKS และก็เคยเผชิญปัญหาเรื่องความเป็น queer เหมือนใน THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO ด้วย

Friday, November 28, 2025

FIRST-DEGREE VANISHING

TAMOUR BATTANT (2019, François-Christophe Marzal) นำแสดงโดย Sabine Timoteo ที่เคยนำแสดงใน GHOSTS (2005, Christian Petzold, Germany, A+30)

 

เทศกาลหนังสวิตเซอร์แลนด์ คนดูเกือบเต็มแล้ว งั้นเราอยู่ดูเทศกาลหนังสั้นมาราธอน + ดูหนัง MUBI ที่บ้านก็ได้ เราไม่อยากไปงานที่มีคนเยอะ ๆ แน่น ๆ 55555

 

แต่ก็เสียดายนะ เพราะว่าหนังที่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์สวิตเซอร์แลนด์ จะไม่มีวันได้วนกลับมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์อียูอย่างแน่นอน เพราะว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เป็นสมาชิกอียู

 

ซึ่งสิ่งนี้จะแตกต่างจากเทศกาลหนังอิตาลี, เทศกาลหนังเยอรมัน, เทศกาลหนังนอร์ดิก ที่หนังบางเรื่องยังพอมีสิทธิได้วนกลับมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์อียูได้อีก

+++

 

I AM WHAT I AM 2 (2024, Sun Haipeng, China, animation) เกือบ SOLD OUT แล้วนะ ใครจะดูต้องรีบซื้อตั๋วนะ

 

เราชอบหนังภาคแรกอย่างรุนแรงมาก

 

ในนี้บอก LYCHEE ROAD มีฉายที่ SF ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.ด้วยครับ และก็มีรอบฉายในวันอื่น ๆ ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา และที่มศว ด้วยครับ

+++

 

เราชอบหนังเรื่อง NEVER SHALL WE BE ENSLAVED (1997, Kyi Soe Tun, Myanmar, A+30) มาก ๆ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันที่ 17 ส.ค. 2006 ที่โรงภาพยนตร์ Major Hollywood รามคำแหง ดีใจมาก ๆ ที่หนังเรื่องนี้ได้รับการถูกพูดถึงอีก

+++

 

ออกแบบได้สวยสุดขีด อยากให้ของไทยมีคนทำดีวีดีละครโทรทัศน์ของช่อง 3 เรื่อง พรสีเลือด (1978, อดุลย์ กรีน) กับ ทะเลเลือด (1986, อดุลย์ ดุลยรัตน์) ออกมาขายบ้าง เพราะว่าละครโทรทัศน์สองเรื่องนี้ดัดแปลงนิยายของ Agatha Christie ออกมาได้อย่างสุดยอดมาก ๆ โดยพรสีเลือดนั้นดัดแปลงมาจาก AND THEN THERE WERE NONE ส่วน ทะเลเลือด ดัดแปลงมาจาก DEATH ON THE NILE และเราขอยกให้ “พรสีเลือด” เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE TV SERIES OF ALL TIME เลย คือเราดูละครทีวีเรื่องนี้เมื่อราว 45-47 ปีที่แล้ว แต่ฉากฆาตกรรมในละครทีวีเรื่องนี้ยังคงติดตาเรามาโดยตลอด 45 ปีที่ผ่านมา หนักที่สุด

++++

 

เมื่อวานเราได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “น้องชายที่แสนดี(ย์)” FIRST-DEGREE VANISHING (2025, Montree Saelo, 85min, A+30) ในเทศกาลหนังสั้นมาราธอน ซึ่งเป็นหนังที่นำเสนอภาพจอมืดตลอดทั้งเรื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมจินตนาการภาพในหัวด้วยตัวเอง ตามเสียงเล่าเรื่องที่มีลักษณะกึ่ง ๆ บทภาพยนตร์ กึ่ง ๆ ละครวิทยุ กึ่ง ๆ เรื่องสั้น

 

เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ “ถ่ายภาพ โดย ผู้ชม” เราก็เลยฟังเนื้อเรื่องที่หนังเล่า แล้วก็จินตนาการภาพ “ตัวละคร” ที่หนังเรื่องนี้เล่า ออกมาได้ดังนี้

 

1. พี่เคน

 

2. น้องเซน

 

3. กันต์

 

4. วีเจข้าวเหนียว

 

5. แว่น หนุ่มคนงานรับจ้างของตามีกับยายจา

 

6. ลุงชา

 

7. อันปี ลูกชายอบต.

 

8. พ่อของอันปี

 

9. เพื่อนตำรวจของเมษา

++++

Paul Krugman บอกว่า THE ADDAMS FAMILY (1991, Barry Sonnenfeld) คือหนัง WOKE ที่มาก่อนกาล พอเราได้มาย้อนดู ก็พบว่าฉากนี้มันได้กลายเป็นฉากคลาสสิคไปแล้วจริง ๆ ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง EUREKA (2023, Lisandro Alonso, A+30) ที่พูดถึงชีวิต Native Americans ในยุคปัจจุบันด้วย



++++

 

เมื่อเช้านี้อุณหภูมิในกรุงเทพลดลงไปแตะ 18 องศาเซลเซียส ซึ่งคนไทยอาจจะมองว่าหนาว แต่เราเห็นคลิปหนุ่มมองโกเลียหล่อล่ำมาเดินถอดเสื้อที่ภูเก็ต เราก็เลยคิดว่า อุณหภูมิของไทยแบบนี้คงไม่ใช่อากาศหนาวสำหรับหนุ่มมองโกเลียแน่เลย เราก็เลยกูเกิลดู แล้วกูเกิลก็บอกว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูหนาวในมองโกเลียอยู่ที่ “ติดลบ 30 องศาเซลเซียส” เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็อย่าได้แปลกใจค่ะ ถ้าหากจะเจอหนุ่มมองโกเลียมาเดินถอดเสื้อในฤดูหนาวในไทย 55555

Monday, November 24, 2025

LONGLIST OSCAR ANIMATIONS

 

จำได้ว่าเราเห็น BJORK ครั้งแรก ก็ตอนที่รายการโทรทัศน์ "บันเทิงคดี" ของคุณมาโนช พุฒตาล นำมิวสิควิดีโอเพลง OOPS เพลงนี้มาออกอากาศทางช่อง 11 ในปี 1991

+++++

ดีใจสุดขีดกับ ARCO (2025, Uco Bienvenu, France, A+30), BLACK BUTTERFLIES (2024, David Baute, Spain/Panama, A+30), COLORFUL STAGE! THE MOVIE: A MIKU WHO CAN’T SING (2025, Hiroyuki Hata, Japan, A+30), GABBY’S DOLLHOUSE: THE MOVIE (2025, Ryan Crego, A+30), THE LEGEND OF HEI 2 (2025, Jie Gu, Mtjj, China, A+30), 100 METERS (2025, Kenji Iwaisawa, Japan, A+30)

 

สรุปว่าเราเหมือนได้ดูไปแค่ 11 จาก 35 เรื่อง ในบรรดา 11 เรื่องนี้ เราเชียร์ BLACK BUTTERFLIES มากที่สุด

 

แต่ดีใจสุดขีดกับ COLORFUL STAGE! THE MOVIE: A MIKU WHO CAN’T SING เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะผ่านเข้ารอบ shortlist แต่การที่หนังเรื่องนี้ผ่านมาได้ถึงขั้นนี้ เราก็ปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้นแล้ว



+++

 

เจอสมุดโน้ต “100 FILMS: FILM REVIEWS” ที่ร้าน FLYING TIGER ในห้าง Emsphere เราก็เลยซื้อมา แต่อาจจะซื้อมาเก็บไว้เล่น ๆ เพราะมันน่ารักดี แต่ไม่รู้ว่าเราจะได้ใช้งานมันจริง ๆ หรือเปล่า เพราะถ้าหากเราอยากจดบันทึกถึงหนัง เราก็คงจดมันลง FACEBOOK + BLOG เป็นหลัก เราไม่น่าจะจดลงสมุดเป็นหลัก

 

คือถ้าหากเราเจอสินค้านี้ในทศวรรษ 1990 เราก็คงได้ใช้งานมันจริง ๆ เราคงพกสมุดโน้ตนี้ติดตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาไปดูหนังที่ Goethe และ Alliance แต่พอเรามาเจอสินค้านี้ในทศวรรษนี้ เราก็เลยอาจจะซื้อเก็บไว้เพื่อความกุ๊กกิ๊ก แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้งานมันจริงมั้ย 55555

Friday, November 21, 2025

FAVORITE SOUNDTRACK: GOOD LIFE (1988) – Inner City

  

เราเคยตุนซื้อแอลกอฮอล์ไว้เยอะในช่วงที่โควิดระบาด วันนี้มาเช็คดูพบว่ามันหมดอายุในเดือนส.ค. 2025 เราควรรีบโยนแอลกอฮอล์เหล่านี้ทิ้งไปเลยใช่ไหม มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้อีกหรือเปล่า 55555

+++

ดีใจสุดขีดกับ DUSE, CASE 137, SIRAT, ARCO, AFTERNOONS OF SOLITUDE, MY FATHER’S SHADOW ที่ได้เข้าชิงรางวัลในปีนี้ และก็ดีใจสุดขีดที่ RIEFENSTAHL กำลังจะมาฉายที่หอภาพยนตร์ในเดือนธ.ค.

+++

ดื่มน้ำมะเขือเทศเพื่อเป็นพลีให้หนังเรื่อง A HOLY FAMILY (2022, Elvis Lu, Taiwan, documentary, A+30)

+++

 


FAVORITE SOUNDTRACK: GOOD LIFE (1988) – Inner City

 

น้ำตาไหลพรากตอนที่ได้ยินเพลงนี้ในหนังเรื่อง GOOD FORTUNE (2025, Aziz Ansari, A+30) รู้สึกว่า “รสนิยมด้านเพลง” ของหนังเรื่องนี้ตรงกับเรามาก ๆ เพราะหนังเรื่องนี้ใช้เพลงในทศวรรษ 1980 + ต้นทศวรรษ 1990 ทั้งนั้นเลย 55555

https://youtu.be/dPMfjOoWVnk?si=fm6xIXhow3bCXWHJ

++++

 

เราไปดูหนังเรื่อง EUREKA (2023, Lisandro Alonso, Argentina/France/Mexico, 147min, A+30) ที่หอภาพยนตร์ ศาลายาในวันพฤหัสบดี พอดูหนังเสร็จ ออกมาเดินที่ถนนด้านหน้าหอภาพยนตร์ ก็พบว่าอากาศดีสุดขีด อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และมีลมรำเพยแผ่วพลิ้วสยิวใบหญ้าพัดมา มีความสุขมาก ๆ กับอากาศแบบนี้ หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็เลยเดินไปกินอาหารเย็นที่ร้าน STONES CORNER ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หอภาพยนตร์

 

Tuesday, November 18, 2025

ROSA LUXEMBURG IN CHIANGMAI

 

เห็นบทสาวพิการของ “หลินฟ่งเจียว” ใน THE STORY OF A SMALL TOWN (1979, Li Hsing, Taiwan, A+30) แล้วนึกว่า เธอมาเพื่อปะทะกับ “โนริปี้” หรือ Noriko Sakai ในละครทีวีชุด “สวรรค์ลำเอียง” HEAVEN’S COIN (1995) ที่เคยฉายทางช่อง 3 เพราะในละครเรื่องนั้น โนริปี้ก็รับบทเป็น “สาวใบ้” เหมือนกัน และเป็นบทบาทที่หนักหนาสาหัสมาก ๆ

 

ว่าแล้วก็เลยอยากดู “สวรรค์ลำเอียง” อีกรอบมาก ๆ

++++

 

ไอเดียเริ่ดสุดขีด สร้างละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงของ Yumi Matsutoya  น่าดูมาก ๆ CENTIPEDE HORROR (1982, Keith Li, Hong Kong) น่าดูมาก ๆ ควรมีคนจัดงาน 1970S-1980S HONG KONG HORROR RETROSPECTIVE ได้แล้ว

++++

ใช่ ดู AFIRE แล้วนึกถึง Eric Rohmer อย่างรุนแรง

++++

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

อะไรคือการที่ ROSA LUXEMBOURG (1986, Margarethe von Trotta, West Germany) ได้เข้าฉายที่เชียงใหม่ แต่จะไม่เข้าฉายในกรุงเทพ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้คะ หนังเรื่องนี้ควรได้ฉายในหลาย ๆ จังหวัดในไทยนะคะ ซึ่งรวมถึงในกรุงเทพและปริมณฑลด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ดิฉันอยากดูหนังเรื่องนี้มาเป็นเวลานานราว 25 ปีแล้ว เพราะจำได้ว่าคุณใจ อึ้งภากรณ์ ชอบเขียนถึง Rosa Luxembourg ลงหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อราว 20-25 ปีก่อน ดิฉันก็เลยตั้งหน้าตั้งตารอว่า สักวันหนึ่งดิฉันจะได้ดูหนังเกี่ยวกับสตรีผู้เลื่องชื่อระบือนามเรื่องนี้

 

ซึ่งก็ปรากฏว่า ในที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ได้เข้าฉายในไทย แต่ได้ฉายที่เชียงใหม่ ไม่เข้าฉายในกรุงเทพและปริมณฑล

 

ตอนนี้ดิฉันก็เลยเข้าใจความรู้สึกของ “คนต่างจังหวัด” เป็นอย่างดี เวลาที่หนังหลายเรื่องชอบเข้าฉายแต่ในกรุงเทพ แต่ไม่ลงโรงฉายในต่างจังหวัด 55555

Monday, November 17, 2025

PHANTOMS OF ENDLESS DAY (GHOST LOOPS) (2025, Ho Tzu Nyen, Singapore, video installation, A+30)

 

PHANTOMS OF ENDLESS DAY (GHOST LOOPS) (2025, Ho Tzu Nyen, Singapore, video installation, A+30)

 

1. ตัววิดีโอจริง ๆ สร้างโดย AI และน่าจะมีความยาวหลายชั่วโมง เพราะมันเรียงสลับสับเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ เหมือนไม่รู้จบ แต่เราได้นั่งดูวิดีโอนี้แค่ 45 นาทีนะ

 

2. วิดีโอมี 4 จอ จอนึงพูดถึงทหารญี่ปุ่นโดยใช้ภาษาญี่ปุ่น, จอที่สองพูดถึงทหารอังกฤษโดยใช้ภาษาอังกฤษ, จอที่สามพูดถึงทหารจีนคอมมิวนิสต์โดยใช้ภาษาจีน ส่วนจอที่สี่พูดถึงหนุ่มสาวคู่นึง และใช้ภาษาที่เราไม่รู้ว่าคือภาษาอะไร มันคือภาษามลายูหรือเปล่า โดยตัวละครทั้ง 4 กลุ่มนี้เหมือนผจญภัยในป่า+ทุ่งหญ้า และเผชิญกับเสือ + เสือสมิง

 

3. พอดูตัวละคร 4 กลุ่มเผชิญกับเสือสมิงในป่าลึกลับแบบนี้ เราก็เลยคิดว่า จริง ๆ แล้วควรมีการสร้างหนัง “ธี่หยด 4” หรือ DEATH WHISPERER 4 โดยทำออกมาเป็น video installation หรือ computer game แบบนี้ได้เลยนะ ให้ตัวละครในธี่หยด เข้าป่า แล้วเผชิญกับความลี้ลับต่าง ๆ ที่สร้างภาพโดย AI 55555

 

4. PHANTOMS OF ENDLESS DAY เป็นวิดีโอที่ดูสนุกมาก เราต้องคอยหมุนตัวไปมาเพื่อดูวิดีโอ 4 จอ เพราะตัวละครในแต่ละจอมักจะสลับกันพูดแบบ voiceover เพราะฉะนั้นพอจอไหนเริ่มพูด เราก็จะหมุนตัวไปดูจอนั้นเป็นหลัก

 

ไม่แน่ใจว่า “ความ 4 ภาษา” ปะทะกันตลอดเวลาแบบนี้ ในแง่นึงคือการสะท้อนความเป็น “พหุวัฒนธรรม” ของสิงคโปร์ด้วยหรือเปล่า

 

5. เนื้อหาในจอญี่ปุ่นจะโหดร้ายทารุณสุดขีด เพราะมันพูดถึงการที่ทหารญี่ปุ่นเข่นฆ่าชาวจีนจำนวนมากในสิงคโปร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

 

6. เนื่องจากภาพในหนังเรื่องนี้สร้างโดย AI ตลอดทั้งเรื่อง เราก็เลยพยายามนึกว่า เราเคยดูหนังที่ใช้ภาพจาก AI ตลอดทั้งเรื่องเรื่องไหนบ้าง ตอนนี้ก็เลยนึกออกแค่ 5 เรื่อง (ไม่นับพวกมิวสิควิดีโอที่สร้างจาก AI นะ)

 

โดยหนัง AI อีก 4 เรื่องที่เราได้ดูก็คือ

 

6.1 EMISSARY SUNSETS THE SELF (2017, Ian Cheng, A+30)

 

เหมือนหนังเรื่องนี้ก็เป็น “หนังไม่รู้จบ” เหมือนกัน เพราะเราเดาว่าหนังเรื่องนี้ใช้ AI ในการสร้างภาพไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นตัวละครในหนังก็เลยเหมือนทำอะไรไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้จบ ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ

 

6.2 AIMAGINATION (2023, Tanapong Thepparak, Warat Bureephakdee, Midjourney AI, documentary, A+15)

 จินตนากานท์ (ธนพงศ์ เทพรักษ์วรัตต์ บุรีภักดี, Midjourney AI / 19.59 นาที

 

อันนี้ใช้ภาพนิ่งที่สร้างโดย AI ตลอดทั้งเรื่อง

 

6.3 THE EGGREGORES’ THEORY (2024, Andrea Gatopoulos, Italy, 16min, A+30)

อันนี้ใช้ภาพนิ่งที่สร้างโดย AI ตลอดทั้งเรื่อง

 

6.4 VERNACULAR DREAMSCAPES: NOCTURNAL DREAM DISPOSAL (2024, Marc Richter, Germany, 9min, A+30)

 

อันนี้ใช้ภาพเคลื่อนไหวที่สร้างโดย AI เป็นส่วนสำคัญ ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ

 

7. เหมือนพอดูหนังหลาย ๆ เรื่องที่ใช้ภาพจาก AI เหล่านี้แล้ว เราก็เลยพบว่า

 

7.1 ภาพและภาพเคลื่อนไหวจาก AI ตอนนี้สามารถนำมาใช้รองรับ “การเล่าเรื่อง” ได้แล้ว

 

7.2 ภาพและภาพเคลื่อนไหวจาก AI ตอนนี้สามารถนำมาใช้รองรับ “การนำเสนอไอเดียของผู้กำกับ” ได้แล้ว

 

7.3 คุณลักษณะเด่นของภาพ+ภาพเคลื่อนไหวจาก AI ในตอนนี้คืออารมณ์ surreal, ความเหนือจริง, ความหลอน, ความ otherworldly คือถ้าหากผู้กำกับคนไหนต้องการอารมณ์ส่วนนี้เป็นหลัก ก็ใช้ภาพจาก AI ได้

 

7.4 คุณลักษณะเด่นของภาพเคลื่อนไหวจาก AI ในตอนนี้ ก็คือ “อารมณ์ตลก” จากความไม่สมจริง ความไม่สมประกอบของ “มนุษย์” ในภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเราว่า Radu Jude ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ดีสุดขีดในหนังเรื่อง DRACULA (2025, Rad Jude, Romania, A+30) และอารมณ์ตลกแบบนี้ก็พบได้ใน PHANTOMS OF ENDLESS DAY ด้วยเช่นกัน

 

7.5 แต่สิ่งที่เรายังไม่พบจาก “หนัง AI” ในตอนนี้ก็คือ “อารมณ์ซาบซึ้ง” แบบที่พบได้ในหนังของ Eric Rohmer, Hong Sang-soo, Mike Leigh, John Cassavetes, Paul Morrissey, Mikio Naruse, etc. อะไรทำนองนี้น่ะ เหมือนอารมณ์แบบนี้ยังต้องการการนำเสนอผ่าน “มนุษย์ที่ดูสมจริง” อยู่

 

ก็ต้องรอดูว่า เทคโนโลยี AI จะพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้เมื่อไหร่ หรือเทคโนโลยี AI อาจจะไม่จำเป็นต้องพัฒนาไปถึงจุดนั้นก็ได้ เพราะที่มันเป็นอยู่นี้ มันก็มีประโยชน์ในแบบของตัวมันเองอยู่แล้ว และเราก็ชอบ “ความเหนือจริง + ความฮา” ที่เกิดจาก “หนัง AI” เท่าที่เราเคยดูมามาก ๆ

 

+++

 

สรุปว่าตอนนี้เราได้ดู BEAUTIFUL DUCKLING (1965, Lee Hsing, Taiwan, A+30) และ THE DUCKLING เป็ดน้อย (1968, Prince Panupan Yukol พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล, A+30) ไปแล้ว ก็เลยได้แต่รอว่า จะมีคนนำหนังเรื่อง DON’T TORTURE A DUCKLING (1972, Lucio Fulci, Italy) มาลงโรงฉายในไทยด้วยนะคะ จะได้ดูครบ “ไตรภาค DUCKLING” 55555 หรือถ้าหากมีคนจัดงาน LUCIO FULCI RETROSPECTIVE ในไทยด้วย ก็จะดีมาก ๆ เลยค่ะ