This is my comment in Bioscope Webboard:
http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=908.0
--อ่านจบแล้ว แต่ไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไง มันค่อนข้างเศร้าๆ เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่ขอแสดงความเห็นต่อเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วกันนะ แต่เราขอเขียนบรรยายถึงความรู้สึกของเราว่าเราอ่านเรื่องนี้แล้วมีบางจุดที่ทำให้นึกไปถึงชีวิตเราเองยังไงบ้าง
อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วมีบางจุดเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรานึกถึงความรู้สึกเศร้าๆในอดีตของเราที่มีต่อคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็ออกไปจากชีวิตของเราน่ะ และปรากฏว่าคนที่บรรยายความรู้สึกของเราตรงจุดนี้ได้ดีคือใครก็ไม่รู้ที่เราจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นคนเขียนวิจารณ์ DAYS OF BEING WILD ใน STARPICS เมื่อหลายปีก่อน เขาเขียนว่าชีวิตคนเราแต่ละคนก็เหมือนรถไฟหนึ่งขบวนที่แล่นไปยังสถานีปลายทาง คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็เหมือนกับผู้โดยสารรถไฟ บางคนก็โดยสารระยะใกล้ บางคนก็โดยสารระยะไกล บางคนก็อยู่กับเรานาน บางคนก็อยู่กับเราไม่นาน บางคนก็ลงจากรถไฟ (ออกจากชีวิตของเรา) ไปโดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะรถไฟต้องแล่นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง (หรือจนกว่าเราจะตาย) เราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้คนแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราออกไปจากชีวิตของเราเมื่อเขายินดีและต้องการจะทำเช่นนั้น และได้แต่หวังว่าจะมีผู้โดยสารดีๆคนใหม่มาขึ้นขบวนรถไฟของเราในสถานีหน้า
ความเห็นนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องสั้นของต่อสักเท่าไหร่ แต่อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วทำให้นึกไปถึงความรู้สึกเศร้าๆของตัวเองเวลาที่ต้องอำลาจากใครสักคน
--เนื่องจากดิฉันรู้สึกเศร้าๆกับการอำลา ก็เลยขอมอบเพลงเศร้าๆให้ตัวเอง นั่นก็คือเพลง BABY DON'T SAY GOODBYE (1989) ของวง DEAD OR ALIVE ซึ่งเป็นเพลงแดนซ์เศร้าๆที่ดิฉันชอบสุดๆเพลงนึง
ดูคลิปการแสดงเพลง BABY DON'T SAY GOODBYE ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=es2l0lXtXvQ
ถ้า "ฟัง" เพลงนี้เฉยๆ ดิฉันจะรู้สึกเศร้ามาก แต่พอ "ดู" การแสดงประกอบเพลงนี้แล้ว ดิฉันกลับรู้สึกฮามาก เพราะนักร้องชายของวง DEAD OR ALIVE เธอแสดงได้สุดสวิงริงโก้อีโต้บัมพ์จริงๆ
เนื้อเพลง BABY DON'T SAY GOODBYE
Ah Ah Baby don't say goodbye,
The word is out that we'll soon be parted,
Out of sight isn't out of mind,
So spare a thought for me,
I guess you couldn't face,
The heavy responsibility,
of looking at my face,
And knowing you could never lie to me,
Bad dreams can come true
I woke up this morning and I knew I was losing you
Breaking hearts never make a noise,
If they did it would be a sad sound,
I'm not like the other boys,
I refuse to stay here and be clowned around with,
Your love cause pain,
And if I had the chance,
I'd do it all again.
Ah Ah Baby don't say goodbye,
The word is out that we'll soon be parted,
Out of sight isn't out of mind,
So spare a thought for me,
Ah Ah Baby don't say goodbye,
Please spare a thought for the broken hearted,
My love baby, it blew your mind
Some things are meant to be,
You were meant for me.
Your love caused pain,
And if I had the chance,
I'd take you back again.
Black leather roses wrapped in chain,
You gave romantically,
A jacket studded with your name,
These things I keep eternally,
Bad dreams can come true
I woke up this morning and I knew I was losing you
Ah Ah Baby don't say goodbye...
I've been to New York, Paris, and the south of Spain,
And I'll never find a lover like you again,
I hear a Four Tops record on the radio,
And the words remind me, I miss you.
Your love caused pain,
But if I had the chance, I'd do it all again
Ah Ah Baby don't say goodbye
--การที่ตัวละครใน THE EMPTY SKY รู้สึกลังเลว่าจะจูบกันก่อนลาจากกันดีหรือไม่ ทำให้นึกไปถึงหนังเรื่องนึงที่อยากดูอย่างสุดๆในตอนนี้ ซึ่งก็คือเรื่อง SHALL WE KISS? (2007, Emmanuel Mouret, France) สาเหตุที่อยากดูหนังเรื่องนี้มากๆเป็นเพราะว่า Emmanuel Mouret เคยกำกับหนังเรื่อง CHANGE OF ADDRESS (2006, A++++++) ซึ่งติดหนึ่งใน 20 หนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในปี 2007 คนที่ไปดูเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีที่แล้วคงจำ Emmanuel Mouret ได้ดี เพราะผู้กำกับที่ไม่หล่อแต่มีบุคลิกน่ารักคนนี้มา Q&A ในเทศกาลหนังด้วย
CHANGE OF ADDRESS มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ทั้งสองต่างก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายหนึ่งในตอนแรก และเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่ "เพื่อน" เท่านั้น แต่ในเวลาต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งสองก็สลับกันไปมาระหว่างความเป็นเพื่อนกับความเป็นแฟน หนังเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้นึกถึง "เพื่อนสนิท" (A+) แต่ในความเห็นส่วนตัวของดิฉันนั้น CHANGE OF ADDRESS ดู "จริง" กว่ามาก และสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ที่ "เอาแน่เอานอนไม่ได้" และ "เต็มไปด้วยความรู้สึกก้ำๆกึ่งๆ" ได้อย่างสุดยอดมากๆ รู้สึกว่าคุณ BLACK FOREST ก็จะชอบหนังเรื่องนี้มากๆเหมือนกัน นอกจากนี้ ดิฉันยังมีความเห็นคล้ายๆกับนักวิจารณ์บางคนอีกด้วยว่า หนังของ Emmanuel Mouret มีอะไรบางอย่างที่ทำให้นึกถึงหนังของ Eric Rohmer (หรืออาจจะทำให้นึกถึง Woody Allen + Caveh Zahedi)
ส่วน SHALL WE KISS? มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่ได้พบปะทำความรู้จักกันโดยบังเอิญ ทั้งสองเริ่มรู้สึกโรแมนติกต่อกัน แต่เมื่อถึงตอนกลางคืนที่ทั้งสองต้องอำลากัน ฝ่ายหญิงสาว (Julie Gayet) กลับไม่ยอมให้ชายหนุ่มจูบอำลา เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า "การจูบเพียงหนึ่งครั้งอาจส่งผลให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปทั้งชีวิตได้" และหญิงสาวก็ได้เล่านิทานเรื่องหนึ่งเพื่อเป็นสาธกโวหาร
นิทานที่หญิงสาวเรื่องนี้เล่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่ม (Emmanuel Mouret) + หญิงสาว (Virginie Ledoyen) ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้ว ต่อมาชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องฝึกฝนเรื่องการจูบผู้หญิง แต่ไม่มีโสเภณีที่ไหนยอมให้เขาจูบ ชายหนุ่มก็เลยลองถามเพื่อนสนิทคนนี้ดูว่าจะช่วยเป็นคู่ซ้อมให้เขาได้หรือไม่ และหญิงสาวก็ตอบตกลง
Images of SHALL WE KISS? from outnow.ch
http://outnow.ch/Media/Img/2007/BaiserSIlVousPlait/
Friday, February 08, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment