SHOKUNIN (2014, Nuttachai Jiraanont, A+30)
ความเห็นที่มีต่อ “ซูชิเนื้อคน”
1.เราไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็น thriller หรือ horror อย่างเต็มตัวนะ
เพราะมันไม่ได้มีความลุ้นระทึก สนุก ตื่นเต้น แบบหนัง thriller หรือ horror ทั่วๆไปน่ะ และมันก็ไม่ได้เป็น psychological
study อะไรด้วย มันดูเป็นหนัง revenge แบบ stylish
มากกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราในหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่ความสนุก,
ตื่นเต้น หรือเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม หรือสัญลักษณ์อะไรก็ตามที่อาจจะมี
(แต่เราไม่ได้สนใจมัน) แต่กลับเป็น style ของมัน เราว่าถ้าใครชอบ
style ของหนังเรื่องนี้ ก็อาจจะชอบหนังเรื่องนี้มากๆก็ได้
จริงๆแล้วเราไม่สามารถเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเข้าข่ายหนังประเภท “STYLE IS THE SUBSTANCE” (style กลายเป็นสาระสำคัญของหนัง) นะ เพราะหนังเรื่องนี้อาจจะมีสาระสำคัญอื่นๆนอกเหนือจาก
style เหมือนกัน
แต่เพียงแค่ว่าสิ่งที่เราชอบมากในหนังเรื่องนี้ค่อนไปทาง “สไตล์” มากกว่า “เนื้อเรื่อง”
น่ะ
2.ฉากที่ติดตาเรามากที่สุดในเรื่องนี้คือฉากที่กล้องโคลสอัพเข้าไปที่ดวงตาของ
Shokunin เราว่าช็อตนี้สวยมากๆ,
ติดตามากๆ และทรงพลังมากๆ โดยที่เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราชอบสไตล์ของหนังเรื่องนี้
3.ส่วนฉากผู้ร้ายกินลูกตาของหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงหนังผีเรื่อง HOUSE ของ Nobuhiko
Obayashi
4.สิ่งที่เราชอบสุดๆในหนังเรื่องนี้คือบุคลิกของตัวละครหญิง 2
ตัวที่มันดูนิ่งสงบ, เลือดเย็น และเข้าทางเรามากๆ เราจะชอบตัวละครหญิงสองตัวในหนังเรื่องนี้มากๆ
คือถ้าหากเราแต่งนิยายหรือสร้างหนัง
เราก็จะสร้างตัวละครหญิงออกมาคล้ายๆแบบในหนังเรื่องนี้แหละ
ตัวนางเอกในหนังเรื่องนี้ดูแล้วทำให้เรานึกถึงตัวละครแบบนางเอกของเรื่อง
“เจ้านาง” และเรื่อง “ล่า” นะ
คือนางเอกแบบนี้จะเริ่มต้นด้วยการตกเป็นเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำก่อน
แล้วเธอก็จะลุกขึ้นมาแก้แค้น แล้วก็กลายเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตไร้หัวใจไปเองในที่สุด
5.การที่เราชอบ “บุคลิก” ของตัวละครหญิงสองตัวในหนังเรื่องนี้มากๆ
ทำให้เรานึกถึงทฤษฎีที่เราเคยได้ยินมา นั่นก็คือผู้ชมภาพยนตร์บางคน
โดยเฉพาะผู้ชมภาพยนตร์ที่เป็นเกย์หรือกะเทย จะหลงใหลภาพยนตร์บางเรื่องมากๆ
แต่ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องของมัน แต่เป็นเพราะ “การโพสท่าของตัวละครหญิง” ในหนังเรื่องนั้น
และเราว่าเราชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะสาเหตุนี้นี่แหละ
เราชอบอากัปกิริยาและบุคลิกของตัวละครหญิงสองตัวในหนังเรื่องนี้
6.อีกสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจดี
ก็คือหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึง “การ hybrid กันของหนังสยองขวัญกับหนังอาร์ท”
น่ะ คือมันทำให้เรานึกถึงหนังประเภท
6.1 หนังในยุค 1970 พวกที่กำกับโดย Jesus Franco, Jean Rollins อะไรพวกนี้ คือหนังพวกนี้มันมีเนื้อเรื่องเหมือนหนังสยองขวัญ
มีตัวละครแวมไพร์ดูดเลือด แต่มันไม่มีความสยองขวัญน่ากลัวอะไรเลย
สิ่งที่สำคัญในหนังประเภทนี้คือความสง่างามของตัวแวมไพร์,
การตัดภาพแมงป่องเข้ามาเป็นระยะๆโดยไม่รู้ว่าสื่อถึงอะไร, การตัดภาพให้เข้ากับจังหวะเพลงไซคีดีลิก,
การโพสท่าของตัวละคร ฯลฯ
คือ ซูชิเนื้อคน มันไม่ได้คล้ายคลึงอะไรกับหนังของ Jesus Franco หรือ Jean
Rollins นะ แต่มันทำให้เรานึกถึงหนังกลุ่มนี้ เพราะมันเป็นหนัง stylish
ที่มีองค์ประกอบของหนังสยองขวัญเหมือนกัน
6.2 หนังนอกกระแสเกี่ยวกับการกินเนื้อคน อย่างเช่น
6.2.1 PAIN (1994, Eric Khoo, Singapore)
6.2.2 THE COOK, THE THIEF, HIS WIFE & HER LOVER (1989, Peter
Greenaway)
6.2.3 TROUBLE EVERY DAY (2001, Claire Denis)
เราคิดว่ามันน่าสนใจดีที่หนังอาร์ทหรือหนังนอกกระแสหลายเรื่องนำเสนอเรื่องการกินเนื้อคน
มันเหมือนกับว่าการกินเนื้อคนถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งที่แตกต่างกันไปในหนังแต่ละเรื่องน่ะ
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการกินเนื้อคนใน “ซูชิเนื้อคน”
มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อะไรหรือเปล่า
แต่เราว่าคงเป็นเรื่องดีถ้าหากจะมีนักวิจารณ์หนังคนไหนหยิบประเด็นเรื่องการกินเนื้อคนในหนังเหล่านี้มาเขียนวิเคราะห์เปรียบเทียบให้พวกเราได้อ่านกัน
(จริงๆแล้ว เต้
ไกรวุฒิเคยเขียนวิเคราะห์ถึง TROUBLE EVERY DAY ไปแล้วใน BIOSCOPE
เล่มเก่าๆได้อย่างดีมาก)
No comments:
Post a Comment