Saturday, November 15, 2014

BEFORE I GO TO SLEEP (2014, Rowan Joffe, A+15)

BEFORE I GO TO SLEEP (2014, Rowan  Joffe, A+15)

SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
ตอนที่ดู BEFORE I GO TO SLEEP จะนึกถึงหนังอีกสองเรื่องที่เป็น thriller เกี่ยวกับผู้ป่วยความจำเสื่อม ซึ่งก็คือเรื่อง MEMENTO (2000, Christopher Nolan) กับ SHATTERED IMAGE (1998, Raul Ruiz) และเราชอบหนังทั้งสามเรื่องนี้ในจุดที่แตกต่างกันไป โดยในกรณีของ MEMENTO นั้น เราทึ่งกับคอนเซปท์ของหนังมากๆ ที่เป็นการเล่าเรื่องย้อนหลังไปเรื่อยๆ เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้สุดๆในแง่คอนเซปท์และบทภาพยนตร์

ส่วนในกรณีของ SHATTERED IMAGE นั้น หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่เราชอบน้อยกว่าหนังเรื่องอื่นๆของ Raul Ruiz แต่ก็จัดเป็นหนังที่ชอบพอสมควรอยู่ดี โดยเราชอบการตัดสลับระหว่างความจริงกับความลวงในหนังเรื่องนี้ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ไม่มีใน BEFORE I GO TO SLEEP หนังสองเรื่องนี้ก็เลยมีเสน่ห์แตกต่างกันสำหรับเรา คือใน SHATTERED IMAGE นั้น เราชอบการตัดต่อ, ความรู้สึกเบลอๆระหว่างความจริงกับความลวง, บรรยากาศหรือโทนของหนัง แต่หนังมันจะไม่ได้เปิดโอกาสให้เราอินกับตัวนางเอกเหมือนอย่าง BEFORE I GO TO SLEEP น่ะ ซึ่งนั่นเป็นลักษณะเฉพาะของ Raul Ruiz ด้วยมั้ง คือหนังของเขาจะไม่ได้เน้นการสร้างตัวละครให้เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออารมณ์ในแบบที่จะทำให้คนดูรู้สึกสนิทชิดเชื้อด้วยได้ เวลาที่เราดูหนังของรูอิซ เราจะรู้สึกมีระยะห่างระหว่างเรากับตัวละครในระดับนึง แต่เราจะสนุกกับองค์ประกอบอื่นๆในหนังของรูอิซอย่างมากๆ

พูดแล้วก็ขอนอกเรื่องเกี่ยวกับรูอิซอีกนิดนึง คือนอกจาก SHATTERED IMAGE กับ BEFORE I GO TO SLEEP จะสามารถนำมาเทียบเคียงกันได้อย่างมากๆแล้ว ยังมีหนังอีกเรื่องของนิโคล คิดแมนที่เหมาะนำมาเทียบเคียงกับหนังของราอูล รูอิซด้วย นั่นก็คือหนังเรื่อง BIRTH (2004, Jonathan Glazer) กับ COMEDY OF INNOCENCE (2000, Raul Ruiz) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปริศนาลึกลับในชีวิตของเด็กชายคนนึงเหมือนกัน โดยในกรณีของ BEFORE I GO TO SLEEP และ BIRTH นั้น หนังทั้งสองเรื่องนี้พึ่งพาฝีมือทางการแสดงของนิโคล คิดแมนอย่างรุนแรงมาก และการแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเธอทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ในขณะที่หนังของราอูล รูอิซเรื่อง SHATTERED IMAGE กับ COMEDY OF INNOCENCE ไม่ได้มีจุดเด่นที่การแสดงแบบขั้นเทพของนักแสดง แต่มีความน่าสนใจในเรื่องการเล่นกับความจริงความลวงแทน

เอาล่ะกลับมาที่ BEFORE I GO TO SLEEP คือถ้าหากนำหนังเรื่องนี้ไปเทียบกับ MEMENTO และ SHATTERED IMAGE แล้ว เราว่าหนังเรื่องนี้มันดูเป็นหนังธรรมดาที่สุดน่ะ และใช้กลไกธรรมดาๆในการให้ความสุขกับผู้ชมอย่างเรา นั่นก็คือผู้ชมบางกลุ่มอย่างเช่นเรา จะอินกับตัวนางเอกในระดับนึง (โดยเฉพาะผู้ชมที่มีอายุ 41 ปีอย่างเรา ซึ่งใกล้เคียงกับอายุนางเอก และฝันอยากจะมีบ้านมีสามีอบอุ่นแบบที่นางเอกตื่นนอนขึ้นมาเจอ) และจะรู้สึกเหมือนได้ผจญภัยไปพร้อมๆกับนางเอก และลุ้นไปกับตัวนางเอกว่าจะหาทางรับมือกับสถานการณ์คับขันและแก้ไขปัญหาชีวิตตัวเองได้อย่างไร เพราะฉะนั้นสำหรับเราแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สนุกดี แต่เสียดายที่มันลงเอยง่ายไปหน่อย คือมันไม่ได้มีฉากลุ้นระทึกอะไรมากมายสักเท่าไหร่


อีกจุดที่ทำให้เราชอบหนังมากๆ คือเราชอบประเด็นเรื่อง “การสร้างความทรงจำลวง หรือการสร้างอดีตลวง” น่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราพบเจอในสังคมไทย และพบเจอในหนังการเมืองของประเทศอื่นๆด้วย อย่างเช่น THE NASTY GIRL (1990, Michael Verhoeven, Germany, A+30) ที่สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับเด็กหญิงที่ทำรายงานเกี่ยวกับประวัติเมืองของตัวเอง และพอเธอค้นคว้าข้อมูลไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่าพวกผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองโกหกประวัติเกี่ยวกับเมืองตัวเองหมดเลย เธอก็เลยจะเปิดโปงเรื่องนี้ และเธอก็เลยกลายเป็นที่รังเกียจของชาวเมือง เพียงเพราะเธอพยายามจะทำลาย “ความทรงจำลวง หรืออดีตลวง” ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพยายามจะฝังหัวให้เธอ

คือเราชอบประเด็นนี้ มันก็เลยเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เราชอบ BEFORE I GO TO SLEEP น่ะ ถึงแม้ว่า BEFORE I GO TO SLEEP ไม่ได้ตั้งใจจะมีแง่มุมทางการเมืองก็ตาม

อีกประเด็นนึงที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ ก็คือว่า ในบางครั้งเพื่อนๆเรามักจะบอกเราว่า เราเคยพูดประโยคนั้น ประโยคนี้ในอดีต หรือเราเคยทำพฤติกรรมนู่นนั่นนี่ในอดีต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราลืมไปแล้ว แต่ในบางครั้ง เราก็มั่นใจว่า เพื่อนเราจำผิดแน่ๆ หรือไม่เพื่อนเราก็จงใจโกหกแน่ๆ เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่เคยพูดเช่นนั้นในอดีตแน่นอน หรืออะไรทำนองนี้ อย่างเช่นมีเพื่อนคนนึงเคยเล่าให้เรากับเพื่อนคนอื่นๆฟังว่า ตอนป.5 จิตรเคยพูดกับอาจารย์ประจำชั้นว่า “ผมมีปิ๊” ซึ่งเรามั่นใจว่าเราไม่เคยพูดกับอาจารย์อย่างนั้นแน่นอน เพราะตอนป.5 เรายังไม่เคยได้ยินคำว่าปิ๊มาก่อนเลย

เพราะฉะนั้นพอดู BEFORE I GO TO SLEEP เราก็เลยนึกถึงตัวเองในแง่ที่ว่า พอเรานอนหลับในแต่ละวัน หรือตื่นเช้าขึ้นมาในแต่ละวัน เราจะค่อยๆหลงลืมบางสิ่งในอดีตไปทีละน้อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากเราไม่อยากลืม เราก็ต้องจดบันทึกมันไว้ใน facebook, blog หรืออัดเทป, อัดวิดีโอเก็บไว้ ในขณะที่เพื่อนๆเราก็อาจจะช่วยเราจดจำอดีตที่เราหลงลืมไปแล้วได้ด้วยเช่นกัน แต่ในบางครั้ง เพื่อนๆเราหรือคนใกล้ตัวเรานี่แหละ ที่อาจจะสร้าง “ความทรงจำลวง” ให้กับเรา 555


(จริงๆจุดประสงค์ของการเขียนนี้คือต้องการจะโปรโมทให้คนไปดูหนังของ Raul Ruiz จบ)

No comments: