Saturday, January 07, 2017

10 AUDIENCES (2016, Jakkrapan Sriwichai)

หนังสั้นไทยที่เราชอบเป็นอันดับ 46 ของปี 2016 คือ 10 AUDIENCES (2016, Jakkrapan Sriwichai) และถือเป็นหนึ่งในหนัง horror ที่เราชอบมากที่สุดในปี 2016 ด้วย

จริงๆแล้วตอนดูหนังเรื่องนี้จบใหม่ๆเราชอบแค่ในระดับ A+25 นะ เพราะรู้สึกว่าตอนจบมันไม่ค่อยเปรี้ยงน่ะ เหมือนมันน่ากลัวมาตลอดเรื่อง แต่ตอนจบมันไม่ได้มีอะไรรุนแรงสุดขีด หรือไม่ได้มีอะไรเกินความคาดหมาย (คือหนังแนว horror มันมักจะมีอะไรรุนแรงสุดขีด หรือมีการหักมุมตอนจบไง) เราก็เลยไม่ได้ชอบหนังในระดับ A+30

แต่พอเวลาผ่านมาระยะนึง เรากลับรู้สึกว่าหนังมันยังคงอยู่ในใจเรา เพราะช่วงกลางๆเรื่องที่ผีโผล่มาแต่ละตัวนี่ หนังมันทำได้ดีมากๆ และยิ่งพอเราดูหนังผีไทยเรื่องอื่นๆในปีนี้แล้วด้วยนี่ เรากลับพบว่าแทบไม่มีเรื่องไหนสร้างความน่ากลัวได้เท่า 10 AUDIENCES เลย ทั้งๆที่ 10 AUDIENCES ก็ไม่น่าจะใช้ทุนสร้างสูงแต่อย่างใด หนังเรื่อง 10 AUDIENCES เลยเหมือนกลายเป็น benchmark หรือบรรทัดฐานที่เราใช้ตัดสินหนังผีเรื่องอื่นๆไปโดยอัตโนมัติ คือถ้าหนังผีเรื่องไหนสร้างความน่ากลัวได้ไม่เท่า 10 AUDIENCES นี่ แสดงว่าผู้กำกับหนังเรื่องนั้นยังไม่เก่งจริง หรือยังไม่ถนัดในการสร้างความน่ากลัวแบบนี้ เพราะการสร้างความน่ากลัวแบบนี้มันไม่ต้องอาศัยเงินทุนมหาศาล แต่มันต้องอาศัยคนที่เข้าใจวิธีการสร้างหนังแบบนี้จริงๆ

เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ใช้วิธีการแบบไหน มันถึงสร้างผีออกมาในแบบที่ทำให้เรากลัวหรืออยู่ในใจเราได้ มันต้องอาศัยทั้งการสร้างบรรยากาศ, การแต่งหน้าตัวละคร, การกำกับบุคลิกของผี, จังหวะการปรากฏตัว, การคุมความมืดความสว่างในฉาก, การเล่นกับจังหวะอารมณ์ของบทภาพยนตร์ ฯลฯ คือเราว่าผู้กำกับเขาแม่นมากในเรื่องพวกนี้น่ะ มันถึงทำได้แบบนี้

คือพอดู 10 AUDIENCES แล้ว มันทำให้เรานึกไปถึงความกลัวของเราที่มีต่อละครโทรทัศน์แนวสยองขวัญของไทยเมื่อ 30 ปีก่อนมากๆเลยนะ เราจำได้ว่าในช่วงต้นทศวรรษ 1980 นั้น เรากลัวผีในละครทีวีเรื่องห้องหุ่น, กระสือ, ปอบผีฟ้า, ภาพอาถรรพณ์, พิษสวาท (เวอร์ชั่นรัชนู บุญชูดวง), คฤหาสน์ดำ มากๆเลยน่ะ แต่เรากลับพบว่า ละครทีวีไทยตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ไม่ทำให้เรากลัวในแบบนั้นได้เลย (มียกเว้นอยู่บ้างบางเรื่อง อย่างเช่น บ่วง” เวอร์ชั่นพิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) เราก็เลยสงสัยว่า มันเป็นเพราะเราโตขึ้น, หรือเป็นเพราะสภาพบ้านเมืองเปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะว่าผู้สร้างละครทีวีไทยสูญเสียความสามารถในการสร้างความน่ากลัวไปแล้วกันแน่ เราถึงไม่รู้สึกกลัวผีในละครทีวีไทยอีก

พอดู 10 AUDIENCES แล้ว เราก็เลยค่อนข้างแน่ใจว่า มันไม่ได้เป็นเพราะเราโตขึ้นหรอก เพราะตอนนี้เราโตแล้ว แต่ก็ยังกลัวผีใน 10 AUDIENCES อยู่ มันน่าจะเป็นเพราะว่าความสามารถในการสร้างความน่ากลัวแบบในช่วงต้นทศวรรษ 1980 มันกลายเป็นของหายากในยุคปัจจุบันแล้วต่างหาก (แต่เราก็ไม่ได้ดูละครทีวีมานานแล้วนะ ช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีละครทีวีผีไทยที่ดีมากๆที่เรายังไม่ได้ดูก็ได้)

จริงๆแล้วก็มีหนังผีไทยที่เราชอบมากๆหลายเรื่องนะในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา แต่หนังผีไทยที่เราชอบเพราะ “ความน่ากลัว” มันมีน้อยน่ะ อย่างเช่นเรื่อง ป่าหลังบ้านของเหมียว (CARNIVORE EATER) (2014, Thanatpond Nakprom), THE LAST TAPE (2009, Prasertsak Roongroj) และเรื่อง ALONE (2006, Teera Prachumkong)


หนังผีไทยที่เราชอบสุดๆส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะชอบเพราะสาเหตุอื่นๆนอกเหนือไปจาก “ความน่ากลัว” น่ะ อย่างเช่น หนังผีหลายเรื่องของคุณ Monthon Arayangkoon เราก็ชอบเพราะ “ประเด็น”, “การผูกเรื่อง” และ “การกำกับ”, หนังผีอย่าง “ลองของ” เราก็ชอบการผูกเนื้อเรื่องในหนัง,  THE EYES DIARY (2014, Chookiat Sakveerakul) เราก็ชอบไอเดียเรื่องปฏิกิริยาที่ผีมีต่อกัน, “อยากเห็นผี 3 ตอน บ้านสยอง” (2010, Jinna Rujisenee) เราก็ชอบที่ “ไอเดีย” หรือล่าสุดหนังเรื่อง “ฝันสามบาท” ของคุณ Sompong Soda เราก็ชอบ “การโพสท่า” ของตัวละครมากมายในเรื่อง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าผีในหนังมันน่ากลัวแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังมีหนังผีไทยอีกมากมายหลายเรื่อง ที่เราชอบเพราะ “ประเด็นการเมือง” ในหนัง

10 AUDIENCES ก็เลยถือเป็นหนึ่งในหนังผีไทยไม่กี่เรื่อง ที่โดนใจเราเพราะ “ความน่ากลัว” ไม่ใช่เพราะองค์ประกอบอื่นๆในหนัง


สรุปว่าดูหนังสั้นของคุณ Jakkrapan Sriwichai มาหลายเรื่องแล้ว เราอยากให้เขาได้ทำหนังยาวลงโรงฉายตามปกติมากๆ เพราะเราว่าเขามีศักยภาพที่จะสร้างหนัง mainstream ที่ดีมากๆได้ ไม่ว่าจะเป็นหนัง horror หรือ sci-fi บางทีถ้าหากมีนายทุนให้เขาทำหนังยาวฉายโรง เขาอาจจะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ James Wan ก็ได้

No comments: