FAVORITE THINGS ABOUT MOVING IMAGES IN 2016
1.หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราในปีนี้ ก็คือการที่มูลนิธิหนังไทยติดต่อมาให้เราเลือกหนังที่อยากดูที่เคยฉายในเทศกาลหนังสั้นในช่วง
20 ปีที่ผ่านมา เรารู้สึกดีใจมากๆที่ได้ทำสิ่งนี้ และมีความสุขมากๆที่ได้ดูหนังสั้นในโปรแกรม
“ความปรารถนาของคุณจิตร”
โดยมีเพื่อนๆและคนอื่นๆอีกหลายคนได้มาดูด้วย ดีใจมากๆที่เรากับเพื่อนๆได้ดูหนังเหล่านี้ด้วยกัน—SIAM SQUARE (1998, Chanarai
Sutthibutr), TOUGH RULE...COOL KIDS (1999, Sriwattana Wedreungvit), TROUBLE 100%
(2000, Taweelarp Sae-oui), WHEN KOSIT WENT TO DEATH (2001, Kosit Juntaratip),
METROPOLIS: MASSACRE (2001, Montree Sae-lo), THE DEVIL RULES THE CAPITAL CITY
(2001, Manussak Dokmai) และ HIGHWAY-SATOR (2003, Suwit
Maprajuab)
เมื่อไม่กี่วันก่อน เราเพิ่งได้ดูหนังเรื่อง IT’S A WONDERFUL LIFE (1946, Frank
Capra) ที่ Bangkok Screening Room หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายวัยกลางคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย
แต่เทวดาก็ช่วยให้เขาได้รำลึกว่า เขาเคยทำสิ่งใดไว้บ้างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
เพื่อที่เขาจะได้เห็นคุณค่าของตัวเอง และมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
พอดู IT’S A WONDERFUL LIFE เราก็เลยคิดถึงตัวเอง และก็เลยนึกถึงโปรแกรม
“ความปรารถนาของคุณจิตร” ด้วย มันเหมือนกับว่า ถ้าหากต้องนึกถึงสิ่งดีๆหรือสิ่งที่มีคุณค่าที่ตัวเองเคยทำในอดีต
การได้เลือกหนังในโปรแกรมนี้ก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราคิดถึงอย่างแน่นอน
ขอบพระคุณมูลนิธิหนังไทยมากๆสำหรับโอกาสนี้ครับ
2.การถือกำเนิดขึ้นมาของโรงภาพยนตร์ Bangkok Screening Room ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่น่ารักมากๆ และการได้ดูหนังอย่าง THE FITS
(2015, Anna Rose Holmer) และ HOT SUGAR’S COLD WORLD (2015,
Adam Bhala Lough) ที่โรงนี้
3.การไปดูหนังเรื่อง THE GHOST PEN วิญญาณรัก ผีปากกา
(2016, Weerasak Suyala) ในวันที่ 20 มี.ค. ที่ HAL ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ลุ้นระทึกมากๆว่าจะได้ดูหรือไม่
เพราะเจออุปสรรคขัดขวางประมาณ 10 อย่างในการดูหนังเรื่องนี้
แต่ในที่สุดก็สามารถดูได้โดยผ่านทางเครื่องเล่นเกม XBOX และจอยสติ๊ก
4.การได้ดูหนังในโปรแกรม Rhizome ของ Filmvirus โดยเฉพาะการได้ดูหนังทดลองยาว 3 ชั่วโมงเรื่อง TRAILERS (2016,
Rouzbeh Rashidi, Ireland) ในงานนี้
รู้สึกว่าการได้ดูหนังทดลองขนาดยาวในจอใหญ่แบบนี้เป็นอะไรที่เราโหยหามากๆ
5.การได้ดูหนังเรื่อง THINGS TO COME (2016, Mia
Hansen-Løve) ในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าหนังแบบนี้จะ
commercially released ในไทยได้ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว
6.งาน retrospective ของ Chantal Akerman และ Helke Sander ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์
7.การอ่านกลอนของคุณไอดา อรุณวงศ์ในงานฉายหนังเรื่อง BY THE TIME IT GETS DARK (2016,
Anocha Suwichakornpong) ในวันที่ 6 ต.ค.
8.การได้อ่านความเห็นของคนหลายๆคนที่มีต่อ BY THE TIME IT GETS DARK มันเหมือนกับว่าความเห็นของคนเหล่านี้มีความสำคัญมากๆสำหรับเราน่ะ เพราะคนดูแต่ละคนจะเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็นในหนังเรื่องนี้
หรืออาจจะคิดถึงสิ่งต่างๆมากมายที่เราไม่ได้คิดถึงในหนังเรื่องนี้
คือดู BY THE TIME IT GETS DARK แล้วในแง่นึงจะนึกถึงหนังของ Jean-Luc
Godard และ Chaloemkiat Saeyong น่ะ
เพราะหนังประเภทนี้เราดูแล้วเราจะรู้สึกถูกโฉลกและมีความสุขกับมันมากๆ แต่เราจะเข้าใจมันแค่
10% เท่านั้น และการได้อ่านความเห็นของคนอีกหลายๆคนที่มีต่อหนังเรื่องเดียวกันมันจะช่วยให้เราได้เห็นอะไรต่างๆมากมายที่เรามองไม่ออกด้วยตัวเอง
หรือคิดถึงอะไรต่างๆมากมายที่เราไม่ได้คิดถึงมาก่อน
9.การได้ดู INSURGENCY BY A TAPIR (2016,
Ratchapoom Boonbunchachoke, Wachara Kanha, Chaloemkiat Saeyong, Chulayarnnon Siriphol) หลังจากต้องรอคอยมานานราว 5 ปี
10.สื่อ “ภาพเคลื่อนไหว” ที่เราชอบมากๆในปีนี้ ไม่ได้มีแค่ภาพยนตร์,
video installation, TV series และ youtube clips อีกต่อไป แต่มันรวมไปถึง การ live ของใครบางคนใน facebook
และ profile video ของใครบางคนใน facebook
ด้วย ตอนนี้เราสามารถดู profile video ของชายหนุ่มบางคนแทนการดูหนังโป๊ได้แล้ว
555, การ live ของใครบางคนใน facebook ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นที่พักพิงทางใจของคนอื่นๆอีกหลายๆคน
ซึ่งรวมถึงเราด้วย และการ live ของชายหนุ่มบางคนใน facebook
ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิด สนิทสนม เหมือนได้อยู่ใกล้ๆกับเขาในเวลานั้นๆจริงๆ
ซึ่งมันแตกต่างจากการดูชายหนุ่มคนนั้นในจอภาพยนตร์ ที่มันจะมี “ความเหินห่างทางเวลา”
และมี “การปรุงแต่งทางองค์ประกอบต่างๆ” อยู่ด้วย การได้ดูชายหนุ่มบางคน live ทาง facebook มันช่วยขจัด “ความแตกต่างทางเวลา”
ออกไป และมันเหมือนการได้ดู “ชีวิตจริง” ของเขาที่ปราศจากการปรุงแต่ง และมันทำให้เรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับคนที่เราชอบมากยิ่งขึ้น
No comments:
Post a Comment