Sunday, May 21, 2023

A SHORT FILM ABOUT ONE MAN ON NEW YEAR EVE (2023, Naruepong Boonkert, short film, A+25)

 

A SHORT FILM ABOUT ONE MAN ON NEW YEAR EVE (2023, Naruepong Boonkert, short film, A+25)

 

1.เหมือนเป็นหนังที่ “เล่นท่ายาก” มากพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงว่าหนังเรื่องนี้กำกับโดยเด็กมัธยม เพราะหนังตลอดทั้งเรื่องเหมือนถ่ายทอดพฤติกรรมของชายหนุ่มคนหนึ่ง โดยมีทั้งฉากความฝันและฉากเหนือจริง เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และแต่ละฉากมีจุดประสงค์อะไร หรือหนังเรื่องนี้มีจุดประสงค์อะไร หนังไม่มีทั้ง dialogues และ voiceover โดยที่ครึ่งแรกของหนังมีลักษณะเกือบ ๆ จะเป็นหนังเงียบแบบไม่มี intertitles ด้วย เพราะฉะนั้นตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้เราจะรู้สึกงุนงงอย่างมากว่า ตัวละครเป็นใครมาจากไหน, สิ่งที่ตัวละครทำคืออะไร, เขาทำไปเพื่ออะไร, อะไรเกิดขึ้นจริงบ้าง, etc.

 

2.เพราะฉะนั้นในเมื่อหนังไม่ได้ให้ข้อมูลกับเราโดยตรงว่า เรากำลังดูอะไรอยู่ เราก็เลย “แต่งเรื่องขึ้นมาในหัวของตัวเอง” ขณะที่ดู 555 ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่านั่นคือจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้หรือเปล่าที่ต้องการให้ผู้ชมแต่ละคนแต่งเรื่องขึ้นมาในหัวของตัวเอง โดยเรื่องที่เราแต่งขึ้นมาในหัวของตัวเองก็เป็นประมาณนี้

 

หนังเล่าเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งในวันสิ้นปี เขาตื่นนอนมาแล้วก็สูบบุหรี่, อ่านหนังสือ, แล้วก็นอนตอนกลางวัน แล้วเขาก็เลยฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่อาจจะเป็นบ้านเก่าของเขา และฝันถึงญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงคนหนึ่งที่อาจจะเป็นป้าหรือแม่ของเขา พอเขาตื่นจากการนอนกลางวัน เขาก็เลยรีบจดบันทึกความฝันของตัวเองลงสมุด

 

หลังจากนั้นหนังก็เหมือน shift เข้าสู่โหมดเหนือจริงเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนั้นแต่งตัวออกไปข้างนอกบ้าน, เขานั่งรถเมล์ไปโรงหนังเก่าแห่งหนึ่งที่น่าจะเป็นโรงหนังร้าง และเขาก็นอนโพสท่าที่หน้าโรงหนังเก่าแห่งนั้น และน่าจะหลับฝันไปอีกรอบ ในฝันนั้นเขาเห็นเครื่อง projector ฉายหนัง, เห็นตัวเองพูดกับรูปผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่อาจจะเป็นแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของเขา เหมือนเขาคงต้องการบอกลาหรือสื่อสารกับหญิงคนนั้นที่จากไปแล้ว แล้วพอเขาตื่นนอนที่หน้าโรงหนังร้าง หนังก็มีการแฟลชภาพผู้หญิงสาวคนหนึ่งขึ้นมาสั้น ๆ เราไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เราก็เลยแต่งเรื่องขึ้นมาเองว่า มันคือผีผู้หญิงประจำโรงหนังแห่งนั้นที่พยายามจะเข้าสิงเขา 55555

 

หลังจากนั้นเขาก็ไปถ่ายหนังกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทำงานต่อในห้อง เขานอนอีกครั้ง แล้วก็เลยถูกผีผู้หญิงสาวตนนั้นเข้าสิงเขา 55555 ก่อนที่เขาจะออกไปงานปีใหม่

 

ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่เราแต่งขึ้นมาในหัวตัวเองนี่คงไม่ใช่เรื่องที่ผู้กำกับตั้งใจ แต่ในเมื่อหนังมันไม่ได้เล่าเรื่องตรง ๆ เราก็เลยถือโอกาสแต่งเรื่องขึ้นมาในหัวตัวเองแบบนี้นี่แหละ

 

3.สิ่งที่ชอบที่สุดอย่างหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ก็คือการ mix เสียงในงานปีใหม่ช่วงท้ายเรื่อง เพราะในฉากนั้นเราจะได้ยินทั้งเสียงจุดพลุ, เสียงหมาเห่าด้วยความตกใจกลัวพลุ และเสียง “หลอกหลอน” บางอย่างที่น่าสนใจมาก คือจากภาพที่เราได้ดูในหนัง เราก็บอกไม่ได้เลยว่าไอ้เสียงหลอน ๆ นี่มันคือเสียงอะไร มันเหมือนมีการ mix เสียงภูตผีร้ายจากหนังสยองขวัญเข้าไปในฉากนั้นด้วย โดยที่เราไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร, ต้นกำเนิดเสียงมาจากอะไร, ไม่มีจุดใดในภาพที่สามารถนำไปเชื่อมโยงกับเสียงนี้ได้

 

เราก็เลยรู้สึกว่า การ mix เสียงในฉากนี้เป็นอะไรที่เหวอมาก น่าสนใจมาก ชอบมาก ๆ

 

4.จริง ๆ ดูแล้วก็นึกถึงหนังของ Teeranit Siangsanoh, Maya Deren และ David Lynch เพราะหนังมันมีความหลอนบางอย่าง มีความ “จิต ๆ” บางอย่าง ชอบที่ผู้กำกับกล้าทำหนังที่เล่นท่ายากแบบนี้ คือแทนที่ผู้กำกับจะทำหนังที่บอกเล่าตรง ๆ ว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งทำอะไรบ้างในวันสิ้นปี หนังกลับถ่ายทอดความฝันของชายหนุ่มคนนั้น โดยไม่บอกว่าสิ่งที่พระเอกเห็นในฝันคืออะไร, แล้วหลังจากนั้นพระเอกก็ทำในสิ่งที่เหนือจริง ด้วยการไปนอนโพสท่าอยู่หน้าโรงหนังร้าง, เราได้เห็นความฝันของพระเอกอีก โดยไม่รู้ว่าคืออะไร แต่มันเหมือนกับว่า หนังมันพยายามจะถ่ายทอด “จิต” ของพระเอกด้วยน่ะ คือแทนที่หนังจะถ่ายทอดเพียงแค่ “การกระทำ” ของพระเอก หรือ “อารมณ์ความรู้สึก” ของพระเอกแบบตรงไปตรงมา หนังกลับพยายามถ่ายทอด “จิต” ของพระเอกด้วย ที่อาจจะหมกมุ่นกับ “โรงหนังแบบเก่า”, หมกมุ่นกับ “อดีต”, หมกมุ่นกับ “ญาติผู้ใหญ่คนนึง”

 

และหนังก็เพิ่มความยากด้วยการใส่ฉากต่าง ๆ ที่เราไม่แน่ใจว่าสื่อถึงอะไรด้วย อย่างเช่นการที่หนังให้เราดูด้านหลังของพระเอกเป็นเวลานานขณะที่เขาถ่ายหนัง, การที่เขากลายร่างเป็นผู้หญิง, การ mix เสียงที่แปลกประหลาดในงานปีใหม่, การตัดต่อเสียงที่แปลกประหลาดในฉากท้ายสุด

 

ก็เลยชอบความเล่นท่ายากของหนังเรื่องนี้ในระดับนึง

 

5.แต่เราก็อาจจะยังไม่ได้ชอบหนังถึงขั้น A+30 นะ เพราะเราว่าหนังโดยรวมอาจจะยังขาดพลังหรือยังขาด magic บางอย่างอยู่ หนังอาจจะต้องการงานด้านภาพที่ทรงพลังกว่านี้ หรือต้องการการร้อยเรียงที่เป็นกวีกว่านี้ ถึงจะทำให้ตัวหนังมันตราตรึงกว่านี้ได้ แต่เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็น่าสนใจมาก ๆ แล้ว

 

 

No comments: