Saturday, September 13, 2025

THE UNEXPLAINABILITY OF LIFE AWARDS

 

หนังที่อยากฉายควบกับ A USEFUL GHOST ผีใช้ได้ค่ะ (2025, Ratchapoom Boonbunchachoke, A+30) ชุดที่ 8

DOUBLE BILL FILM WISH LIST

TURNING THE BHUMI: THE UPRISING OF PEASANTS IN NORTHERN THAILAND, 1974-1976 (2025, Sorayut Aiemueayut, documentary, 52min, A+30)
+ A USEFUL GHOST ผีใช้ได้ค่ะ (2025, Ratchapoom Boonbunchachoke, A+30)

 

เราเพิ่งได้ดู TURNING THE BHUMI: THE UPRISING OF PEASANTS IN NORTHERN THAILAND, 1974-1976 (2025, Sorayut Aiemueayut, documentary, 52min, A+30) ที่ Gallery Ver เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดูแล้วก็รู้สึกราวกับว่า หนังเรื่องนี้มันคือ “เวอร์ชั่นสารคดี” ของเรื่องราวของตัวละคร “กะเทยวิชาการ” ในหนังเรื่อง A USEFUL GHOST

 

ก่อนหน้านี้เราได้เขียนถึงหนังเรื่อง A USEFUL GHOST โดยเรามองว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ “กะเทยวิชาการ” ที่นั่งอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศไทยทางอินเทอร์เน็ต และได้พบกับเรื่องราวของคณะราษฎร และผู้คนต่าง ๆ มากมายที่เคยถูกเข่นฆ่าหรือกดขี่เพราะปัญหาทางการเมืองในไทยในช่วงเวลาราว 100 ปีที่ผ่านมา กะเทยวิชาการคนนี้พอได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว เขาก็เลยออกไปค้นหาความจริงเพิ่มเติม และการที่เขาซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งจดจำเหยื่อทางการเมืองเหล่านี้ได้ สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อไป

 

เราว่าหนังเรื่อง TURNING THE BHUMI นี่ก็เหมือนเป็นเวอร์ชั่นสารคดีของเรื่องราวข้างต้นเลย เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของ “สตรีวิชาการ” คนหนึ่งที่นั่งอ่านเรื่องราวของผู้นำเกษตรกรหลายคนที่เคยถูกสังหารโหดในไทยในปี 1974-1976 และเธอก็เลยออกไปตามสัมภาษณ์ญาติ ๆ ของเหยื่อที่ถูกสังหารโหดในเหตุการณ์นั้น ผลที่ได้ก็คือหนังสารคดีเรื่องนี้ ซึ่งช่วยให้เราและผู้ชมคนอื่น ๆ ที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อน ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ได้ช่วยกันจดจำเหตุการณ์ชั่วร้ายเหล่านี้ที่เคยเกิดขึ้นในไทย และเป็นเหมือนอย่างตัวละคร Elektra ในหนังเรื่อง  ELECTRA, MY LOVE (1974, Miklós Jancsó, Hungary) ที่พูดว่า

 

“I, Electra, who doesn't forget
While one person lives who doesn't forget
No one can forget

You have no power over me
Because Electra tortured is Electra
Electra dead is Electra
You have no power over me
Because I am justice

Though I know I can't kill you, I wait and don't forget
Every man you killed lives on in me”

+++++

“ไม่ทราบชีวิต” AWARDS

 

ถ้าหากเราตั้งรางวัล “ไม่ทราบชีวิต” ให้กับหนังที่เราได้ดูในปีนี้ ตอนนี้ก็มี 4 เรื่องที่เข้าชิงรางวัล “ไม่ทราบชีวิต” 55555 (หนังเหล่านี้ไม่ใช่หนังที่เราชอบมากที่สุดในปีนี้นะ แต่เป็นหนังที่เราชอบความพิศวงของมันอย่างรุนแรง)

 

1. 11 x 14 (1977, James Benning, USA, 81min)

 

ดูที่หอภาพยนตร์ ศาลายา

 

2. THE HUMAN SURGE 3 (2023, Eduardo Williams, Argentina/Taiwan/Sri Lanka/Peru, 121min)

 

ดูที่ Bangkok Kunsthalle

 

3. BEL AMI (2024, Jun Geng, France, 121min)

 

ดูที่ ICON SIAM ในเทศกาล TILFF

 

4. LABYRINTH UNDER CYCLONE (2024, Achitaphon Piansukprasert, 109min)

 

ดูที่ HOUSE SAMYAN

 

ชอบหนังทั้ง 4 เรื่องนี้อย่างสุดขีดมาก โดยเฉพาะ 11 x 14 ที่น่าจะติด TOP TEN หรือ TOP FIVE ของหนังที่เราชอบมากที่สุดที่ได้ดูในปีนี้ สาเหตุที่เราชอบ 11 x 14 มาก ๆ เป็นเพราะว่า หนังเรื่องนี้มันเหมือน RESET หัวสมองของเราใหม่หมดเลยขณะที่ดูหนังเรื่องนี้น่ะ

 

คือปกติแล้วเวลาที่เราดูหนังปกติธรรมดาเรื่องนึง มันเหมือนกับว่า หัวสมองของเรามันจะมีระบบอัตโนมัติในการทำงานขณะที่ดูหนังเรื่องนั้นน่ะ เหมือนกับว่า หัวสมองของเราจะดูภาพกับเสียง ประมวลผลว่า เกิดอะไรขึ้นในเนื้อเรื่อง ตัวละครคือใคร ทำอะไรที่ไหนเมื่อไร ด้วยจุดประสงค์อะไร เกิด conflict อะไร ตัวละครไหนเราควรเอาใจช่วยมากน้อยแค่ไหน ฉากแต่ละฉากมันสัมพันธ์กันอย่างไร มันเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงหรือตัดสลับเวลา  สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังทำให้เรานึกถึงประสบการณ์ชีวิตตัวเองอย่างไรบ้าง หนังเรื่องนี้สัมพันธ์กับคลังความรู้ในหัวสมองของเราอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์, การเมือง, สังคม, ภูมิศาสตร์, etc. จุดไหนของหนังทำให้เราเกิดอารมณ์ความรู้สึกอะไรบ้าง หนังเรื่องนี้กระตุ้นความคิดอะไรในหัวเราบ้าง, เราอยากถูกเย็ดโดยตัวละครชายหนุ่มตัวไหนบ้าง,  etc.

 

แต่เหมือนเวลาที่เราดู 11 x 14 หนังเรื่องนี้มันเข้ามา reset หัวสมองของเราใหม่หมดเลยน่ะ มันเหมือนกับว่า เวลาที่เราดูหนังเรื่องนี้ หัวสมองของเราไม่สามารถทำปฏิกิริยากับฉากแต่ละฉาก หรือ moment แต่ละ moment ในหนังเรื่องนี้ได้ด้วยวิธีการแบบที่เราใช้กับหนังทั่ว ๆ ไป เราก็เลยเหมือนต้องล้างเครื่อง ปิดเครื่อง กดปุ่ม restart reset หัวสมองของเราใหม่หมดเลย ระหว่างที่เราดูหนังเรื่องนี้ และเราก็ชอบอะไรแบบนี้อย่างสุดขีดที่สุด

 

เราว่า BEL AMI กับ THE HUMAN SURGE 3 ก็ส่งผลกระทบในแบบคล้าย ๆ กันนี้กับตัวเรา แต่อาจจะไม่รุนแรงถึงขั้นเดียวกับ 11 x 14 คือเวลาที่เราดู BEL AMI กับ THE HUMAN SURGE 3 เราก็เหมือนต้องปรับเปลี่ยนระบบประสาทระบบความคิดอะไรบางอย่างในหัวของเราขณะที่ดูหนังสองเรื่องนี้เหมือนกัน

 

ส่วน LABYRINTH UNDER CYCLONE นั้น เราก็ต้องปรับโหมดตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่ได้ปรับโหมดอะไรใหม่มากนัก เพราะเราคุ้นชินกับหนังของคุณ Achitaphon แล้ว 55555

 

คือเหมือนเวลาที่เราดูหนังปกติธรรมดา เราก็แค่จูนคลื่น FM ในหัวของเราไปเรื่อย ๆ

 

แต่เวลาที่เราดูหนังของคุณ Achitaphon เราก็แค่เปลี่ยนไปใช้คลื่น AM ในหัวของเรา เพราะเรารู้แล้วว่าหนังของคุณ Achitaphon ใช้คลื่นแบบนี้

 

แต่เวลาที่เราดู 11 X 14, THE HUMAN SURGE 3 กับ BEL AMI มันเป็นคลื่นที่เราไม่คุ้นชินมาก่อน เราก็เลยต้องปรับโหมดใหม่หมด ไม่ใช้คลื่นวิทยุ แต่ใช้ “โทรจิต” หรือใช้ “คลื่นจิตใต้สำนึก” ในการดูหนัง 3 เรื่องนี้แทน 55555

 

จริง ๆ แล้ว หนังเรื่อง PETER HUJAR’S DAY (2025, Ira Sachs, A+30) กับ CENOTE (2019, Kaori Oda, Japan/Mexico, documentary, A+30) ก็ส่งผลให้เราต้องจูนหาคลื่นความถี่ใหม่เหมือนกันนะ และเราก็ชอบหนังสองเรื่องนี้อย่างรุนแรงในจุดนี้ เพียงแต่ว่าหนังสองเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ “พิศวง” มากนักในแง่เนื้อเรื่อง เราก็เลยไม่รู้ว่าจะใช้คำว่า “ไม่ทราบชีวิต” กับหนังสองเรื่องนี้ได้หรือเปล่า 55555

 



No comments: