Friday, November 07, 2025

LOST CAT (2025, Thanabat Wiphachon, 22min, A+30)

 

SENSES OF CINEMA ออนไลน์ฉบับใหม่มีบทความน่าอ่านเยอะแยะมากมาย อย่างเช่น

 

1. บทความ 2 ชิ้นเกี่ยวกับมิวสิควิดีโอของ Madonna

 

2. บทความ 2 ชิ้นที่วิเคราะห์มิวสิควิดีโอของ Kylie Minogue โดยเฉพาะ MV เพลง WHAT DO I HAVE TO DO

 

3. บทความเกี่ยวกับหนังดี ๆ หลายเรื่องในเทศกาลภาพยนตร์ Locarno ซึ่งหนังเหล่านี้ต่างก็เพิ่งเข้ามาฉายในเทศกาล BKKIFF และเป็นหนังที่จะติดอันดับประจำปีของเราอย่างแน่นอน อย่างเช่น GOD WILL NOT HELP, DRACULA (Radu Jude), DRY LEAF, “TWO SEASONS, TWO STRANGERS”

 

4. และที่เราร้องกรี๊ดสุดเสียง ก็คือบทความเกี่ยวกับหนังเรื่อง RESURRECTION (2025, Bi Gan, China, A+30) เพราะเรามองว่าหนังเรื่องนี้มันพูดถึงความกังวลเรื่อง Death of Cinema และตัวบทความนี้ก็น่าจะพูดถึงประเด็นเดียวกัน แต่เรายังไม่ได้อ่านบทความนี้นะ

 

เนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความนี้ของ Wang Xinyuan


Resurrection invites the audience to reflect on cinema as a way of world-perceiving, its origin, and its future. The dialogue with André Bazin could be made out in the last camera movement of the single-shot sequence: in the foreground is the young couple, whose romance just survived the last night of the last century; in the background the boat window frames a CinemaScope aspect ratio, the “cinematic” aspect ratios adopted by the previous three stories: a frame-within-a-frame, a mise-en-abyme (centripetal), but also a window-within-a-window, a cache placed over the sunrise scene on the river (centrifugal). This composition therefore creates a cinema/reality dichotomy within the film. As the camera slowly moves towards the window, gradually expanding the aspect ratios, filling the view with the pink rays of the sunrise, Resurrection manages to take us beyond the screen, to confront us with the millennial daybreak of a “post-cinematic” world, perceived by senses in secret transformation.

++++

 

ตอนนั้นมีการจัด KING HU RETROSPECTIVE อย่างไม่เป็นทางการ เราก็เลยได้ดูหนังหลาย ๆ เรื่องของ King Hu ในงานนี้ และส่งผลให้ THE FATE OF LEE KHAN (1973, King Hu, Hong Kong/Taiwan) ติดอันดับ 7 ของเราประจำปี 2011

+++

 

LOST CAT (2025, Thanabat Wiphachon, 22min, A+30)

 

1. ชอบหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง ชอบที่หนังมันนำเสนอตัวละครที่เหมือนประสบปัญหาหลายอย่างในชีวิตพร้อม ๆ กัน ซึ่งได้แก่ แมวหาย, ว่างงาน และต้องสานสัมพันธ์กับพ่อ

 

เหมือนอย่างที่เราเคยเขียนไปหลายครั้งแล้วว่า เราชอบหนังทำนองนี้เพราะมันทำให้นึกถึงชีวิตของตัวเราเองที่อาจจะประสบปัญหาหลายอย่างประดังประเดเข้ามาในเวลาเดียวกันน่ะ ทั้งปัญหาครอบครัว, การเงิน, การทำงาน, สุขภาพ, อุบัติเหตุ, ตบกับเพื่อน, หาผัวไม่ได้, ตบกับเพื่อนบ้าน, ตบกับแม่ค้า, etc. เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่ค่อยชอบหนังที่พยายามลดทอนความซับซ้อนของชีวิตลงเพื่อให้เหลือประเด็นหลักประเด็นเดียวอะไรทำนองนี้ เรามักจะชอบหนังที่นำเสนออะไรต่าง ๆ ที่เหมือนไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับประเด็นหลักมากกว่า เพราะเราว่าหนังแบบนี้นี่แหละที่ตรงกับชีวิตเรา

 

2. เราดูหนังเรื่องนี้ผ่านมานานหลายสัปดาห์แล้ว เราก็เลยจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่ถ้าหากเราจำไม่ผิด เรารู้สึกเหมือนกับว่า สิ่งที่มีความสำคัญ หรือสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ ต่อตัวพระเอก จริง ๆ แล้วก็คือ “แมว” ไม่ใช่ “พ่อบังเกิดเกล้า” ของพระเอกหรือเปล่านะ ถ้าหากเราจำผิดเราก็ต้องขออภัยด้วย

 

3. จำได้ว่าเราชอบฉากพระเอกคุยกับพ่อมาก ๆ แต่เราจำรายละเอียดในฉากนั้นไม่ได้แล้ว

 

4. อยากให้มีคนทำ retrospective ภาพยนตร์ที่แสดงโดย “สายฟ้า ตันธนา” แล้ววิเคราะห์ “บทบาทของพ่อ/ผู้ชายวัยกลางคนในสังคมไทย” จากหนังเหล่านี้ 55555

+++

 

ฉันรักเขา Ben Wang from THE LONG WALK (2025, Francis Lawrence, A+30)

 

รู้สึกเฉย ๆ กับ Ben Wang มาก ๆ ตอนที่เขาเล่นเป็นพระเอกใน KARATE KID: LEGENDS (2025, Jonathan Entwistle, A-) แต่ทำไมพอเขามาเล่นเป็นตัวประกอบใน THE LONG WALK เรากลับรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก ๆ ชอบเวลาที่เขาเดินงุด ๆ พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะก้าวเดินต่อไป บางทีอาจจะเป็นที่ “ตัวละคร” ที่เขาเล่น ที่ทำให้เรารู้สึกชอบเขาอย่างรุนแรงขนาดนี้

 

เป็นเรื่องบังเอิญดีที่เราได้ดู THE LONG WALK ในเวลาไล่เลี่ยกับ BEFORE YOUR EYES – VIETNAM (1981, Harun Farocki, A+30), THE MASTERMIND (2025, Kelly Reichardt, A+30) และ PRIMITIVE WAR (2025, Luke Sparke, A+15) เพราะหนังทั้ง 4 เรื่องนี้พูดถึงสงครามเวียดนามในแง่มุมที่ไม่ซ้ำกันเลย เหมือนหนังทั้ง 4 เรื่องนี้ช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน 55555

 

1. THE MASTERMIND พูดถึงประชาชนที่เป็น ignorant ในช่วงสงครามเวียดนาม

 

2. THE LONG WALK ทำให้เรานึกถึงผู้ชายสหรัฐจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมสงครามเวียดนามเพราะถูกเกณฑ์ทหาร และเพราะถูกแรงกดดันต่าง ๆ จากสังคม และพวกเขาเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัสในช่วงสงคราม

 

3. PRIMITIVE WAR แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันนี้บาดแผลที่สังคมได้รับจากสงครามเวียดนามหายดีในระดับหนึ่งแล้ว สิ่งนี้ก็เลยนำมาใช้เป็นฉากหลังในหนังแฟนตาซีแบบนี้ได้ 555 (ในขณะที่เรายังไม่เห็นว่า เหตุการณ์ 9/11 ถูก exploit แบบนี้ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะว่า บาดแผลจากเหตุการณ์ 9/11 ยังไม่หายสนิท)

 

4. BEFORE YOUR EYES – VIETNAM แสดงให้เห็นถึงประชาชนกลุ่มที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม และหนังเหมือนเน้นสำรวจว่า ทำไมประชาชนกลุ่มนี้ถึง “ไม่มีความสุข” ทั้ง ๆ ที่เวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในสงคราม

  

No comments: