Monday, December 17, 2007

ORIGINALITY VS. EMOTIONAL PEAK

This is my comment in Bioscope Webboard:
http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=778.0

--ขอบคุณคุณ aunaun มากค่ะที่มาช่วยแสดงความคิดเห็น + วิเคราะห์ละครเวทีเรื่องนี้ ตอนแรกที่ดิฉันดูละครเวทีเรื่องนี้ ดิฉันไม่เข้าใจว่าผู้สร้างละครเวทีเรื่องนี้ต้องการเปรียบเทียบ HAMLET กับรัฐประหาร 19 ก.ย. อย่างไรบ้าง จนกระทั่งได้มาอ่านความเห็นของคุณนก ปักษนาวิน แล้วถึงพอเข้าใจได้บ้าง แล้วพอได้มาอ่านความเห็นของคุณ aunaun ก็ยิ่งรู้สึกว่าละครเวทีเรื่องนี้น่าสนใจมากขึ้นไปอีก

--เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. นสพ. THE NATION ได้ลงบทความของคุณ PAWIT MAHASARINAND เกี่ยวกับละครเวทีเรื่องนี้ค่ะ โดยมีบทสัมภาษณ์คุณ NINART BOONPHOTHONG ผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้ด้วย ดิฉันเห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยคัดลอกบทสัมภาษณ์ตอนนึงมาให้อ่านค่ะ
http://www.nationmultimedia.com/search/page.news.php?clid=18&id=30059106

"Some didn't like the latter part in which the characters in the reality and the dream frequently shifted back and forth, and some people were lost," Ninart says. "Others, though, really enjoyed this part and were very moved by it. A few people even cried at the end, but they couldn't explain why.

"In response to these reactions, the cast and crew held a few meetings and decided that we'd stick to the original interpretation. Yet, we'll adapt the art direction so that the production fits the new venue," Ninart says.

อ่านแล้วก็รู้สึกดีใจมากๆที่คุณนินาทตัดสินใจรักษาความเฮี้ยนของละครเวทีเรื่องนี้เอาไว้ โดยไม่ได้พยายามดัดแปลงให้ละครเวทีเรื่องนี้ดูง่ายขึ้นเพียงเพื่อเอาใจผู้ชมบางกลุ่ม

--โดยส่วนตัวแล้ว ละครเวทีเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานละครเวที/ภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องในระยะนี้ ที่ดิฉันรู้สึกว่ามันให้ทั้ง “สิ่งที่ดิฉันแทบไม่เคยเห็นมาก่อน” และทำให้ดิฉัน “ถึงจุดสุดยอดทางอารมณ์” ได้ในผลงานเรื่องเดียวกัน เพราะในระยะหลังๆมานี้ ดิฉันพบว่าตัวเองได้ดูภาพยนตร์หลายเรื่องที่มีบางอย่างที่ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อน (มันอาจจะไม่ใช่สิ่งใหม่จริงๆ แต่เพียงแค่ดิฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน) แต่ภาพยนตร์เหล่านั้นไม่ได้มีผลกระทบต่ออารมณ์ของดิฉันมากนัก อย่างเช่น LOVE OF SIAM (A) และ “881” (Royston Tan, B+) หรือละครเวทีเรื่อง MISSING YOU (2006, Ninart Boonphothong, A) ซึ่งดิฉันชอบบางอย่างที่แปลกใหม่ในผลงานเหล่านี้มากๆ แต่ก็ยอมรับว่ามันไม่ได้ทำให้ดิฉันถึงจุดสุดยอด ในขณะที่ผลงานบางชิ้นที่ทำให้ดิฉันถึงจุดสุดยอดทางอารมณ์ อย่างเช่นละครเวทีเรื่อง BLACKBIRD (2007, Sasithorn Panichnok, A+) ก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับดิฉัน แต่ในกรณีของ WHEN I SLEPT OVER THE NIGHT OF THE REVOLUTION นั้น มันทำให้ดิฉันรู้สึกทั้งสองอย่าง

--ชอบน้องที่แต่งชุดนักเรียนมากๆเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเขาชื่อ Warut Khemprasit หรือเปล่า ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยเล่นเป็นพระเอกละครเวทีเรื่อง “ไม่เป็นเรื่อง” (2006, พัชร์รุจา กาญจนโกศล, A+) ซึ่งในเรื่องนั้นเขาต้องรับบทที่ยากพอสมควร เพราะเขาเล่นเป็น “คนที่กำลังจะแสดงละครเวทีเรื่อง A MIDSUMMER NIGHT’S DREAM ของเชคสเปียร์” เพราะฉะนั้นเขาก็เลยต้องพูดบทที่ยาวและยากที่แปลมาจากบทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ เรายังไม่รู้จะต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะท่องจำบทพูดที่ยากมากๆแบบนั้นได้ และเนื่องจากมันเป็นละครเวที ไม่ใช่ภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นนักแสดงก็เลยต้องจำบทพูดที่ยาวและยากผิดมนุษย์แบบนั้นให้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง พอได้ดูละครเวทีเรื่อง “ไม่เป็นเรื่อง” แล้วก็เลยทึ่งกับเด็กมัธยมยุคนี้มากๆว่าพวกเขาเก่งและทุ่มเทให้กับการแสดงกันจริงๆ

--สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆในผลงานละครเวทีหลายๆเรื่องของคุณนินาท และสิ่งนี้กก็ยังคงปรากฏให้เห็นได้เด่นชัดในละครเวทีเรื่องนี้ ก็คือ “การที่ตัวละครหลายตัวมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างลื่นไหลและรุนแรง”

อันนี้เป็นภาพขณะฝึกซ้อม “เมื่อผมหลับในคืนปฏิวัติ”
http://blog.myspace.com/index.cfm?fuseaction=blog.ListAll&friendID=131201324

No comments: