Saturday, July 04, 2015

MONSTERS (2015, Rattapong Pinyosopon, stage play, A+30)

MONSTERS (2015, Rattapong Pinyosopon, stage play, A+30)
อสูรกาย (รัฐพงศ์ ภิญโญโสภณ)

เคยดูเวอร์ชั่นที่กำกับโดย Ninart Boonpothong ในปี 2009 พอมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นนี้แล้วเราก็รู้สึกว่า ความแตกต่างทางการกำกับของนินาทกับรัฐพงศ์ทำให้เรานึกถึงความแตกต่างระหว่าง Woody Allen กับ Ingmar Bergman น่ะ 555 คือ Allen กับ Bergman บางครั้งจะทำหนังที่มีอะไรใกล้เคียงกัน แต่หนังของ Woody Allen จะมีจุดเด่นที่ “บทภาพยนตร์” แต่จะไม่ได้มีจุดเด่นที่ “การถ่ายภาพ”, “การสร้างบรรยากาศ” และการแสดงในหนังบางเรื่องของ Allen ก็จะมีลักษณะ casual หรือสบายๆกว่าการแสดงในหนังของ Bergman ส่วนหนังของ Bergman นั้นจะมีจุดเด่นที่การสร้างบรรยากาศขึ้งเคียด, หลอกหลอน, เจาะลึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานในจิตใจ การถ่ายภาพก็น่าประทับใจกว่าหนังของ Allen เป็นอย่างมาก และการแสดงในหนังของ Bergman ก็สุดตีนมากๆด้วย

เราก็เลยนึกถึงความแตกต่างระหว่างนินาทกับรัฐพงศ์น่ะ เพราะเรารู้สึกว่าละครเวทีหลายๆเรื่องของนินาทมีจุดที่แข็งที่สุดคือ “บทละครเวที” แต่มีจุดด้อยด้าน “โปรดักชั่น” และการสร้างบรรยากาศ และการแสดงในละครเวทีหลายๆเรื่องของนินาทก็มีลักษณะ casual มากกว่าละครเวทีของรัฐพงศ์หรือละครเวทีทั่วๆไป เพราะละครเวทีหลายเรื่องของนินาทใช้นักแสดงหน้าใหม่ที่เป็นเด็กมัธยมหรือนิสิตที่อาจจะเพิ่งได้ลองเล่นละครเวทีเรื่องนั้นเป็นเรื่องแรกๆในชีวิต

แต่ละครเวทีเรื่องนี้ของรัฐพงศ์ มันมีการสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจมากๆ มันมีการใช้แสง, ใช้สีของแสง, ใช้หมอกควัน มีการสร้างอารมณ์หลอนๆหน่อย ซึ่งอารมณ์หลอนๆนี้มันไม่ได้หลอนแค่ภายนอก แต่มันสอดรับกับภายในจิตใจของตัวละครด้วย ซึ่งตรงนี้จะทำให้นึกถึงหนังของ Bergman และการแสดงในละครเวทีของรัฐพงศ์ก็ไปสุดตีนมากๆ มันมีความจริงจังกว่าในละครเวทีของนินาท และมันมีความขึ้งเคียดบางอย่างเหมือนในหนังของ Bergman ด้วย

แต่การเปรียบเทียบ Allen/Bergman กับนินาท/รัฐพงศ์นี้เป็นแค่การเปรียบเทียบแบบเล่นๆนะ เพราะเราแค่เปรียบเทียบกันในด้าน บท, โปรดักชั่น, บรรยากาศ, สไตล์การแสดงน่ะ แต่มันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ในด้านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น “ความพิศวง” คือเรารู้สึกว่าหนังของ Bergman ดูแล้วพิศวงกว่าหนังของ Allen แต่ละครเวทีของรัฐพงศ์กลับดูแล้วเข้าใจง่ายกว่าละครเวทีของนินาท เป็นต้น

ถ้าหากพูดถึงการแสดงในละครเวทีของรัฐพงศ์แล้ว เราว่า “วันที่สหายพายุกลับบ้าน” (2011) นี่ถือเป็นผลงานการแสดงชิ้นโบว์แดงของคุณวสุ วรรลยางกูรเลย และ “อสูรกาย” เรื่องนี้ก็ถือเป็นผลงานการแสดงชิ้นโบว์แดงของคุณวสุและคุณขรรค์ชัย กลีบการะเกตุด้วยเช่นกัน เราว่าเราเคยดูคุณขรรค์ชัยเล่นละครเวทีมาประมาณ 20 เรื่องได้แล้วมั้ง แต่เราคิดว่าอสูรกายเวอร์ชั่นนี้คือเรื่องที่ “หนักที่สุดในชีวิตการแสดง” ของคุณขรรค์ชัย ฉากที่คุณขรรค์ชัยกับคุณวสุปะทะคารมและอารมณ์กันในละครเวทีเรื่องนี้นี่ มันให้อารมณ์พีคสุดๆเหมือนกับการได้ดูนักแสดงหญิงเชือดเฉือนบทบาทกันในหนังของ Bergman เลย


ส่วนฉากที่ชอบที่สุดในละครเวทีเรื่องนี้นี่คือฉากที่เราได้ยินเสียงอสูรกายทุบฝาผนังบ้านและเหมือนใช้กรงเล็บขูดฝาผนังบ้านน่ะ ฉากนั้นเรากลัวจนขนลุกเลย ทั้งๆที่เรารู้ว่ามันเป็นแค่การแสดง 

No comments: