Sunday, July 19, 2015

ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT (2015, Nontarit Maniam, A+30)


ONCE UPON A TIME กาลครั้งหนึ่ง (2015, จันทราญา สุริยงค์ + ศิริภัสสร อำนวยสมบัติ, A+30) รู้สึกดีใจมากที่มีคนทำหนังแนวเดียวกับ MYSTERIOUS OBJECTS AT NOON (2000, Apichatpong Weerasethakul) และ HAUNTED HOUSES บ้านผีปอบ (Apichatpong Weerasethakul, 60min) ออกมา และทำออกมาได้อย่างดีมากๆ, มีเสน่ห์มากๆ และมีความเป็นตัวของตัวเองมากๆด้วย นอกจากนี้ เรื่องที่เล่าก็ดู “จริง” มากๆ ดูเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงในหลายครอบครัวในชนบท ทั้งๆที่หนังไม่ได้พยายามสร้างความ “สมจริง” เลย ซึ่งตรงนี้เราว่ามันย้อนแย้งกันดี คือในขณะที่หนังหลายๆเรื่องพยายามสร้างความ “สมจริง” มันกลับดูไม่สมจริง เพราะคนดูจะรู้สึกสะดุดเป็นระยะๆเมื่อใดก็ตามที่พบจุดอ่อน, ช่องโหว่ และจุดที่ไม่สมจริงในหนังเรื่องนั้น แต่หนังบางเรื่อง กลับเน้น “ความไม่สมจริง” ไปเลย และให้คนดูตระหนักถึง “การเล่าเรื่อง” อยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในหนังเรื่องนี้ และพอคนดูไม่ต้องพยายามจูนอารมณ์ไปกับความสมจริงของหนังแล้ว หนังเรื่องนั้นก็จะมีมิติบางอย่างที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมา ซึ่งหนังเล่าเรื่องแบบปกติอาจจะไม่มี

ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT (นนทฤทธิ์ มาเนียม, A+30) ดูแล้วนึกถึง WOLF CREEK (2005, Greg McLean, A+30) ในแง่ที่ว่า หนังเหมือนแบ่งเป็นสองพาร์ท โดยพาร์ทแรกเป็นการปูพื้นตัวละครเหมือนหนังชีวิตธรรมดา และพาร์ทแรกของหนังเรื่องนี้ก็เหมือน video diary ของ Theeraphat Ngathong มากๆ เพราะมันเป็นเรื่องของสี่สาวที่ไปปาร์ตี้กันที่บ้านของเพื่อนคนนึง และทำกิจวัตรประจำวันขี้ๆเยี่ยวๆไปเรื่อยๆ ก่อนที่ครึ่งหลังมันค่อยกลายเป็นหนังสยองขวัญแบบ THE BLAIR WITCH PROJECT (1999, Daniel Myrick + Eduardo Sanchez)

BLACK-WHITE (Jaturont Jateviriyanont, animation, A+15) ชอบ development ของตัวละคร จากคนที่ดีมากๆในช่วงต้นเรื่อง แต่กลายเป็นคนเลวมากๆในตอนจบ ส่วน PORK FRIED RICE WITHOUT VEGETABLES (Pitchayut Promsuwan, A+5) เราชอบโครงสร้างของเรื่อง มันดูพิสดารมากๆ แต่เราว่าอารมณ์ของหนังมันดูแห้งๆยังไงไม่รู้ และเหมือนเราจูนอารมณ์ของตัวเองให้เข้ากับหนังไม่ได้ในการดูรอบแรก ซึ่งต่างจากหนังอย่าง “คนในเงา” (ณัฐธยาน์ ไทยเดชา, A+10) ที่ดูเป็นละครน้ำเน่ามากๆ แต่เรากลับจูนติดกับมันในทันที 555 คือเราว่า PORK FRIED RICE WITHOUT VEGETABLES เป็นหนังที่มี “ไอเดียสร้างสรรค์” มากๆ แต่ไม่มีผลทางอารมณ์กับเรา ในขณะที่ “คนในเงา” เป็นหนังที่ไม่สร้างสรรค์ แต่มีผลทางอารมณ์กับเรา


“คิดถึงนะ เป็นประโยคบอกเล่า ไม่ต้องการคำตอบ แต่ต้องการคนได้ยิน” (2015, Watcharapol Saisongkroh, A+30) คือการแสดงให้เห็นว่า Watcharapol สามารถกลับมาทวงบัลลังก์ “เทพบุตรแห่งวงการหนังสั้น” ได้อีกครั้ง หลังจากปล่อยให้ Theeraphat Ngathong กับ Teerath Whangvisarn ครองบัลลังก์มาระยะนึง 555 (ล้อเล่นจ้ะ) แต่จริงๆแล้วก็คือเราชอบหนังแบบนี้มากๆแหละ นั่นก็คือหนังการเมืองที่สะท้อนความคิดผ่านทางการจับจ้องมองอะไรบางอย่างอย่างจริงจัง คือดูแล้วจะนึกถึงหนังเรื่อง I WISH THE WHOLE COUNTRY WOULD SINK UNDER WATER (2014, Theeraphat Ngathong), BOYS ARE BACK IN TOWN (Eakalak Maleetipawan), OBSERVATION OF THE MONUMENT (2008, Michael Shaowanasai), AUTOHYSTORIA (2007, Raya Martin) และ EUROPA 2005 – 27 OCTOBER (2006, Jean-Marie Straub + Danièle Huillet) ที่เป็นหนังการเมืองที่สะท้อนความคิดผ่านทางการจับจ้องมองอะไรบางอย่างอย่างจริงจังเหมือนกัน

No comments: